ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 161 ยังมีใครอีก

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท่าทางของลั่วลั่วน่ารักจนแม้แต่นางก็ยังรู้สึกเขิน ทำให้นางหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะของนางช่างสดใส เคอะเคอะเคอะเคอะ

คำพูดที่นางใช้เมื่อครู่เป็นตัวอักษร 咯 แม้ว่าจะออกเสียงต่างกัน ตัวอักษรก็เขียนเหมือนกัน [1]

นางมีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

แต่หลังจากกลับจากจิงตูมาเมืองไป๋ตี้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ นางไม่ได้พูดแบบนี้อีก ไม่เคยหัวเราะอย่างยินดีอีก

นางเปลี่ยนเป็นสุขุมเยือกเย็นราวกับนางได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ

มีแต่วันนี้ที่เฉินฉางเซิงขี่กระเรียนมาถึง ที่นางพลันเปลี่ยนเป็นเด็กสาวเมื่อหลายปีก่อน

ภาพนี้และเสียงหัวเราะนี้ปลอบประโลมคนสำคัญของเผ่าปีศาจหลายคน แต่นี่ทำให้บรรยากาศย่ำแย่ลงไปอีก

พวกเขารู้ว่าทำไมลั่วลั่วถึงได้ยินดีนัก นางเชื่อว่าเฉินฉางเซิงจะเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขามั่นใจเช่นกัน

ในฐานะสังฆราชของเผ่ามนุษย์ เฉินฉางเซิงย่อมไม่ปล่อยให้ศิษย์ของตนแต่งกับราชามาร ยิ่งไม่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูเผ่าปีศาจร่วมเป็นพันธมิตรกับเผ่ามาร

มู่ฮูหยินจะทำอะไรต่อไป

สายลมส่งเสียโหยหวนจากเทือกเขาด้านหลังเมืองพระราชวัง ส่งกลิ่นเกลือและความชื้น

นี่เป็นสายลมจากทะเล แม้จะยากบอกได้ว่ามันมาจากดินแดนต้าซีอันห่างไกลหรือเปล่า

ดอกสาลี่ที่กระจายอยู่บนพื้นค่อยๆ ถูกพัดขึ้น ลอยอยู่ในอากาศแต่ก็ไม่ได้ลอยสูงนัก แค่ค้างอยู่ในระดับเข่าเท่านั้น

ทั้งลมทะเลและดอกสาลี่ที่ร่ายรำเกิดจากสายตาที่มู่ฮูหยินมองไปยังเฉินฉางเซิง

มันเป็นความมืดมิดราวกับเหวลึกเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ

แต่ก่อนที่มู่ฮูหยินจะสามารถพูดหรือทำอะไรก็มีความเปลี่ยนแปลงอื่นเกิดขึ้น

ผู้นำเผ่าหมีกับไม้เท้าเหล็กหนักอึ้งก้าวออกมา

ผู้นำเผ่าซื่อยื่นมือในอากาศสัมผัสความอบอุ่นของลมทะเล ส่ายหน้ายามที่ก้าวออกมา

นายกกับแม่ทัพขุนนางสิบกว่าคนก็ก้าวออกมาเช่นกัน

พวกเขาเดินออกมาจากฝูงชนโดยรอบแท่นสังเกตการณ์ และยืนอยู่ด้านหน้า

แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่และพลังที่บรรจุอยู่ในลมทะเล

พวกเขาเลือกข้างแล้ว

นายก ผู้นำเผ่า ขุนนาง แม่ทัพเป็นตัวแทนของขุมกำลังขนาดใหญ่ในเผ่าปีศาจ

พวกเขาเดิมทีก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่ามนุษย์และยืนกรานคัดค้านการเป็นพันธมิตรกับเผ่ามาร

พวกเขาได้แสดงจุดยืนไปแล้วในตำหนัก เหตุผลที่พวกเขาไม่ยืนกรานแต่นิ่งเงียบมองดูลั่วลั่วถูกบีบให้แต่งงานก็เพราะพวกเขารู้ว่าด้วยกำลังของพวกเขาในสถานการณ์ที่ไม่ทันเตรียมตัวแบบนี้ ยากที่จะปะทะกับเจตจำนงของมู่ฮูหยินกับสภาผู้อาวุโส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจตจำนงของจักรพรรดิขาว

แต่ตอนนี้เฉินฉางเซิงมาถึงแล้ว

เขาคือสังฆราช มีคุณสมบัติเป็นตัวแทนของเผ่ามนุษย์ทั้งหมด

เมื่อมีพันธมิตรที่ทรงอำนาจมาถึง หากพวกเขาไม่ฉวยโอกาสนี้แสดงจุดยืนให้ชัดเจน พวกเขายังมีสิทธิ์อะไรมายืนที่นี่

……

……

ลมทะเลบรรจุไว้ด้วยเจตจำนงอันน่ากลัวและความหมายที่ชัดเจน

เฉินฉางเซิงรับรู้ได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะถอย

ในตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่รู้สถานการณ์โดยรวมคร่าวๆ เท่านั้น

แต่เขามั่นใจว่าต่อให้นี่เป็นเจตจำนงของจักรพรรดิขาวและมู่ฮูหยิน ขุมกำลังมากมายในเผ่าปีศาจก็ยังยินดีที่จะสนับสนุนเขา สนับสนุนเผ่ามนุษย์

ที่สำคัญยิ่งกว่า เขาเชื่อมั่นว่ามู่ฮูหยินจะไม่โจมตีเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้

ทุกอย่างล้วนมีขีดจำกัด

หากเผ่าปีศาจต้องการเป็นพันธมิตรกับเผ่ามาร พวกเขาอาจใช้ความตายของเซวียนหยวนผ้อมาสร้างความไว้ใจระหว่างสองฝ่าย แต่ไม่อาจใช้เฉินฉางเซิง

ฐานะของเขาต่างไป

หากเขาตายในเมืองไป๋ตี้ ตายในมือของเผ่าปีศาจ จะเกิดคลื่นใหญ่ถล่มใส่ต้าลู่

ไม่ว่าอาจารย์ของเขา ซางสิงโจวจะแอบดีใจอยู่ลับๆ อย่างไร ราชสำนักต้าโจวก็ยังจัดตั้งกองทัพใหญ่ทำการโจมตีดินแดนเผ่าปีศาจอย่างดุดัน ไม่อย่างนั้นความโกรธเกรี้ยวของผู้ศรัทธานับล้านจะแผดเผาวังหลวงและจวนต่างๆ ในจิงตูจนราบคาบ

ส่วนพระราชวังหลีจะมีปฏิกิริยารุนแรงหรือบ้าคลั่งเพียงใด ไม่ต้องคิดก็รู้คำตอบได้

พันธมิตรระหว่างเผ่าปีศาจกับเผ่ามารก็เพื่อความปลอดภัยและอนาคต ดังนั้นพวกเขาจะยอมจ่ายค่าตอบแทนสูงขนาดนี้หรือ

ลมทะเลค่อยๆ สลายไป ดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ตกลงสู่พื้นอีกครั้ง

มู่ฮูหยินยังคงสงบนิ่ง ไม่ได้ลงมือโจมตี

เฉินฉางเซิงไม่ได้คิดผิดไป ยกเว้นเรื่องหนึ่ง

มู่ฮูหยินย่อมไม่ลงมือฆ่าเขาจริงๆ แต่ในสายตานาง เฉินฉางเซิงก็คือคนที่ตายไปแล้ว

เพราะบางคนอยากให้เฉินฉางเซิงตายยิ่งไปกว่านางเสียอีก

เสียงสุขุมดังขึ้น

“คำสั่งอาจารย์ยากขัดขืนอย่างนั้นหรือ หากอาจารย์ตายก็ย่อมออกคำสั่งไม่ได้ แล้วคำสั่งของอาจารย์จะนับเป็นอะไร”

เฉินฉางเซิงเคลื่อนสายตาไปทางคนที่อยู่ใต้ต้นสาลี่เงียบๆ

เขาเคยพบคนผู้นี้มาก่อนในเทือกเขาหิมะและรู้เป็นใคร

ราชามารผู้ทรงอำนาจมายังเมืองไป๋ตี้ตามลำพัง เขารู้ดีว่านี่มีความหมายเช่นใด

เรื่องที่ซางสิงโจวเขียนในจดหมายย่อมกลายเป็นจริง

นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ใจของเฉินฉางเซิงหนักอึ้ง แต่ดวงตาเรียบเฉย

ราชามารยิ้มและกล่าว “ผ่านมาหลายวันแล้วนับจากที่เราจากลาบนเทือกเขาหิมะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะสามารถอยู่รอดมาได้ถึงวันนี้”

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจไม่อาจโจมตีเฉินฉางเซิง แต่เขาทำได้

เผ่าปีศาจสามารถเลือกได้ แต่ไม่มีหวังให้เผ่ามนุษย์กับเผ่ามารคืนดีกัน คงต้องผ่านไปอีกหลายศตวรรษก่อนที่จะมีโอกาสเกิดขึ้นสักเล็กน้อย

ความเกลียดชังระหว่างเผ่ามารกับมนุษย์นั้นลึกเกินไป

การบุกยึดลั่วหยางและการยกทัพขึ้นเหนือเพื่อกำจัดเผ่ามารทิ้งร่องรอยที่โหดเหี้ยมที่สุดยากลบเลือนที่สุดเอาไว้ในของทั้งสองเผ่าพันธุ์

ใครที่เสนอการเจรจาสันติระหว่างสองเผ่า แม้แต่คนในฐานะเช่นราชามารกับเฉินฉางเซิง ก็ยังต้องถูกสังหารในทันที ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดีและผู้ศรัทธาจะละทิ้งพวกเขา ทุกคนจะแยกไปตามทางของตนเอง

ซางสิงโจวกับประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังจะให้เฉินฉางเซิงถูกทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ

สภาผู้อาวุโสในเมืองเสวี่ยเหล่ากับแม่ทัพมารหลายสิบคนที่นำโดยผู้บัญชาการมารจะกระชากราชามารลงจากบัลลังก์แล้วโยนลงเหวนรก

ดังนั้นมันจึงบอกได้ว่าไม่มีทางเป็นได้ที่จะเกิดสันติระหว่างเผ่ามารกับเผ่ามนุษย์

เผ่ามารย่อมต้องฆ่าเฉินฉางเซิงอย่างไม่ต้องสงสัย

เรื่องในเทือกเขาคืนนั้นพิสูจน์แล้วว่าเขามีความสามารถจะทำได้

ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะมีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรเพียงใดก็ยังไม่อาจสู้ได้

ผู้นำเผ่าหมีต้องการจะก้าวออกมา แต่เขาถูกไท่กงเผ่าลู่หยุดไว้

ผู้นำเผ่าเซียงส่งสายตาลำลึกไปทางผู้นำเผ่าซื่อ

องครักษ์อสูรแม่น้ำแดงจับตามองดูทุกคนอย่างระแวดระวัง

สถานการณ์บนแท่นสังเกตการณ์วุ่นวายอยู่บ้าง บรรยากาศตึงเครียด ราวกับจะเกิดความขัดแย้งได้ทุกเวลา

มู่ฮูหยินมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สนเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย

เมืองไป๋ตี้ก็ยังอยู่ใต้การควบคุมของนางเหมือนที่ผ่านมานับปีไม่ถ้วน ไม่มีใครสามารถช่วยเฉินฉางเซิงได้

หากเฉินฉางเซิงตายที่นี่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเผ่าปีศาจ นี่ไม่ใช่บทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่สุดหรอกหรือ

ราชามารพูดกับเฉินฉางเซิง “ข้าอยากเห็นว่าซางสิงโจวจะข้ามระยะทางหมื่นลี้มาช่วยเจ้าหรือไม่”

เฉินฉางเซิงคิดถึงคำถามนี้แล้วตอบ “ด้วยนิสัยของอาจารย์แล้วก็คงไม่มาหรอก”

ราชามารมองเขาอย่างดูถูกแล้วกล่าว “การที่สังฆราชอายุน้อยที่สุดของเผ่ามนุษย์มาตายแบบนี้ช่างน่าเศร้าจริงๆ”

เฉินฉางเซิงตอบ “ยังไม่จำเป็นต้องเศร้าไปหรอก เพราะเมื่ออาจารย์ไม่มา ชุดดำกับผู้บัญชาการมารก็ย่อมไม่มาเช่นกัน”

คำพูดนี้ยังมีความหมายในอีกระดับหนึ่ง

หากชุดดำกับผู้บัญชาการมารมายังเมืองไป๋ตี้ ซางสิงโจวก็ย่อมมา อาจมีเซียงอ๋องและบางทีหวังผ้อที่ยังบาดเจ็บก็อาจมาเช่นกัน

ทั้งชุดดำและผู้บัญชาการมารเชื่อว่าตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่ยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของราชามาร ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่มา

ราชามารขมวดคิ้วถาม “เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่”

เฉินฉางเซิงประกาศ “ที่ข้าอยากบอกก็คือ แล้วยังมีใครหยุดข้าไม่ให้ฆ่าเจ้าได้อีก”

——

[1] 咯 ออกเสียงว่า เกอ เขียนติดกันสองตัวเป็นการแทนเสียงหัวเราะคิกคัก แต่ก็ยังสามารถลอกเสียงว่า ‘ลั่วลั่ว’ ได้ด้วย