ตอนที่ 2428

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,428 : กลับมาแล้ว!!

 

กระบี่ฟาดแหวกอากาศลงมาด้วยความฉับไวปานสายฟ้า มองเห็นเป็นเส้นแสงสายหนึ่ง

 

ฟั่บบ!

 

เสียงแผ่วเบาดังขึ้น และคล้ายมีบางสิ่งถูกตัดออกไป…

 

ได้ยินเสียงดังกล่าวร่างก่านหรูเยี่ยนสะท้านไปทันใด สองตาหลับลงราวกับทนดูเรื่องราวเบื้องหน้าไม่ไหว ยังรู้สึกเสมือนหัวใจจะหยุดเต้นลงตรงนี้

 

วูบ! วูบ!

 

สีหน้าท่าทีของผู้เฒ่าพยากรณ์กับชิงหั่วก็เปลี่ยนไปร้ายแรง

 

หากแต่ไม่นานร่างพวกมันก็ชะงักค้างไปราวถูกแช่แข็ง

 

สองตายังเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง

 

นั่นเพราะพวกมันเห็นว่า…

 

เสียงบางสิ่งถูกตัดขาดนั้น ไม่ใช่เสียงกระบี่ของซูหลี่ที่เข่นฆ่าซือหลิง…

 

เป็นกระบี่ของซูหลี่เพียงวาดผ่านหั่นเส้นผมข้างหูซือหลิงไปเล็กน้อย ไม่ได้ทำร้ายซือหลิงแม้แต่นิดเดียว

 

“อ๊ากกกก”

 

ทันใดนั้นเสียงคำรามปานสัตว์ร้ายพลันดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาสองตาแดงฉานของซูหลี่สะบัดไปมาระรัว ราวกับกำลังดิ้นรนแข็งขืนอะไรบางอย่าง

 

“ไม่…ทำไม่ได้…ทำร้ายนางไม่ได้เด็ดขาด! ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าทำได้!!”

 

ทันทีที่ซูหลี่กล่าวคำพวกนี้ออกกมา ผู้เฒ่าพยากรณ์กับชิงหั่วพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

 

ดูท่าการกระทำดุร้ายนี้ของซูหลี่ จะไม่ได้มาจากความตั้งใจของเจ้าตัว…

 

ดูเหมือนจะมีบางสิ่งในร่างกำลังควบคุมซูหลี่อยู่!

 

ฟุ่บบบ!!

 

ในขณะที่ชิงหั่วและผู้เฒ่าพยากรณ์กำลังสงสัยว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับซูหลี่กันแน่ ร่างซูหลี่ก็คล้ายเปลี่ยนเป็นอัสนีสายหนึ่งฟาดผ่าไปทางหลุมดำอันเป็นทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล!

 

พริบตาร่างซูหลี่ก็จมหายเข้าไปในนั้น

 

“ท่านลุงซูหลี่…”

 

ก่อนที่ซูหลี่จะพุ่งร่างจากไป วินาทีสุดท้ายต้วนซือหลิงได้ลืมตาขึ้นมาชมดูเรื่องราว จึงทันได้เห็นแววตาเจ็บปวดทั้งดิ้นรนในส่วนลึกของดวงตาสีเลือดคู่นั้น

 

วินาทีนั้นนางตระหนักได้ทันที…

 

ที่คิดทำร้ายนางไม่ใช่ท่านลุงซูหลี่!

 

แต่สมควรเป็น ‘จิตมาร’ ที่ซ่อนอยู่ในร่างของลุงซูหลี่และกำลังครอบครองร่างของลุงซูหลี่ของนางชั่วคราว!

 

มิฉะนั้นท่านลุงซูหลี่ของนางจะเปลี่ยนไปราวคนละคนได้อย่างไร?

 

“ซือหลิง!!”

 

ตอนนี้พอลืมตาขึ้นแล้วพบว่าต้วนซือหลิงยังปลอดภัยไร้เรื่องราว ก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะร้องเรียกออกมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้พบพานเหตุการณ์ที่ทำให้นางมีความสุขที่สุด

 

สำหรับนางในตอนนี้

 

การที่หลานสาวยังอยู่ดีมีสุขนับเป็นเรื่องดีที่สุดในโลก!

 

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

“ซูหลี่ผู้นั้น…อยู่ๆก็เปลี่ยนไปคล้ายคนละคน ราวกับถูกบางสิ่งครอบงำจิตใจ…”

 

“หลังจากที่สองตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ข้ารู้สึกว่ายามนั้นมันมิใช่ผู้คน หากแต่เป็นมารร้ายกระหายเลือด! มันสมควรถูกจิตมารเข้าแทรกไม่ผิดแน่!!”

 

 

ชิงหั่วกับผู้เฒ่าพยากรณ์หันมามองหน้าสบตากัน และทั้งคู่ก็ยืนยันได้เรื่องหนึ่ง…

 

ตอนที่ลงมือกับซือหลิง ท่าท่างจะไม่ใช่เจตนาของตัวซูหลี่เอง!

 

อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายคล้ายไม่อาจควบคุมร่างได้เต็มที่ ทำได้เพียงแข็งขืนต่อต้านจิตมาร กระทั่งเบี่ยงวิถีกระบี่ออกไปในห้วงเวลาสุดท้ายได้ทันท่วงที

 

ถึงแม้พวกมันเองจะมองไม่เห็นวิถีกระบี่อันฉับไวนั่น

 

แต่พวกมันมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง

 

เดิมทีจิตมารที่กำลังครอบงำร่างซูหลี่อยู่นั้น เจตนาฟันกระบี่สังหารต้วนซือหลิงแน่ๆ !

 

หากไร้ข้อผิดพลาดใดๆไม่พ้นกระบี่นั่นต้องบั่นคอซือหลิงได้ง่ายดาย

 

หากทว่าในวินาทีสุดท้าย กระบี่นั่นกลับเบี่ยงวิถีออกไปจนฟันถูกแค่เส้นผมข้างหูของซือหลิง!

 

“ท่านลุงซูหลี่…ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้?”

 

ได้ยินบทสนทนาของชิงหั่วกับผู้เฒ่าพยากรณ์ ต้วนซือหลิงเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง

 

ความรู้สึกของนางไม่ผิด!

 

ด้วยเหตุนี้สองตานางจึงอดฉายความกังวลออกมาไม่ได้

 

เพราะนางเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของซูหลี่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

 

“แม่หนูซือหลิง…เจ้าเคยได้ยินบิดาเจ้ากล่าวถึงมันจริงๆหรือ? นอกจากนั้นมันยังมาจากทวีปเมฆาล่องด้วย?”

 

ตอนนี้เองผู้เฒ่าพยากรณ์อดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามต้วนซือหลิง

 

“ใช่แล้วท่านปู่พยากรณ์”

 

ต้วนซือหลิงพยักหน้ากล่วาตอบ “ท่านพ่อเคยเล่าให้ซือหลิงฟังมากกว่าหนึ่งครั้งว่าท่านลุงซูหลี่เป็นสหายอันดีของท่านพ่อ…และตั้งแต่ที่ท่านพ่อเดินทางออกจากทวีปเมฆาล่องมา ท่านพ่อก็ไม่เคยเจอท่านลุงซูหลี่อีกเลย…”

 

“และตอนที่ท่านพ่อไปตระเวนทั่วทวีปเมฆาล่องเพื่อตามหาคพวกท่านปู่กับท่านย่า ก็ไม่พบท่านลุงซูหลี่เช่นกัน…ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆท่านลุงซูหลี่จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้”

 

ต้วนซือหลิงกล่าว

 

“นั่นสิ…มัน ไฉนถึงมาที่นี่ได้?”

 

ได้ยินคำของต้วนซือหลิง ผู้เฒ่าพยากรณ์ ชิงหั่ว และก่านหรูเยี่ยนจึงอดตะลึงไปไม่ได้

 

พวกมันไม่เชื่อว่าซูหลี่จะมาถึงที่นี่โดยบังเอิญ

 

ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้นกว้างใหญ่ไพศาลนัก ถึงแม้จะมีคนบังเอิญค้นพบสถานที่แห่งนี้จริง แต่ทว่าหากคนๆนั้นดันเป็นสหายเก่าของต้วนหลิงเทียน พวกมันรู้สึกว่าเรื่องราวไม่น่าจะใช่แค่บังเอิญ

 

ใต้หล้าไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้!!

 

อันที่จริงสาเหตุที่ทำไมซูหลี่ถึงค้นพบสถานที่แห่งนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับ ‘บ่อโลหิตสืบทอด’ ที่เสี่ยวจินพามันไปเจอในแดนเนรเทศ…

 

ตอนแรกหลังจากที่ได้เข้าไปในบ่อโลหิตสืบทอดแล้วถึงแม้จะถูกอาคมขับไล่ออกมาแทบจะทันที หากแต่ซูหลี่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันบริสุทธิ์และน่าประทับใจอย่างถึงที่สุดจากภายในบ่อโลหิตสืบทอด

 

และตอนนี้กลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์ทางหลุมดำ ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายดังกล่าวเช่นกัน ถึงแม้มันจะค่อนข้างเบาบางมากกว่ากันก็ตามที

 

ทว่าซูหลี่ที่บังเอิญถูกส่งขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนบริเวณเขตตะวันตกพลันสัมผัสถึงมันได้…

 

หากเป็นซูหลี่ที่อยู่ในสภาพมีสติสัมปชัญญะเกรงว่าคงไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเบาบางดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่ถูกมารครอบงำร่าง มารร้ายในร่างซูหลี่กลับสามารถตระหนักถึงสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน มันจึงเร่งรุดเดินทางมาที่นี่ทันที

 

เลยเกิดเรื่องราวอย่างเมื่อครู่ขึ้น

 

“ท่านปู่พยากรณ์…ท่านลุงซูหลี่คงมิเป็นไรใช่หรือไม่?”

 

ต้วนซือหลิงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามผู้เฒ่าพยากรณ์ด้วยสายตาเป็นกังวล หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าการกระทำก่อนหน้าหาใช่เจตนาของซูหลี่เองไม่

 

ลึกลงไปในแววตานางยังเผยให้เห็นถึงความคาดหวังประการหนึ่ง คาดหวังว่าผู้เฒ่าพยากรณ์จะบอกว่าไม่เป็นอะไร และท่านลุงซูหลี่ของนางต้องสบายดี…

 

“น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก…”

 

และชายชราก็ตอบคำไปในทำนองที่นางคาดหวัง “มองจากอาการของซูหลี่แล้ว หลังจากที่ถูกจิตมารครอบงำแม้จะแทบควบคุมตัวเองไม่ได้…แต่วินาทีสุดท้ายยังแข็งขืนต่อต้านได้สำเร็จ! และฟังจากวาจาของมันท่าทางเรื่องพวกนี้จะมิใช่ว่าพึ่งเกิดขึ้นครั้งแรก…”

 

“เช่นนั้นเจ้ามิต้องห่วงเรื่องนี้ไป สักวันลุงซูหลี่ของเจ้าต้องเอาชนะจิตมารได้แน่…”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์อดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบปิดท้าย

 

“แบบนั้นก็ดียิ่ง”

 

อารมณ์ของต้วนซือหลิงย่อมดีขึ้นมาหลังได้ยินคำตอบดังกล่าวของผู้เฒ่าพยากรณ์

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

หลังจากนั้นผ่านไปอีก 3 วัน หุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ก็ปรากฏร่างผู้มาเยือนอีกครั้ง และยังมากันถึง 3!

 

“ไฉนพวกเจ้า…ถึงมาที่นี่กันได้ล่ะ?”

 

เมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญทั้ง 3 ผู้เฒ่าพยากรณ์อดไม่ได้ที่จะมองถามด้วยความประหลาดใจ

 

นั่นเพราะทั้ง 3 ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น อสรพิษน้อยทั้ง 2 รวมถึงหนูน้อยตัวกลมที่จำแลงร่างเป็นเด็กมนุษย์

 

เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน

 

มันยังจดจำได้

 

ตอนแรกเป็นมันที่วานให้ผู้สืบทอดทวาเที่ยงแท้ลำดับ 4 เงาทมิฬ เยว่อู๋หยิ่ง ที่ตกตายไปแล้ว นำทั้ง 3 ไปยังภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

เพราะตอนมันทำนายโชคชะตาให้ทั้ง 3 นั้น มันพบว่าทั้ง 3 จะพบพานวาสนาบางประการในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

แม้คำทำนายดังกล่าวจะคลุมเครือไม่ชัดเจนและอาจเป็นอันตราย แต่มันก็ยังวานให้เยว่อู๋หยิ่งพาทั้ง 3 ลงไปปล่อย

 

เพราะสุดท้ายแล้ววาสนาก็มาพร้อมกับความเสี่ยง!

 

“ตาแก่พยากรณ์!”

 

เมื่อได้เห็นหน้าผู้เฒ่าพยากรณ์อีกครั้ง เด็กหญิงในชุดสีทองพลันมองกล่าวออกมาด้วยท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ “ไฉนเจ้าถึงให้เยว่อู๋หยิ่งพาพวกเราไปทิ้งกันหา!?”

 

“แถมเอาพวกเราไปทิ้งที่ไหนไม่ทิ้ง ดันไปทิ้งไว้ที่ภูมิภาคเบื้องล่างเนี่ยนะ! ไม่รู้หรือไรว่าพวกปีศาจมันบุกขึ้นมากันแล้ว…ตาแก่บอกมาเลยนะ เจ้าใช่คิดฆ่าพวกเราหรือไม่!?”

 

หลังจากที่ย้อนกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบนได้ไม่กี่วันก่อน เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ ก็ได้ติดต่อเครือข่ายธุลีแดง จนในที่สุดก็ได้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

ที่แท้เป็นผู้เฒ่าพยากรณ์นี่เองที่เป็นตัวการสั่งให้เยว่อู๋หยิ่งพาพวกนางไปปล่อยไว้ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง!

 

ถึงแม้ทั้งหมดจะเป็นเพราะผู้เฒ่าพยากรณ์ใช้ศาสตร์แห่งการทำนาย พบว่าพวกนางทั้ง 3 จะพบพานโชควาสนาอันใด

 

แต่การที่อยู่ๆผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ลงมือสั่งให้คนเอาพวกนางไปทิ้งไว้ทั้งๆที่ไม่บอกอะไรกันเลยสักคำย่อมทำให้นางบังเกิดความไม่พอใจถึงที่สุด!

 

ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเสี่ยวจินที่มองชายชราด้วยสีหน้าไม่พอใจ เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ยังมองจ้องผู้เฒ่าพยากรณ์ด้วยสายตาเฉยเมย

 

เรียกว่าเสี่ยวไป๋ที่ได้เค่อเอ๋อมาและใจดีเป็นที่สุด ตอนนี้ยังเผยความไม่พอใจให้เห็นชัดเจน

 

“ดูพวกเจ้าทำเข้า…แล้วมิใช่ว่าลงไปภูมิภาคเบื้องล่างครานี้ พวกเจ้าก็ได้พบเจอวาสนาอันประเสริฐมารึไร?”

 

ถึงแม้พวกเสี่ยวจินทั้ง 3 จะปกปิดกลิ่นอายพลังมิดชิด หากแต่ผู้เฒ่าพยากรณ์ยังแลเห็นถึงความรู้สึกไม่ธรรมดาที่แผ่ออกมาทั่วร่างทั้ง 3 และรู้ว่าบัดนี้ทั้ง 3 ได้เปลี่ยนไปไม่น้อย

 

ดังนั้นมันจึงเดาได้ทันที

 

9 ใน 10 ส่วนพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 คงได้ประสบวาสนาอันใดมาแน่!

 

“วาสนาอันประเสริฐ?”

 

เสี่ยวจินถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามนี้ของผู้เฒ่าพยากรณ์ หากแต่นางยังบ่ายเบี่ยง ชักสีหน้าปั้นปึ่งกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “วาสนากับผีสิ!ปีศาจยั้วเยี้ยะเต็มภูมิภาคเบื้องล่างไปหมด พวกเราเกือบถูกจับกินไม่รู้กี่รอบ!!”

 

“อะไร?”

 

“นี่พวกเจ้าไม่ได้พบวาสนาอันใดเลยรึ?”

 

ทันใดนั้นสีหน้าผู้เฒ่าพยากรณ์ก็แปรเปลี่ยนไป สองตาค่อยๆหลับลงมือยกขึ้นมาคล้ายนับนิ้ว กล่าวพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไรกัน…หรือ..ข้าจะคำนวณผิดไปจริงๆงั้นเหรอ?”

 

ตอนที่มันใช้ศาสตร์ทำนายอ่านชะตาของทั้ง 3 มันพบว่าหากทั้ง 3 ลงไปผจญภัยในภูมิภาคเบื้องล่าง สมควรพบเจอบางสิ่งที่ดีกับทั้ง 3 อย่างถึงที่สุด!

 

ทว่าตอนนี้เสี่ยวจินกลับบอกว่าปีศาจยัวเยี้ยะเต็มไปหมดแทบถูกกิน ยังมีคำ ‘วาสนากับผีสิ’ นั่นอีก ผู้เฒ่าพยากรณ์จึงคิดว่ามันทำนายผิดไปเป็นธรรมดา

 

“เฮ่!”

 

ตอนนี้เองต้วนซือหลิงพลันมองไปยังเสี่ยวจินที่มีท่าทางก้าวร้าว พลางร้อง ‘เฮ่’ ทักออกไปด้วยท่าทางดุๆ “ดูเจ้าสิน้องสาว หน้าตาเจ้าก็น่ารักน่าเอ็นดูมากแท้ๆ…ไฉนถึงได้ก้าวร้าวหยาบคายเช่นนี้เล่า!?”

 

“ท่านปู่พยากรณ์เป็นผู้อาวุโสนะ เจ้าพูดกับผู้อาวุโสด้วยวาจาก้าวร้าวเช่นนี้ได้อย่างไร มันไม่ดีรู้หรือไม่!?”

 

ต้วนซือหลิงเริ่มกล่าวดุเด็กหญิงในชุดสีทองที่แลดูเด็กกว่าออกมาราวกับผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า

 

“ซือหลิง!”

 

ต้วนซือหลิงอาจไม่เห็นว่าเสี่ยวจินหาใช่ใครที่ใครก็ตอแยด้วยได้ง่ายๆ แต่ทว่าก่านหรูเยี่ยนเห็น!

 

“ยาโถวน้อยนี่เป็นผู้ใดอีกกัน?”

 

ตอนนี้เองเสี่ยวจินพลันหันมามองต้วนซือหลิงด้วยสายตาแฝงรำคาญ ขมวดคิ้วกล่าวออกด้วยความไม่สบอารมณ์ “นี่เป็นเรื่องระหว่างเรากับตาแก่พยากรณ์ ยาโถวน้อยเจ้าอย่ายุ่งดีกว่า!”