ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 909 ท่านแม่ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านช่างหนีเก่งนัก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อไปถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็กวาดสายตามองไป พลันพบว่าในบ้านคนหลังหนึ่งแขวนไว้ด้วยปมเชือกปมหนึ่ง

ปมเชือกนั้นประณีตยิ่ง แต่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร เป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดาเท่านั้น

ปมเชือกนั้นสานกันเป็นตัวอักษร ‘喜’ (มีความหมายว่า ยินดี)

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอหยุดสายตาลง เขาก็เลื่อนสายตาต่อไปทันที

ชายหนุ่มก็มีปมเชือกนั้นเช่นกัน

มันเป็นปมเชือกที่เสวี่ยชูฉิง มารดาของตนสานเล่นขึ้นมาในตอนยังอยู่ที่โลกแปดพิภพ

เพียงแต่วิธีการสานค่อนข้างแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์อยู่บ้าง จนกระทั่งถึงตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งเคยเห็นมารดาของตนใช้แค่คนเดียว

บางทีอาจไม่ใช่ไม่เหมือนใครก็ได้

คนอื่นหากคิดจะศึกษาวิธีการสานแบบนี้ แค่ตั้งใจค้นคว้าก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ว่าในยามที่เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจตามหาเสวี่ยชูฉิง พอเห็นปมเชือกแบบนี้ เขาก็อดคิดมากไม่ได้

ฟู่ถิงอยู่ด้านข้าง เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เผยความผิดปกติอะไร เขากวาดตามองดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบว่าที่นี่มีร่องรอยของจอมยุทธ์เต๋าสายสามพิสุทธิ์อยู่

เยี่ยนจ้าวเกออดยิ้มอย่างขื่นขมไม่ได้ ‘ท่านแม่ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านช่างหนีเก่งนัก’

ถึงแม้ว่าจะรู้สึกจนปัญญา แต่ว่าเมื่อเห็นปมเชือกนี้แล้ว กลับเป็นการพิสูจน์ถึงการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ

โบราณสถานแห่งนั้นสมควรเป็นฝีมือของเสวี่ยชูฉิง

ด้วยเหตุนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า นางวางกลไกทิ้งไว้ก่อนที่จะออกไปจากโลกใบนี้

เขาส่ายหน้า ไม่ได้ส่งเสียง หลังจากตามหาร่องรอยอื่นที่อยู่บริเวณรอบๆ ไม่เจอ เขาก็พูดกับฟู่ถิงว่า “พวกเราออกจากโลกสูงเลิศใบนี้ ไปยังที่อื่นของแดนเซียนปลดปลงเถอะ”

ฟู่ถิงว่า “เมื่อไม่มีเบาะแส ก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร”

เยี่ยนจ้าวเกอรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว ว่ามารดาของตนสมควรหลบเลี่ยงไปหลังจากสัมผัสได้ถึงอันตราย

ในเมื่ออาณาเขตที่อยู่ในการปกครองของโถงเซียนพบว่านางเร้นกายเข้ามาแล้ว ที่นี่ก็สูญเสียความได้เปรียบในการเป็นเงามืดใต้แสงไฟอีก กลับเปลี่ยนเป็นอันตรายถึงขีดสุด ทุกย่างก้าวล้วนสะเทือนขวัญ ทุกๆ ที่ต่างเต็มไปด้วยศัตรู

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากเสวี่ยชูฉิงมีความสามารถกลับโลกที่สืบทอดเต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์จริงๆ เช่นนั้นนางต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุดแน่

เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะลองเดินทางไปยังโลกใบอื่นของแดนเซียนปลดปลง เตรียมตัวและหาวิธีการสนับสนุน เผื่อในสถานการณ์ที่เสี่ยวชูฉิงยังอยู่ที่นี่

ไม่เช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ของเสวี่ยชูฉิงก็ค่อนข้างอันตรายแล้ว

แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะรู้สึกว่าด้วยความสามารถในการหลบหนีของมารดาตน หากกล้ารั้งอยู่ที่นี่ นางก็สมควรเหลือทางหนีทีไล่ไว้

ทว่าเพื่อป้องกันเรื่องเหนือความคาดหมาย เยี่ยนจ้าวเกอจึงตัดสินใจหาดู

เขาไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ทางโถงเซียนนัก มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่ทราบว่าอีกฝ่ายมีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น เขากับฟู่ถิงในตอนนี้ก็จำเป็นต้องตามหาเส้นทางกลับโลกซ้อนโลกด้วย

ทางโลกสูงเลิศไม่มีการค้นพบอะไร ได้แต่ต้องไปตรวจสอบที่อื่น

‘จะว่าไป เหตุใดท่านแม่ไม่หลบไปยังมรกตท่องฟ้า ดูจากตอนนี้ ที่นี้คล้ายกับเป็นที่ที่ดีในการซ่อนตัวของนาง”

ขณะเดินทาง เยี่ยนจ้าวเกอก็ขบคิดไปด้วย “มีความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้หรือ”

ไม่ใช่แค่เฉวียนฮ่าวหลง แม้แต่หยางชงก็ไม่คิดจะร่วมมือกับเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิงเช่นกัน

แต่อาจเป็นเพราะต้องการส่งพวกเขาออกไปโดยเร็วที่สุด หยางชงจึงชี้แนะให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในโลกสูงเลิศ

ณ ที่แห่งนั้นมีทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังโลกอีกใบ

เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองยอดเขาที่อยู่ห่างออกไป เห็นด้านบนยอดเขามีชั้นเมฆหนาหนักกอปรกันเป็นวังวนแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่ง

ส่วนลึกใจกลางวังวนคือจุดที่ทางเชื่อมเขตแดนอยู่ ที่นั่นเชื่อมไปยังโลกพิณมังกร โลกอีกใบที่อยู่ในการปกครองของแดนเซียนปลดปลง

เพียงแต่ที่นั่นในตอนนี้มีคนเฝ้าอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงเห็นดังนั้นกลับไม่รู้สึกประหลาดใจ เมื่อคนที่อยู่ที่นี่สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา คนผู้นั้นค้นหาไปพลาง เฝ้าทางเชื่อมสำคัญที่เชื่อมระหว่างโลกสองใบเช่นนี้ไปพลาง เกิดเป็นสภาวะรุมปราบขึ้น

คนทั้งสองไม่ได้วู่วามเคลื่อนไหว คิดสังเกตสถานการณ์ไปก่อน

มิคาด ในยามนั้นเอง ประตูทางเชื่อมเขตแดนถึงกับเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนขึ้นมา

ชั้นเมฆหนาหนักกลางอากาศกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

แสงสีทองหลายสายปรากฏขึ้นจากด้านใน

ครั้นเห็นแสงสีทองนั้น เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงต่างก็งงงัน “…แสงพุทธ?”

มีจอมยุทธ์ผู้สืบทอดของโถงทองที่เข้ามาในโลกสูงเลิศจากประตูทางเชื่อมเขตแดน ตวาดขึ้นว่า “มารพุทธบุกรุก โลกพิณมังกรแทบล่มสลาย พรรคต่างๆ ในโลกสูงเลิศร่วมมือป้องกัน อย่าให้คนโกนหัวบุกเข้ามาได้แม้แต่คืบเดียว!”

“พวกเราเหล่าเซียนสายหลักในแดนเซียนปลดปลงกำลังครองความได้เปรียบ คนหัวโล้นเหล่านี้มาเสริมศัตรูที่ถูกขังก่อนหน้า หากป้องกันกลุ่มนี้ได้ จะทำลายพวกมันได้อย่างสิ้นเชิง!”

บนยอดเขาที่อยู่ใต้ประตูทางเชื่อมเขตแดน ถึงกับมีแสงหลายสายสว่างขึ้น กอปรกันเป็นลวดลายค่ายกลที่ลี้ลับล้ำลึกสายแล้วสายเล่า ก่อนจะปกคลุมฟ้าดินไว้

ค่ายกลโคจร แสงสีขาวพร่างพราวลอยขึ้น ขวางแสงพุทธสีทองที่สาดลอดออกมาจากประตูทางเชื่อมเขตแดนไว้ทั้งหมด

วินาทีถัดมาพลันยอดฝีมือศาสนาพุทธออกมาจากในประตูทางเชื่อมเขตแดน บุกมายังที่นี่

เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงเห็นภาพเหล่านี้กลับไม่หวั่นวิตก ถอยหลังอย่างเงียบเชียบ

พวกเขาไม่มีความคิดจะช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

โถงเซียนของสำนักเต๋าและแดนสุขาวดีของศาสนาพุทธ ล้วนสุดโต่งสำหรับลูกศิษย์สามพิสุทธิ์สายตรงอย่างพวกเขา

ตอนนี้คอยดูสถานการณ์เงียบๆ เฝ้ารอโอกาสก็พอ

แต่ว่าจอมยุทธ์โถงเซียนที่แจ้งข่าวก่อนหน้านี้กลับมองโลกในแง่ดีไปบ้าง

การบุกในครั้งนี้ของยอดฝีมือศาสนาพุทธรุนแรงผิดปกติ

ผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดของศาสนาพุทธ ที่เทียบได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขของสำนักเต๋ามาถึงแล้ว!

จอมยุทธ์โถงเซียนที่เฝ้าอยู่ตรงประตูทางเชื่อมเขตแดน แนวป้องกันแตกพ่ายอย่างรวดเร็ว

ยอดฝีมือผู้สืบทอดเขาโถงทองจำนวนมาก ต่างถูกยอดฝีมือศาสนาพุทธใช้ฝ่ามือเทวราชปราบมารกำจัดจนหมดสิ้น

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงเห็นรายละเอียดเล็กน้อย สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน

เสียงสวดมนต์สรรเสริญพระคุณที่สั่นสะเทือนแก้วหูดังไปทั่วฟ้าดิน ร่างของยอดฝีมือศาสนาพุทธระดับสุดยอดระเบิดแสงพุทธออกมา สาดส่องใส่โลกสูงเลิศเหมือนกับดวงอาทิตย์โชติช่วง ไม่ปล่อยเหลี่ยมมุมไหนทั้งสิ้น

จอมยุทธ์โถงเซียนระดับกลางถึงต่ำ ถูกแสงพุทธควบคุม แสงในร่างถูกลบอย่างรวดเร็ว

แสงสั่นไหวอย่างรุนแรง ร่างของจอมยุทธ์โถงเซียนเหล่านั้นพลันเริ่มแหลกสลาย สุดท้ายก็กลายเป็นสายรุ้งไปพร้อมกับแสงนั้น

ชีวิตของพวกเขามลายหายไปเช่นนี้แล

‘นี่คือการกลายเป็นรุ้งของเต๋าสายโถงเซียน’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาเล็กน้อย ‘เหมือนกับการมอดดับของศาสนาพุทธ’

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาสนใจก็คือ การกลายเป็นรุ้งของจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือปฏิเสธแสงพุทธ

คนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน ล้วนมีใบหน้างงงวย แสงเต๋าในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว

เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำกับตัวเอง “ช่วงชิงกันหรือนี่”

เขากับฟู่ถิงซ่อนเร้นร่าง พลางมองดูสงครามที่อุบัติขึ้นของทั้งสองฝ่าย

ยอดฝีมือศาสนาพุทธครั้งนี้มีสภาวะดุร้ายยิ่ง โลกสูงเลิศแม้ว่าจะมียอดฝีมือโถงเซียนเฝ้าอยู่ แต่ก็รับมือไม่ทัน สุดท้ายไม่อาจต้านทานได้

ขณะที่โลกสูงเลิศกำลังจะถูกศาสนาพุทธยึดเหมือนกับโลกพิณมังกร ฟ้าดินก็พลันสั่นสะเทือน

“เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ”

เสียงสรรเสริญของสำนักเต๋าดังขึ้น ทำให้เสียงสวดมนต์ที่ยิ่งใหญ่ไร้ประมาณนั้นเบาบางลง

ครั้นสัมผัสได้ว่าคู่ต่อสู้ทางนี้มีสภาวะโจมตีดุดันเกินไป ก็มียอดฝีมือระดับสุดยอดที่เป็นผู้สืบทอดโถงเซียนมาสนับสนุน

การประมือของยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขแผ่นดิน พลันฉีกกระชากท้องฟ้าของโลกสูงเลิศ

………………..