มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1070

ตำแหน่งที่แท้จริงของแดนปริศนาเทพมารนั้น มีแค่เพียงคนของแก๊งรอบรู้เท่านั้นที่รู้

สำหรับหลัวซิวในตอนนี้ ภายในแดนปริศนาเทพมารต่อให้เป็นสมบัติทรัพยากรทั้งหมดที่มี ก็ยากที่จะทำให้เขาตื่นเต้นได้ ครั้งนี้ที่เขามายังโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ เป้าหมายที่สำคัญนั่นก็คือค้นหาโอกาสที่จะบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์

กลางตลาดที่อยู่ชั้นล่างของเรือบิน มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยมาตั้งแผงลอย นำเอาสมบัติล้ำค่าจำนวนมากออกมาแลกเปลี่ยนกลับนักยุทธ์คนอื่น ๆ

สมบัติเหล่านี้ทุก ๆ อย่างต่างสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรใจสั่นได้ แต่สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น กลับไม่ได้มีความรู้สึกสนใจแม้แต่น้อย

เขาเดินไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็กลับไปยังห้องพักของตนเอง ภายในห้องพักได้จัดวางค่ายซ่อนงำกำบัง จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะฝึกตน

“ตัวสำนึกของข้าบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นานแล้ว ผลการฝึกตนก็บรรลุถึงเจ้ายุทธจักรขั้นเก้าบริบูรณ์แล้ว เพียงแค่มีทรัพยากรมาพอ ผลการฝึกตนของข้า หากว่ากันตามหลักการแล้วก็จะสามารถเข้าสู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างลื่นไหลเหมือนน้ำที่ไหลตามไปตามท่อ”

หลัวซิวพลิกแหวนเก็บของของตนออกมา ภายในมีแก้วเทวสามลูกที่ได้รับมาจากแดนปริศนาเทพสงครามเอกภพ นอกจากนี้ยังมียาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้านับร้อยเม็ดที่เขาได้กลั่นเตรียมเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว

ทรัพยากรเหล่านี้เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ก็มากเพียงพอที่จะทำให้ผลการฝึกตนของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เพิ่มขึ้นได้หลายแดนเล็ก แต่สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น หากต้องการบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ มันกลับยังไม่มากเพียงพอ

“ไม่รู้ว่าภายในแดนปริศนาเทพมารที่แก๊งรอบรู้ค้นพบนั้น จะมีทรัพยากรฝึกตนที่ทำให้ข้าพอใจหรือไม่” หลัวซิวแอบคิดในใจ

หลายวันต่อมา ตัวเขายังคงอยู่ภายในห้องพัก ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่าเรือบินได้หยุดลงแล้ว

เขาโบกมือทำลายค่ายกลที่ถูกจัดวางภายในห้อง จากนั้นก็ได้ยินเสียงจอแจดังเข้ามาจากทางด้านนอก

“แดนปริศนาเทพมารในที่สุดก็ถึงแล้ว!”

นักยุทธ์แต่ละคนเดินออกมาจากที่พักของตน นักยุทธ์จำนวนมากที่กำลังยุ่งอยู่กลางตลาดก็หยุดทุกการกระทำที่กำลังทำอยู่ สีหน้าของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ระดับโดยรวมของนักยุทธ์ของโลกแสงดาวเกณฑ์กฎสูงกว่าชาวโลกแสงดาวพื้นเมือง แต่นักยุทธ์ทุกคนก็ยังจำเป็นต้องออกค้นหาทรัพยากรฝึกตนจากทั่วทุกสารทิศอยู่ดี

ตามที่แก๊งรอบรู้ได้รวบรวมข้อมูลเอาไว้ นี่คือแดนปริศนาเทพมารที่ยังไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน หากว่าสามารถค้นหาสมบัติล้ำค่าจากในนั้นได้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโอกาสที่ปลาจะกลายเป็นมังกรได้

เมื่อหลัวซิวขึ้นมายังบนดาดฟ้า ก็พบว่ามีนักยุทธ์จำนวนนับร้อยปรากฏตัวขึ้นอยู่ที่นี่

ชายหัวโล้นคนนั้นที่หลัวซิวพบตอนขึ้นเรือมานั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ดูแลจากทางแก๊งรอบรู้ เขาเดินออกมา ยืนอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงแหลมสูง “สหายทุกท่าน ตามข้อดำหนดของพวกเราแก๊งรอบรู้ ข้าก็จะไม่พูดให้มากความ ทรัพยากรสมบัติที่ทุกท่านค้นพบภายในแดนปริศนาทั้งหมด จะต้องมอบครึ่งหนึ่งให้กับพวกเราแก๊งรอบรู้เพื่อเป็นค่าตอบแทน”

เมื่อพูดจบ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา แต่เขากับสังเกตเห็นว่าบรรดานักยุทธ์นับร้อยที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีใครสักคนเลยที่จะเอ่ยปากต่อต้าน

เห็นได้ชัดว่า แก๊งรอบรู้ไม่ได้ทำธุรกิจประเภทนี้เป็นครั้งแรก ไม่เพียงแค่ขึ้นเรือก็ต้องจ่ายหนึ่งล้านหินพลังจิตชั้นสูง เมื่อมาถึงแดนปริศนาแล้ว หากค้นพบสมบัติก็ยังต้องมอบให้อีกครั้งหนึ่ง นี่มันขูดเลือดขูดเนื้อเสียจนแทบไม่มีสิ่งใดให้ขูดแล้ว

ชายหัวโล้นยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็พูดต่อ “แดนปริศนาเทพมารที่ยังไม่เคยถูกขุดขี้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่แห่งขุมทรัพย์ ถึงแม้สมบัติจะเป็นของล้ำค่าเพียงใด แต่ก็ก็หวังว่าเมื่อทุกท่านเข้าไปในแดนปริศนาแล้วจะพยายามเกิดการปะทะกันให้น้อยที่สุด ให้เป็นไปตามโอกาสของแต่ละคน”

หลายคนที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ต่างก็เผยสีหน้าเหมือนไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่า สิ่งที่เรียกว่าโอกาสนั้น เมื่อใดที่ได้พบ ก็จำเป็นต้องต่อสู้ เพราะโอกาสนั้นมีจำกัด หากว่าครั้งนี้ไม่สู้ บางทีต่อไปอาจจะเป็นการยากที่จะได้พบมันอีก พลังผลการฝึกตนก็จะไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้