ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 908 ทำตามอารมณ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เสวี่ยชูฉิงได้แทรกซึมมาถึงอาณาเขตของเขาโถงเซียนแล้วหรือไม่

ตามเหตุผลสมควรไม่

เพราะการจะผละจากโลกของเต๋าสายสามพิสุทธิ์ที่มีโลกซ้อนโลกเป็นศูนย์กลาง ทำลายการขวางกั้นของ ‘กำแพง’ มายังโถงเซียนไม่ใช่เรื่องง่าย

คราวก่อนเยี่ยนจ้าวเกอหลงเข้าไปในโลกศาสนาพุทธ เพราะความผิดปกติของเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ

ครั้งนี้ที่หลงเข้ามาในโลกสูงเลิศซึ่งอยู่ใต้การปกครองของแดนเซียนปลดปลง เป็นผลลัพธ์จากการปะทะกันระหว่างทวนพระอังคารและสะกดพลังที่จักรพรรดิแพรงามได้เหลือไว้

แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะไม่เข้าใจว่าตอนนี้มารดาของตนมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับใดกันแน่ แต่หากคาดเดาจากข้อมูลที่ทราบ นางปีนขึ้นสู่ระดับสะพานเซียนแล้วหรือไม่ก็ยังน่าสงสัย

ตามเหตุผลแล้ว ถ้าหากไม่มีผลจากอิทธิพลภายนอก เสวี่ยชูฉิงไม่น่าจะมายังที่นี่ได้

แต่ข้อแรก อาจจะมียอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดบางคนช่วยให้เสวี่ยชูฉิง ‘แอบข้าม’ มาก็ได้

ข้อสอง เสวี่ยชูฉิงมีฝีมือที่อยู่เหนือความคาดหมาย ไม่แน่ว่าจะมีความสามารถพิเศษบางอย่าง

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญในใจ ‘ถ้าหากเป็นท่านแม่จริงๆ เมื่อนางแอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จะต้องสงวนท่าที ไม่มีทางตอแยคนของโถงเซียนแน่’

‘ดูจากรูปการณ์นี้แล้ว การขุดหลุมเล่นงานสำนักฟ้าโกลาหลในซากโบราณสถานไม่น่าจะใช่เรื่องที่นางทำได้’

‘นอกเสียจากว่า…’ มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกเล็กน้อย ‘นางรู้ว่าร่องรอยของตัวเองกำลังจะถูกเผย จำเป็นต้องหนีอีกครั้ง ก่อนจะไปก็ได้ขุดหลุมขึ้น เพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้แก่ศัตรู’

ขณะที่คิด เยี่ยนจ้าวเกอก็พูดกับฟู่ถิงว่า “ข้าอยากจะตรวจสอบโลกสูงเลิศใบนี้ และโลกใบอื่นๆ ที่เป็นของแดนเซียนปลดปลงอีกสักเล็กน้อย”

ฟู่ถิงเข้าใจทันที “ท่านอยากจะตรวจสอบว่าที่นี่เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์สามพิสุทธิ์อย่างพวกเราหรือไม่เช่นนั้นหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบพร้อมสีหน้าราบเรียบ “เป็นเช่นนั้น ถ้าหากเกี่ยวจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องช่วยเหลืออีกแรง”

“อีกฝ่ายสมควรคุ้นเคยพื้นที่ของที่นี่มากกว่าพวกเรา ถ้าหากติดต่ออีกฝ่ายได้ ก็ส่งผลดีต่อการออกจากขอบเขตการปกครองของโถงเซียน กลับโลกซ้อนโลกของพวกเราด้วย”

“แต่ว่าที่นี่อาจจะมียอดฝีมือระดับสุดยอดของโถงเซียนคอยเฝ้าอยู่ ดังนั้นจึงอันตรายยิ่ง ข้าสามารถไปคนเดียว แล้วอีกเดี๋ยวค่อยกลับมาตามหาท่านได้”

เขากล่าวอีกว่า “ข้าไม่ได้มีเจตนาดูถูกท่าน พวกเราแยกกันเคลื่อนไหว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจับในคราเดียวน่าจะดีกว่า”

ฟู่ถิงใคร่ครวญเล็กน้อย ค่อยส่ายหน้า “พวกเราไม่ชินกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ อีกทั้งพวกเรากับจอมยุทธ์โถงเซียนยังแตกต่างกันมาก ในด้านภาษาก็มีอุปสรรคมากมาย มิสู้ร่วมรุกร่วมถอย คอยดูแลกันดีกว่า”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะ”

ขณะที่เขาพูด ใจกลางฝ่ามือของเขาก็ปรากฏแสงสีดำ การเปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุด ยากจะตรวจจับ ไร้รูปไร้ลักษณ์

ชายหนุ่มผลักฝ่ามือลง จอมยุทธ์สำนักฟ้าโกลาหลหลายคนสิ้นชีวิตไปทันที

พวกหยางชงแตกตื่นตะลึงลาน ฟู่ถิงกลับมีสีหน้าเป็นปกติ “เป็นวรยุทธ์ที่ถูกบันทึกอยู่ในคัมภีร์มารไร้รูปจริงๆ ด้วย กลับนึกไม่ถึงว่าคุณชายเยี่ยนจะบรรลุวิชามารที่สาปสูญไปนานแล้ววิชานี้ด้วย”

นางพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า “สายสืบทอดของเขากว่างเฉิงของท่านเหมือนกับการสืบทอดย่อยสายเอกพิสุทธิ์ ทั้งยังเหมือนกับการสืบทอดหลักสายหยกพิสุทธิ์ แต่เห็นท่านในตอนนี้แล้ว ถึงกับใช้ได้แม้แต่วรยุทธ์มรรคามารระดับสุดยอดเช่นคัมภีร์มารไร้รูป ข้ามองไม่ออกจริงๆ ว่าท่านมาจากไหนกันแน่”

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น ไม่ตอบคำแต่กลับย้อนถามว่า “ข้าได้พบมาโดยบังเอิญขณะเดินทาง ทำตัวน่าขายหน้าเสียแล้ว แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่า แม่นางฟู่จะรู้จักคัมภีร์มารไร้รูปด้วย ตามที่ข้าทราบ วรยุทธ์ชนิดนี้สมควรสาปสูญไปจากโลกซ้อนโลกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”

ฟู่ถิงเอ่ยว่า “เป็นเพราะท่านพ่อ ความจริงข้าทราบถึงความลับบางอย่าง เช่นการคงอยู่ของศาสนาพุทธ”

“แสงพุทธตึงมือยิ่ง หลังจากสังหารจอมยุทธ์ศาสนาพุทธแล้ว ยอดฝีมือผู้อาวุโสของอีกฝ่ายจะทราบเรื่องในเวลาชั่วพริบตา และอาจจะมาถึงในทันทีด้วย”

“วรยุทธ์ที่กดข่มความสามารถนี้ได้มีแค่ไม่กี่ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคัมภีร์มารไร้รูป แต่ข้าย่อมไม่เคยเห็นมันมาก่อน กระนั้นท่านพ่อก็เคยบรรยายภาพในตอนที่ผู้ฝึกฝนใช้วิชามาร”

“แสงของการสืบทอดสายโถงเซียน ดูคล้ายกับแสงพุทธ”

นางมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “แต่ว่าคุณชายเยี่ยน ขออภัยที่ข้ากล่าวตามตรง วรยุทธ์ชนิดนี้…”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จะล่อลวงจิตใจคน ถึงขั้นทำให้ผู้คนกลายเป็นมาร ร่วงหล่นสู่นพยมโลก”

“ข้าทราบ ในตอนที่ได้มาเมื่อก่อนหน้านี้จึงไม่ได้ฝึกฝน เพียงแต่คราก่อนได้เข้าไปในโลกศาสนาพุทธโดยไม่ได้ตั้งใจ และพบส่วนที่ตึงมือของแสงพุทธ จึงลองใช้เพื่อป้องกันตัว แต่ว่าก็เป็นแค่ความสามารถที่ใช้กดข่มแสงพุทธเท่านั้น ไม่มีทางให้มันสั่นไหวรากฐาน”

ขณะที่ทั้งสองสนทนากันด้วยสีหน้าเป็นปกติ จอมยุทธ์สำนักฟ้าโกลาหลกลับเหลือแค่หยางชงกับเฉวียนฮ่าวหลงเท่านั้น

หลังจากหยางชงแตกตื่นงงงันเสร็จ ก็สงบนิ่งลง ถอนใจพลางส่ายหน้า “ทั้งสองท่านคิดปิดปาก ไฉนจึงเหลือข้ากับศิษย์หลานเฉวียนไว้”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างไม่นำพา “แล้วแต่อารมณ์”

หยางชงพลันหัวเราะอย่างหนักใจ

เฉวียนฮ่าวหลงก็สงบสติอารมณ์ลงแล้วเช่นกัน กล่าวอย่างเคียดแค้นว่า “แม้ข้าจะเจ็บใจที่อาจารย์อาหยางได้รับการล่อลวงจากคนนอกรีตอย่างพวกท่าน แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะขอยอมแพ้กับพวกท่าน!”

“เช่นนั้นแล้วเป็นไร ข้าปล่อยท่านไป สหายในสำนักท่านข้าล้วนเชือดทิ้งหมดสิ้น เหลือแค่ท่านรอดชีวิต หลังจากท่านกลับไป คนอื่นๆ จะมองท่านอย่างไร” เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างเรียบเฉย

อีกฝ่ายพลันตะลึงลาน

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านเองก็คงเข้าใจแล้วกระมัง แสงในร่างท่านยังมั่นคง หมายความว่าท่านยังศรัทธาในเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ”

“กระนั้นนอกจากเรื่องนี้แล้ว พวกท่านก็ไม่ต่างอะไรกับพวกข้า ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลงเหมือนกัน”

“นอกจากเรื่องในคราวนี้ คนที่มีเรื่องขัดแย้งกับท่าน และไม่ชอบขี้หน้าท่านในสำนัก ถ้าไม่ผลักหินลงบ่อ นั่นถึงค่อยเป็นเรื่องแปลก”

“มารเต๋านอกรีตจำเป็นต้องกำจัด นี่เป็นหลักการใหญ่ แต่ว่านอกหลักการ คนด้วยกันเองมีแต่เรื่องหรรษาไม่ใช่หรือ”

เฉวียนฮ่าวหลงอ้าปาก สุดท้ายไม่ได้ส่งเสียงออกมา ใบหน้าเหลือแต่รอยยิ้มขื่นขม

ไหนเลยเขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้

หยางชงสบตากับเขา ล้วนถอนใจคำหนึ่ง

เฉวียนฮ่าวหลงส่ายหน้า “เอาเป็นว่าข้าจะไม่เข้าสู่เส้นทางนอกรีตของพวกท่าน”

ว่าแล้วเขาก็หลับตาเงียบงันลง

หยางชงมองเฉวียนฮ่าวหลง จากนั้นก็มองเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิง สุดท้ายก็สงบปากสงบคำ

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่สนใจ เขาทำตามอารมณ์จริงๆ คิดเหลือหยางชงและเฉวียนฮ่าวหลง ก็เหลือไว้

เขาก่อนหน้านี้ทราบถึงที่อยู่ของโบราณสถานแห่งนั้นแล้ว จึงเดินทางไปพร้อมกับฟู่ถิงทันที

ซากโบราณสถานได้ถูกทำลายไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ที่นั่นอีก

เป้าหมายที่เขาเลือกคือสถานที่ที่มีคนธรรมดาทั่วไปอาศัยอยู่ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโบราณสถาน

มารดาของตนมีพลังฝึกปรือไม่ธรรมดา แต่ว่าในร่างกลับไร้แสงศรัทธา เช่นนั้นหากใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย ก็คงถูกผู้สืบทอดของโถงเซียนพบตัวได้ง่าย

หลังจากนางเก็บซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง ก็เหลือตัวเลือกสองข้อ

ถ้าไม่เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าในเขาคนเดียว ปลีกวิเวก ไม่ติดต่อกับใคร

ก็ต้องปะปนอยุ่ในกลุ่มคนธรรมดา คนเหล่านี้แม้ว่าในร่างจะมีแสง แต่ก็อ่อนแอกว่ายอดฝีมือวรยุทธ์ ขณะเดียวกันคนธรรมดาด้วยกันยังมองไม่เห็นแสงของอีกฝ่ายด้วย

ขอแค่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ติดต่อกับจอมยุทธ์จากโถงเซียน ปลอมแปลงลักษณะท่าทางสักเล็กน้อย ก็ยังสามารถซ่อนสถานะได้

แน่นอนว่าจะต้องไม่มีการค้นหาเป็นวงกว้าง และไม่มีจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งได้ข่าวแล้วมาตามหา

ในสถานการณ์เช่นนี้ เสวี่ยชูฉิงไม่มีทางทิ้งร่องรอยของตัวเอง

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกบางอย่าง

พลังฝึกปรือ พลังสายตา และความสามารถในการรับรู้ของเขาในปัจจุบัน เมื่อมองคนธรรมดาทั่วไป แทบจะเหมือนกับโปร่งแสง

เขาตรวจสอบแต่ละคนได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากเดินทางไปยังสิบกว่าเมืองติดต่อกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ตาเป็นประกายเพราะภาพเบื้องหน้า