บทที่ 745

พอได้ยินพ่อพูดว่าจะให้ตนเองไปพบคนรักเก่าด้วย เซียวชูหรันก็ปฏิเสธไปอย่างไม่คิดว่า “หนูไม่ไปค่ะ!”

เซียวฉางควนก็โบกมือ “งั้นก็อย่ามาห้ามไม่ให้เย่เฉินไปกับพ่อ ถึงอย่างไรแกคนใดคนหนึ่งก็ต้องไปกับพ่อ”

“นี่พ่อ……..” เซียวชูหรันโมโหมาก ถามเอาเรื่องว่า “กินข้าวกับเพื่อนมันสำคัญ หรือว่าแม่สำคัญ ในใจพ่อแยกไม่ออกหรือคะ? ”

เซียวฉางควนก็ตอบว่า “แยกออกสิ ก็กินข้าวกับเพื่อนเก่าสำคัญกว่าไงล่ะ!”

“นี่พ่อ………”

ถึงแม่เซียวชูหรันจะไม่ค่อยโมโห แต่ว่าตอนนี้โมโหจนแทบจะระเบิด

ตอนนี้เซียวฉางควนก็พูดอย่างไม่สนใจอะไรว่า “ชูหรัน แกต้องเข้าใจนะว่า บนโลกนี้ อย่ามัวอะไรก็ตามแม่แก บ้านนี้มี4คน พ่อกับแม่แกมีความต้องการที่ต่างกัน แกจะไปเข้าทางแม่แก แต่จะมาบังคับพ่อไม่ได้ จะมาบังคับเย่เฉินให้เข้าทางแม่แกก็ไม่ได้ พวกเราไม่มีชีวิตของตนเองหรือไง? พวกเราไม่มีความต้องการของตนเองหรือไง? ”

พอพูดถึงตรงนี้ เซียวฉางควนก็พูดอย่างมีอารมณ์ว่า “หรือว่าถ้าแม่แกยังไม่กลับมา พ่อก็จะไม่สามารถไปทำอย่างอื่นได้เลยหรือไง จะต้องไปหาแม่แกเท่านั้นหรือ? งั้นถ้าทั้งชีวิต แม่แกไม่กลับมาล่ะ พ่อก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นเลยสิ ตามหาแม่แกไปจนตายเลยรึไง? ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ พ่อยอมออกไปจากบ้านนี้เสีย จะต้องมาเสียเวลาแบบนี้ทำไมกัน? ”

เซียวชูหรันก็ใบ้กิน พูดไม่ออก

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าที่พ่อพูดมานั้น เป็นเหตุผลมั่วๆ แต่ก็ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า ในคำพูดนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง

พ่อถูกแม่กดขี่มาหลายปี ตอนนี้แม่หายตัวไป สำหรับเขาแล้ว น่าจะเป็นการผ่อนบรรเทาแบบหนึ่ง และเป็นการปลอดปล่อยอีกอย่างหนึ่ง

ภายใต้สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ เธอก็ได้แต่พูดยอมไปว่า “พ่อจะไปสังสรรค์กับเพื่อน หนูไม่ว่าค่ะ แต่ว่าหลังจากเสร็จแล้ว พ่อต้องมาช่วยหนูตามหาแม่ด้วย!”

“ได้ๆๆ ” เซียวฉางควนรีบตอบรับ แล้วยิ้มพูดว่า “แกวางใจเถอะ พอถึงตอนนั้น พ่อจะตามหาอย่างสุดกำลังเลย”

เย่เฉินก็ยกไข่ดาวกับเบคอนออกมาพอดี เห็นเซียวฉางควนแต่งตัว ก็พูดอย่างตกใจว่า “โอ้ วันนี้พ่อแต่งตัวหล่อเลยนะครับ”

เซียวฉางควนก็หัวเราะๆ แล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “เป็นไง จ๊าบอยู่ไหม? ”

เย่ฉินพยักหน้า แล้วยิ้มพูดว่า “จ๊าบมากเลยครับพ่อ”

เซียวชูหรันที่อยู่ข้างๆ ก็เอามือบีบขมับ แล้วพูดกับเย่เฉินว่า “ตอนสายคุณไปพบเพื่อนเก่ากับพ่อ พอกินข้าวเสร็จก็รีบไปตามหาแม่แถวพวกบ่อนไพ่นกกระจอกด้วยนะ ไปสืบดูว่าแม่เคยไปที่นั่นไหม”

เย่เฉนก็รีบตอบรับ แล้วพูดว่า “ได้เลยครับคุณภรรยา เดี๋ยวพอผมกับพ่อกินข้าวเสร็จ จะรีบออกไปตามหาเลย”

……

ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งเรือนจำ ก็กำลังกินข้าวเช้ากัน

เมื่อคืนหม่าหลันนอนที่ห้องน้ำทั้งคืน หนาวจนสั่นไปทั้งตัว หิวจนสลบไป ก็หวังว่ามื้อเช้าจะได้กินอะไรเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นคงจะต้องหิวจนเป็นลมไปแน่

คนที่ออกไปรับอาหารทั้งสองคน ไม่นานก็ถือลังพลาสติกกลับเข้ามา ทุกคนก็รีบกันเข้าไปเอาข้าว หม่าหลันไม่กล้าไปเอา แต่มายืนตรงหน้าจางกุ้ยเฟิน แล้วถามอย่างน่าสงสารว่า “พี่จางคะ ให้ฉันกินอะไรหน่อยได้ไหมคะ? ฉันไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว…….”

จางกุ้ยเฟินก็ซดโจ๊กไป กินหมั่นโถวไป คิ้วขมวดไปด้วย แล้วถามว่าเธอว่า “มึงจะกินหรือไม่กิน มันจะเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ? กูไม่ให้มึงกินหรือไง? ”

หม่าหลันก็พูดหน้าเสียว่า “ฉันกลัวกินไปแล้ว พี่จะตบฉันอีก………”

จางกุ้ยเฟินก็พูดยิ้มเย็นว่า “รู้ตัวก็ดี อยากกินมึงก็กินไป กินอิ่มแล้วจะได้ทนมือทนตีน”

————