ตอนที่ 1301 หม้อหยินหยางสองระดับ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งจิตสังหารก็พัดกระโชกมา!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! กระบี่สี่เล่มปรากฏขึ้นกลางอากาศและพุ่งไปที่เซียวเหยาทันที

ความเร็วของกระบี่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เซียวเหยาจะสามารถหลบหลีกได้เลย

ร่างของเซียวเหยากระเด็นลอยไปกลางอากาศเพราะกระบี่ทั้งสี่เล่มนี้

ปัก ปัก ปัก! กระบี่สี่เล่มนี้ได้แทงเสื้อผ้าทะลุไปเฉียดผิวหนังของเขา และปักร่างของเขาแขวนไว้บนต้นไม้สูง

เซียวเหยาเหมือนถูกแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ถูกแขวนไว้กลางอากาศบนที่สูงอยู่อย่างนั้น

เขาอยากจะสลัดให้หลุด แต่กระบี่ทั้งสี่เล่มนี้กลับปิดผนึกพลังของเขาเอาไว้แล้ว

เซียวเหยาโกรธจนแทบจะกระอักเลือด วิธีเช่นนี้ เกรงว่าจะมีเพียงแค่คนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้

หัวหน้าตำหนักเป่ยหาน กู้ไป๋อี!

ร่างในชุดขาวเคลื่อนไหวมาอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ รีบไปพักผ่อนเถอะ คนผู้นั้นจำเป็นต้องรับอากาศเย็น ๆ สักหน่อย!”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”

หญิงคนงามเซียวไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง พูดไปก็เท่ากับหาเรื่องต่อสู้กันเสียเปล่า ๆ เช่นนั้นก็ให้เขาตากอากาศเย็น ๆ นี้ไปก็แล้วกัน!

เรื่องที่ท่านหัวหน้าตำหนักได้กระทำลงไปในวันนี้ ทุกคนต่างรู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมาก แต่ก็ได้แต่แอบปรบมือให้เท่านั้น

เดิมที คนที่เข้ามาในตำหนักเป่ยหานก็มีประมุขน้อยมู่หรงเฉียนเยี่ยนี่แหละที่นิสัยกำเริบเสิบสานและนิสับแย่ที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้กลับได้พบกับแม่นางเซียวผู้ยั่วโมโหเก่งจนเขาได้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทน

วันต่อมา พวกเขาได้เดินทางต่อ แต่ในขณะที่พวกเขาเดินทางอยู่นั้น ก็พบว่ามีกองกำลังหลายกองกำลังที่แอบตามพวกเขามา

พวกกองกำลังเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นเหมือนหัวหน้าวังอวิ๋น ที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นแล้วจู่ ๆ ก็มาทำดีด้วย แต่กองกำลังเหล่านั้นกลับรักษาระยะห่างและแอบสะกดรอยตามพวกเขามาอย่างใกล้ชิดแทน

หัวหน้าวังอวิ๋นยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด จะกำจัดพวกนั้นทิ้งหรือไม่?”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ยังไม่บรรลุเป้าหมาย อย่าได้เปลืองแรงก่อน”

และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่ได้มีความเห็นอันใด ยิ่งโกลาหลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฉวยโอกาสได้มากเท่านั้น!

“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราสะกดรอยตามคนของตำหนักเป่ยหานเช่นนี้ หากพวกเขาจับได้ขึ้นมาเราจะทำเช่นไรขอรับ?” กองกำลังหนึ่งกล่าวถามเสียงเบา

“ครั้งนี้แม้แต่หัวหน้าตำหนักเป่ยหานก็ลงมือเองแล้ว ต้องปรารถนาจะเอาของล้ำค่าชิ้นนั้นมาให้ได้อย่างแน่นอน พวกเราไม่รู้เส้นทาง สะกดรอยตามพวกเขาไปเช่นนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว”

“ท่านเจ้าสำนักปราดเปรื่องยิ่งนัก!”

เดินหากันมาเป็นเวลาสามวัน และในขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นนั้น ในที่สุดก็มาถึงเหวพิษของตระกูลเซียวแล้ว

เส้นทางนั้นมีรอยแตกประมาณห้าหกเมตร มองลงไปด้านล่างก็มีหมอกพิษสีเขียวเข้มปกคลุมอยู่

นายน้อยรองกล่าว “นี่คือเหวพิษของตระกูลเซียว ตระกูลเซียวคงไม่ได้อยู่ใต้นี้หรอกกระมัง!”

ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้าเล็กน้อย “ด้านล่างนี้เต็มไปด้วยพิษร้ายแรง ผู้ที่พลังไม่ถึงระดับสูงสุดไม่มีทางรอด”

สีหน้าของอวี้ปิงชิงพลันเปลี่ยนไป “ท่านปู่! แล้วจะทำเช่นไรเจ้าคะ หรือจะให้พวกเรารออยู่ด้านบนอย่างนั้นเหรอ?”

ผู้อาวุโสสูงสุดเหลือบไปมองเซียวเหยา “ผู้นำตระกูลเซียว ต้องมีวิธีแน่นอน”

เซียวเหยากล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว!”

เขาเดินไปรอบหน้าผารอบหนึ่ง จากนั้นก็ขุดเมล็ดพันธุ์สีแดงออกมาจากพื้นหลายเม็ด

เขาเอากริชเล่มหนึ่งออกมากรีดข้อมือตัวเอง เลือดสีแดงสดหยดลงย้อมไปที่เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น จากนั้นเขาก็เอาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นวางลงบนพื้น

ชั่วพริบตาเดียว เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ก็หยั่งรากลงดิน และเริ่มงอกออกมาเป็นเถาวัลย์ เติบโตงอกลงไปในเหวลึกแห่งนี้

เซียวเหยากล่าว “เวลาหนึ่งก้านธูป การเติบโตของพวกมันก็จะสมบูรณ์ เราก็ไต่เถาวัลย์นี้ลงไปได้”

หลังจากที่เซียวเหยาทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็เดินไปข้างมู่เฉียนซีและกระซิบข้างหูนางว่า “นายท่าน เหวพิษตระกูลเซียวของพวกข้าไม่มีใครอยู่นานหลายปีแล้ว ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ความรุนแรงของพิษตระกูลเซียวข้ารู้ดี เจ้าระวังตัวดี ๆ ก็พอแล้ว”

เซียวเหยากล่าว “ข้าไม่ได้กลัวนายท่านจะโดนพิษสักหน่อย แต่กลัวนายท่านจะถูกยั่วยวนมากกว่า ตระกูลเซียวของพวกข้าเชี่ยวชาญในเรื่องใดที่สุดนายท่านย่อมรู้ดีอยู่แล้ว พลังของนายท่านในตอนนี้ไม่แน่ก็อาจเทียบกับคนตระกูลเซียวไม่ได้ก็ได้”

“ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร! แต่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าน้อยจะยอมเสียสละเพื่อนายท่านอย่างเต็มใจ…”

“เจ้าอยู่ห่าง ๆ ข้าหน่อย!”

กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็เดินไปอยู่ข้างกายกู้ไป๋อี จากนั้นก็เอาของจำนวนมากมอบให้กับเขา

“เสี่ยวไป๋ ข้างล่างของตระกูลเซียวมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยาลูกกลอนเหล่านี้เจ้าเก็บเอาไว้ หากถูกยั่วยวนเข้าแล้วละก็ อย่าลืมใช้มันล่ะ!”

ยาลูกกลอนที่มู่เฉียนซีมอบให้กับกู้ไป๋อีนั้นก็คือยาหัวใจโพธิ์

รับมือกับทักษะเฉพาะของตระกูลเซียวนั้น มีเพียงแค่ยาหัวใจโพธิ์เท่านั้นที่ได้ผลมากที่สุด

กู้ไป๋อีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง!”

ไม่นานนักเวลาหนึ่งก้านธูปก็ได้ผ่านไป ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “นายน้อยเซียว รีบนำทางเถอะ!”

เซียวเหยาจับเถาวัลย์นั้นและไต่ลงไป

มู่เฉียนซีและพวกก็ตามไปเช่นกัน ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดกับกู้ไป๋อีนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยเหล่านี้

คนสำนักอื่น ๆ ที่ตามหลังมาก็ไต่เถาวัลย์ตามลงไปเช่นกัน โชคดีที่สะกดรอยตามคนของตำหนักเป่ยหานมา มิเช่นนั้นพวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะลงไปเช่นไร

ไม่นานนักพวกเขาก็ลงไปถึงเหวลึกด้านล่าง และถูกหมอกพิษปกคลุมเอาไว้ทำให้พวกเขาเหล่านี้ล้วนมองสิ่งใดไม่ชัดเจนนัก

“ตามข้ามาเถอะ!” เซียวเหยาเดินนำทาง

หลังจากที่เดินอยู่ในเหวลึกนี้อยู่เป็นเวลานาน เซียวเหยาก็เดินมาถึงด้านหน้ากำแพงศิลา เขากรีดข้อมือตัวเองอีกครั้ง เลือดสีแดงสดหยดลงด้านบน

เสียง ครืน ครืน เปรี้ยง! ดังสนั่นขึ้น และประตูบานหนึ่งก็เปิดออก

เซียวเหยาก้าวเท้าเดินเข้าไป คนอื่น ๆ ก็เดินตามหลังไปเช่นกัน

สถานที่ที่เดินเข้าไปไม่ใช่ถ้ำหินที่มืดสนิท แต่กลับเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้งาม

ไกลออกไปมีบ้านหินอยู่จำนวนมาก มีกรวดรายล้อมมากมาย ดู ๆ แล้วเหมือนกับเป็นแดนสวรรค์อันงดงามก็มิปาน

เซียวเหยากล่าว “ข้าพาพวกเจ้ามาถึงเหวพิษตระกูลเซียวแล้ว ต่อไปพวกเจ้าอยากจะตามหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพก็เชิญพวกเจ้าตามสบาย!”

“ในเมื่อมาถึงเหวพิษของตระกูลเซียวแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดจะลงมือ แต่กลับถูกกู้ไป๋อีขวางเอาไว้

“ท่านหัวหน้าตำหนัก นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”

“หมายความว่ายังไงอย่างนั้นเหรอ คนของข้า เจ้าจะแตะต้องได้อย่างตามใจอย่างนั้นเหรอ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยความเจ็บปวดใจว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก ท่านจะก่อเรื่องวุ่นวายเพื่อประมุขน้อยเฉียนเยี่ยไม่ได้นะขอรับ คนผู้นี้เป็นคนตระกูลเซียว เราจะปล่อยคนผู้นี้ไว้ให้เป็นอันตรายต่อเราไม่ได้นะขอรับ จำเป็นต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้น”

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หน้าที่ของเจ้าก็คือตามหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ! อย่างยุ่งกับเรื่องอื่นให้มากนักเลย!”

“ข้าน้อยรับน้อมรับคำสั่ง!” ผู้อาวุโสสูงสุดจำต้องตอบรับ

ในตอนนี้กู้ไป๋อีต้องการปกป้องเซียวเหยา เขาจึงไม่มีความสามารถที่จะลงมือได้ และการหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

ผู้อาวุโสสูงสุดจัดเตรียมคนแยกกันไปตามหาตามสถานที่ต่าง ๆ อาณาเขตของตระกูลเซียวไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ เลย

มีป่าไม้ สวนดอกไม้ ไม่ก็สวนสมุนไพร และยังมีเนินเขาอยู่ด้านหลัง เป็นมิติอีกหนึ่งมิติอย่างสิ้นเชิง

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ชิงมู่ หลุนหุย รับรู้การตอบสนองของเจ้านั่นได้บ้างหรือไม่?”

หลุนหุยกล่าว “นายท่าน นายท่านไม่รู้อะไรเสียแล้ว เจ้าหยินหยางนั่นเก่งกาจในเรื่องการซ่อนตัวมากนัก การที่พวกเราจะตามหามันได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!”

ใครจะไปคิดว่าทันทีที่คำพูดของหลุนหุยจบลง ภาพดอกไม้อันงดงามด้านหน้าจะพลันอันตรธานหายไปทันที ดอกไม้เหล่านั้นแห้งเหี่ยว หมอกดำลอยเป็นเกลียวขึ้นไปราวกับแดนผีก็มิปาน

“นายท่าน!”

“ซีเอ๋อร์!”

กู้ไป๋อีกับเซียวเหยาจะพุ่งไปที่มู่เฉียนซี แต่กลับพบว่ายิ่งพวกเขาเดินไปมากเท่าไหร่ก็เหมือนจะอยู่ไกลมากขึ้นเท่านั้น ทำได้แค่มองดูร่างของมู่เฉียนซีหายไปในหมอกดำนั้นเท่านั้น

บริเวณรอบเหลือเพียงแค่นางคนเดียวแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงมู่ หลุนหุย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“เสี่ยวหยางหยางเป็นคนทำ เจ้านี่ขี้เล่นที่สุดแล้ว” หลุนหุยตอบ