ตอนที่ 2427

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,427 : ข้าชื่อ ‘ซูหลี่’

 

“หา…ที่…ตาย…”

 

ขณะที่ชายหนุ่มสองตาแดงฉานกล่าวคำ มือพลันยกขึ้นผนึกพลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารก่อเกิดเป็นกระบี่พลังมีสภาพ 3 ฉื่อเล่มหนึ่ง

 

สองตาแดงฉานที่มองจ้องชิงหั่วอย่างไร้แยแส บัดนี้เริ่มเผยจิตสังหารอันกระหายเลือดออกมาชัดเจน

 

และในขณะที่จิตสังหารเอ่อล้นออกมาเตรียมลงมือฆ่าคนนั้นเอง

 

พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากกระท่อมไม้ในหุบเขา

 

“ท่านป้า ผู้ใดมาหรือ…ใช่พวกท่านพ่อกลับมาแล้วหรือไม่?”

 

จากนั้นไม่นานร่างเด็กหญิงคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากกระท่อม

 

เด็กหญิงนางนี้แลแล้วมีอายุราวๆ 10 กว่าปีเท่านั้น หากแต่ใบหน้าก็เริ่มเผยเค้าความงามให้เห็นแล้ว…

 

เดาได้ไม่ยาก

 

หากกเด็กหญิงคนนี้เติบโตขึ้นไป วันหน้านางต้องเป็นหญิงงามอันไร้คู่เปรียบนางหนึ่งแน่แท้!

 

แต่เมื่อเด็กหญิงคนนี้ปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานก้อนโลหิต ที่แต่เดิมมองจ้องชิงหั่วและเตรียมลงมือสังหารนั้น มันก็หันมาให้ความสนใจนางทันที

 

การปรากฏตัวของเด็กหญิงได้เบี่ยงเบนความสนใจของชายหนุ่มสองตาแดงฉานได้สำเร็จ!

 

“แย่แล้ว!”

 

ทว่าด้านชิงหั่วแม้จะรอดพ้นจากหายนะชั่วคราว แต่สีหน้าของมันก็อดเปลี่ยนสีไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มสองตาแดงเลือดนั่นละออกจากตัว!

 

“ซือหลิง!”

 

สีหน้าก่านหรูเยี่ยนก็เปลี่ยนไปทันที นางเองก็ไม่คิดเลยว่าหลานสาวของนางอย่างซือหลิงจะออกมาในเวลาแบบนี้!

 

ฟังเสียงจากเรียกของก่านหรูเยี่ยนแล้ว ก็บอกให้รู้ว่าเด็กหญิงที่พึ่งออกมาจากกระท่อมไม้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนซือหลิงลูกสาวของต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อนั่นเอง!

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

เสียงแหวกสายลมฉับไวดังขึ้น 2 สำเนียงติด เป็นผู้เฒ่าพยากรณ์กับก่านหรูเยี่ยนที่วูบร่างมาหยุดบังต้วนซือหลิงเอาไว้หมายปกป้องนางราวแม่หมาป่าปกป้องลูกน้อย

 

สำหรับก่านหรูเยี่ยนแล้ว ต้วนซือหลิงเป็นหลานสาวแท้ๆของนาง ลูกสาวของน้องสาวฝาแฝด!

 

เพื่อช่วยหลานคนนนี้นางยินดีสละทุกสิ่งกระทั่งชีวิต!

 

สำหรับผู้เฒ่าพยากรณ์ ต้วนซือหลิงเป็นลูกสาวแท้ๆของผุ้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ขุมพลังที่มันอุทิศทั้งชีวิตให้ ตอนนี้เมื่อเห็นลูกสาวผู้นำตกอยู่ในอันตราย มันย่อมออกหน้าเป็นธรรมดา!

 

“ไสหัวไป…”

 

ทันใดนั้นชายหนุ่มสองตาแดงเลือดพลันสบถคำเสียงแห้ง และไม่ว่าจะเป็นก่านหรูเยี่ยนหรือผู้เฒ่าพยากรณ์ ต่างรู้สึกว่ามีพลังมหาศาลขุมหนึ่งพุ่งซัดเข้ามาหาตัว!

 

ก่านหรูเยี่ยนยังดีที่สามารถเร่งพลังต้านทานเอาไว้ได้บางส่วน แม้จะบาดเจ็บแต่ก็ไม่ถึงขั้นสาหัส

 

ทว่าด้านผู้เฒ่าพยากรณ์ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่า ถูกพลังดังกล่าวซัดจนปลิวกระเด็นไปกองกับพื้นไกลๆ ปากยังกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ชุดคลุมสีเทาเปรอะเปื้อนเลือดแดงฉาน สีหน้าย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

 

“ท่านป้า! ท่านปู่พยากรณ์!”

 

ตอนนี้เองต้วนซือหลิงพึ่งจะรู้สึกตัว ใบหน้าอ่อนวัยไร้เดียงสาเปลี่ยนสีไปทันที

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนซือหลิงตะโกนออกมาด้วยความห่วงใยผู้เฒ่าพยากรณ์กับก่านหรูเยี่ยน

 

วูบ!

 

ดั่งสายลมหอบหนึ่งกรรโชกพัดผ่านมา ชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานก้อนเลือดได้มาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนซือหลิงปานภูตผี!

 

จะอย่างไรต้วนซือหลิงก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มสองตาแดงปานก้อนเลือดอันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งนัก นางจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว หน้าเริ่มซีดลงทั้งร่างยังรู้สึกหนักอึ้งปานมีตะกั่วพันชั่งลากถ่วง

 

“คุณชายนางยังเป็นแค่เด็กน้อย! ท่าน…”

 

ชิงหั่วที่คิดจะกล่าวอะไรบางอย่าง หากแต่มันไม่ทันได้พูดจบคำดี ก็ถูกพลังขุมหนึ่งซัดทำร้ายจนปลิวกระเด็นไปกองกับพื้นด้วยฝีมือชายหนุ่มสองตาแดงเลือด ประสบชะตากรรมเดียวกับผู้เฒ่าพยากรณ์…

 

ถูกซัดจนเปลี้ยหมด 3 คน!

 

“ท่าน…”

 

ก่านหรูเยี่ยนที่คิดจะกล่าวใดบางอย่าง ทว่ากลับถูกหยุดด้วยเสียงผ่านพลังของชิงหั่วเสียก่อน “เงียบก่อนหรูเยี่ยน…ข้ารู้สึกว่ามันมิได้มีทีท่าว่าจะฆ่าซือหลิง…”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ยามมันเห็นซือหลิง เจตนาฆ่าฟันอันน่ากลัวที่มันมีต่อข้าบัดนี้ยังเริ่มจางหายไปแล้ว…”

 

ชิงหั่วเร่งส่งเสียงผ่านพลังหยุดก่านหรูเยี่ยนเอาไว้ทันที

 

เพราะมันพลันสังเกตเห็นสิ่งนี้

 

หลังได้ยินวาจาดังกล่าว ก่านหรูเยี่ยนก็มองจ้องไปยังชายหนุ่มสองตาแดงเลือดทันที

 

และนางก็พบว่าเมื่อชายหนุ่มสองตาแดงเลือดนั่นหยุดอยู่เบื้องหน้าซือหลิง เจตนาฆ่าฟันทั่วร่างก็อ่อนจางลง จนในที่สุดก็หายไปไม่มีเหลือ แม้กระทั่งสองตาสีเลือดแดงฉานยังค่อยๆจางลงอย่างเห็นได้ชัด…

 

‘มันคิดทำอะไรกันแน่?’

 

จังหวะนี้ไม่ว่าก่านหรูเยี่ยน ชิงหั่ว หรือผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ได้แต่มองเรื่องราวด้วยความตะลึง

 

หลังจากนั้นไม่นานสีเลือดในแววตาก็หายไป หวนกลับมากระจ่างใสเหมือนคนปกติอีกครั้ง

 

ตอนนี้คล้ายมันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใบหน้าเริ่มคลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา มองถามต้วนซือหลิงว่า

 

“เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับต้วนหลิงเทียนหรือ?ข้ารู้สึกว่า…เหมือนเจ้าจะคล้ายมันอยู่บ้าง?”

 

ชายหนุ่มที่อยู่ๆก็เปลี่ยนไปราวคนละคน มองถามต้วนซือหลิงออกมาด้วยคำถามดังกล่าว

 

ทันใดนั้นไม่ว่าจะก่านหรูเยี่ยน ผู้เฒ่าพยากรณ์ หรือชิงหั่ว ก็อึ้งไปทันที

 

ก่อนหน้านี้ให้ตีพวกนางให้ตาย พวกนางก็ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าชายหนุ่มสองตาแดงเลือดแลดูน่ากลัวนั่น จะเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมากับซือหลิง

 

“ต้วนหลิงเทียน…หรือมันจะรู้จักต้วนหลิงเทียน?”

 

ก่านหรูเยี่ยนพอดึงสติกลับมาได้ ก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปด้วยความตกใจ

 

“เป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่…หาไม่แล้วไฉนพอมันเห็นว่าเค้าโครงใบหน้าซือหลิงละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนมันจึงหยุดถาม?”

 

ชิงหั่วเองก็ทึ่งไม่น้อย

 

“มัน…รู้จักผู้นำด้วย?”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์มองไปด้วยสายตาเหลือเชื่อ

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ว่าจะก่านหรูเยี่ยน ผู้เฒ่าพยากรณ์ หรือชิงหั่ว ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

อย่างน้อยๆจากเรื่องราวที่เห็นเบื้องหน้า ก็บอกให้พวกมันรู้ว่าต้วนซือหลิงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป

 

“ท่าน…ท่านรู้จักท่านพ่อของข้าด้วยหรือ?”

 

ต้วนซือหลิงที่หวาดกลัวชายหนุ่มจนตัวแข็ง พอได้ยินคำถามดังกล่าวความหวาดกลัวก็เริ่มจางหายไปทันที

 

และพอมองไปยังร่างชายหนุ่มอีกครั้ง นอกจากความกลัวที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อย ก็ถูกความอยากรู้อยากเห็นเข้ามาแทนที่ทันที

 

“ท่านพ่อ?”

 

“เจ้า…เจ้าเป็นลูกสาวต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ…เจ้าต้วนมัน…มีลูกสาวแล้ว?”

 

ชายหนุ่มผงะไปพักหนึ่งไม่นานก็เริ่มหัวเราะออกมา สักพักก็ถอนหายใจเบาๆอย่างช่วยไม่ได้ “นั่นสินะ…อย่างไรข้าก็ไม่เจอมันหลายปีแล้ว…”

 

“ท่านเป็นผู้ใดกัน…แล้วรู้จักกับท่านพ่อของข้าด้วยหรือ?”

 

ความหวาดกลัวของต้วนซือหลิงหายไปหมดสิ้น หากแต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับผุดขึ้นให้เห็นเต็มใบหน้าแววตา

 

“ข้าเป็นสหายของบิดาเจ้า แน่นอนว่าต้องรู้จักสิ”

 

ชายหนุ่มหัวเราะ

 

“เอ๋ ท่านเป็นสหายของท่านพ่อหรือ?”

 

ต้วนซือหลิงเผยสีหน้าสงสัย “แล้วท่านเป็นสหายคนไหนของท่านพ่อเล่า…ถึงข้าจะไม่เคยเห็นแต่ข้าเคยได้ยินมานะ”

 

“ข้าชื่อ ซูหลี่…บิดาเจ้าเคยพูดถึงข้าหรือไม่?”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าซูหลี่ยิ่งมายิ่งฉีกกว้าง

 

“ซูหลี่?”

 

เมื่อชายหนุ่มกล่าวบอกนามตัวเองออกมา ไม่ว่าจะชิงหั่ว ผู้เฒ่าพยากรณ์ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เพราะทั้งคู่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

 

กระทั่งก่านหรูเยี่ยนเองก็อดย่นคิ้วเป็นปมไม่ได้

 

เพราะนางเองกก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเช่นกัน?

 

“ซูหลี่ ท่าน…ท่านคือลุงซูหลี่หรือ!?”

 

ต่างจากพวกชิงหั่ว ผู้เฒ่าพยากรณ์และก่านหรูเยี่ยนที่เริ่มตึงเครียด ต้วนซือลิงตอนนี้ตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะโพล่งถามออกมาเสียงดังลั่น

 

“ท่านลุงซูหลี่ ข้าเคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงท่านด้วย!”

 

“ท่านลุง…ได้เจอกับท่านพ่อข้าที่เมืองโลหิตเหล็กของทวีปเมฆาล่อง! ตอนนั้นท่านลุงก็มาเข้าร่วมการทดสอบเพื่อเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กด้วยใช่หรือไม่…ท่านพ่อบอกว่าตอนนั้นเองที่ท่านพ่อได้เจอท่านลุงครั้งแรก!”

 

ต้วนซือหลิงกล่าวถามด้วยความตื่นเต้นล้นปรี่ ตอนนี้ในใจนางไม่หลงเหลือความหวาดกลัวใดๆต่อไป

 

กระทั่งยามมองไปที่ซูหลี่อีกครั้งไม่เพียงแต่จะไม่กลัวแล้ว สองตายังกลมกว้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น มองจ้องรอฟังคำตอบของซูหลี่อย่างใจจดจ่อ

 

“ทวีปเมฆาล่อง เมืองโลหิตเหล็ก…ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก”

 

ได้ยินคำถามของต้วนซือหลิง สองตาซูหลี่ก็คล้ายมีม่านหมอกบดบัง มันพร่ามัวไปทันที หากแต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็กลับมามีสติ มองถามต้วนซือหลิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่คิดเลยว่าพ่อเจ้าจะบอกเจ้ากระทั่งเรื่องนี้ด้วย…”

 

“ว่าแต่พ่อเจ้าเล่า…ตอนนี้อยู่ที่ใดแล้ว?”

 

ซูหลี่กล่าวถาม

 

“อ๋อ ท่านพ่อเข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่น่ะท่านลุง…”

 

ต้วนซือหลิงกล่าวออกขณะที่หันไปยกมือชี้ หลุมดำ ที่มองไม่เห็นก้นบึ้งที่ปรากฏอยู่กลางหาว สองตากลมใสของนางยังเผยให้เห็นความคิดถึงไม่น้อย

 

“แดนลับเซียนกระบี่?”

 

สายตาของซูหลี่หันไปมองยังหลุมดำที่ว่าทันที “เจ้าบอกว่า…นั่นคือทางเข้าแดนลับเซียนกระบี่งั้นเหรอ?”

 

“อ๊ะ!”

 

ในขณะที่ต้วนซือหลิงกำลังจะตอบ อยู่ๆกลิ่นอายสงบของซูหลี่กก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพุ่งพล่านรุนแรงปานน้ำเดือด!

 

กลิ่นอายรุนแรงดังกล่าวยังกำจายออกมาทั่วทิศในชั่วพริบตา พาลให้หน้าซือหลิงเปลี่ยนสีไปทันใด

 

ซู่มมม!!

 

ทันใดนั้นไอมารมหาศาลก็เริ่มลุกโชนขึ้นทั่วร่างซูหลี่อีกครั้ง!

 

สองตากระจ่างใส เริ่มหวนกลับมาเป็นสีแดงฉานปานก้อนเลือด ยังเต็มไปด้วยความดุร้ายรุนแรงนัก!!

 

“ท่านลุงซูหลี่!?”

 

พอเห็นลุงซูหลี่เบื้องหน้าอยู่ดีๆก็แปรเปลี่ยนกลับกลายไปราวคนละคน ต้วนซือหลิงอดไม่ได้ที่จะเรียกหาอีกฝ่ายเบาๆ สีหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หากทว่ากระบี่ 3 ฉื่อที่ควบแน่นด้วยไอมารและพลังเซียนต้นกำเนิดที่สลายหายไปก่อนหน้า ได้ควบแน่นก่อเกิดขึ้นมาอีกครั้ง มันยังเปล่งกลิ่นอายแหลมคมอันตรายเสียดแทงออกไปทั่ว

 

“ไม่….ไม่ได้…”

 

ซูหลี่ไม่ตอบคำซือหลิงแต่อย่างใด หากแต่มันยืนร่างสั่นระริกอยู่ตรงนั้น กล่าวคำ ‘ไม่’ ออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน

 

ราวกับการจะกล่าวคำนี้มันยากเย็นนัก!

 

ฟั่ฟฟฟ!

 

กระบี่พลังมีสภาพ 3 ฉื่อในมือซูหลี่พลันเงื้อขึ้น ก่อนจะฟาดลงไปยังต้วนซือหลิง

 

“ไม่!!”

 

หน้าก่านหรูเยี่ยนเปลี่ยนไปมหันต์ เมื่อเห็นซูหลี่ยกกระบี่ขึ้นก่อนจะฟาดลงไปทางซือหลิง

 

วูบ วูบ

 

ท่าทางของชิงหั่วกับผู้เฒ่าพยากรณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับต้วนซือหลิงต่อหน้าต่อตาของพวกมันล่ะก็ พอต้วนหลิงเทียนกลับมาพวกมันยังจะมีหน้าไปพบต้วนหลิงเทียนอีกหรือ?

 

“ท่านลุงซูหลี่…”

 

สีหน้าต้วนซือหลิงเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เมื่อเห็นซูหลี่ง้างกระบี่แล้วฟันลงมา

 

นางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่า ซูหลี่ สหายอันดีที่บิดาเคยกล่าวถึง จะทำร้ายนางได้ลงคอทั้งๆที่ได้รู้แล้วว่านางเป็นลูกสาวของบิดา

 

ต้วนซือหลิงที่รู้สึกสิ้นหวัง อดหลับตาลงเพราะความหวาดกลัวไม่ได้…