บทที่ 1862 อู๋เฟยไร้ความสามารถ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ตามเสียงคำสั่งของเขา กำลังพลทัพกลางเดินทางไปข้างหน้าอีกครั้ง เพียงแต่ความเร็วลดลงเยอะมาก เมื่อมากจากที่ไกลๆ ก็แยกแยะไม่ได้ง่ายๆ

ตามที่สายลับรายงานมา เหมียวอี้ยังคงเร่งตามมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว

อูจินหวนกับลู่ผิงฟางเข้าใจแผนของอ๋าวเฟยแล้ว จึงไล่ตามต่อไป

“นายท่าน เร็วแล้ว!”

กุยอู๋ที่ยืนสังเกตความคืบหน้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิดข้างศูนย์ประสานงานเดินกลับมาแล้ว มาเตือนเหมียวอี้ให้รู้

เหมียวอี้ใช้สองมือประคองริมขอบเข็มทิศ พลางถามเสียงต่ำ “กำลังพลทางตะวันออก ใต้ เหนือยังไม่เคลื่อนไหวเหรอ?”

“ยังขอรับ รวมทั้งฝั่งอ๋าวเฟยก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ยังมุ่งหน้าไปทางจุดที่ต่อสู้กัน” กุยอู๋ตอบ

เหมียวอี้สีหน้าตึงเครียด “ดูท่าเจ้าเวรอ๋าวเฟยนั่นคงไม่คิดจะเคลื่อนไหวกำลังพลสามสายนั้นจริงๆ จนป่านนี้แล้วยังคิดจะกำจัดกำลังพลสองฝั่งปไปพร้อมกัน เกรงว่าทางฝั่งชิงเยว่จะต้องทำศึกที่เลวร้ายแล้ว”

เรื่องจริงล้วนอยู่ในการคาดเดาของเหมียวอี้และอ๋าวเฟย สุดท้ายกำลังพลของเหมียวอี้และกำลังพลของอ๋าวเฟยก็ได้มาพบกันตามที่วางแผนไว้

เมื่อเห็นกำลังพลของอ๋าวเฟยอยู่ไกลๆ ตานฉิงก็โบกมือ ทัพใหญ่ห้าแสนรวมทั้งเหมียวอี้ปรากฏตัวพร้อมกัน เหาะโผเข้ามาทางฝั่งอ๋าวเฟย

อ๋าวเฟยจ้องทัพใหญ่ห้าแสนที่ในมือแต่ละคนถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ประมุขชิง!” จากนั้นโบกมือเลี้ยวกลับ ทำเหมือนกำลังหนี

ฝั่งตานฉิงเรียกรวมกำลังพลอย่างรวดเร็ว แล้วไล่ตามไปตลอดทาง

กลับเข้ามาในกระเป๋าสัตว์ หยิบเข็มทิศออกมาอีกครั้ง เหมียวอี้พยักหน้าซ้ำๆ “เป็นอย่างที่คาดไว้ อ๋าวเฟยเจ้าเวรนั่นต้องการเอาตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อจริงๆ ใจกล้าไม่เบา นี่เป็นเพราะกำลังพลในมือเราเป็นของปลอมเฉยๆ หรอก ไม่อย่างนั้นข้าก็อยากกำจัดเขาทิ้งไปทีเดียวเลยจริงๆ! บอกตานฉิง ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อ๋าวเฟยจะหันกลับมาโจมตีกะทันหัน ให้ตานฉิงควบคุมความเร็ว รักษาระยะห่างไว้ สังเกตระยะห่างระหว่างอ๋าวเฟยให้ดี ถ้าพบความผิดปกติ ก็ให้เลี้ยวหนีทันที ไม่อย่างนั้นถ้าถูกกำลังพลดักไว้ทั้งหน้าหลัง ไม่อย่างนั้นคนจำนวนเล็กน้อยในมือพวกเราก็สู้กำลังพลสองล้านกว่าของอีกฝ่ายไม่ได้เลย”

เหลิ่งจัวฉุนรีบติดต่อตานฉิง

เหมียวอี้ถ่ายทอดคำสั่งต่อไป “บอกชิงเยว่ ไม่ต้องพัวพันต่อสู้แล้ว กำจัดข้าศึกที่ล้อมในรวดเดียว จากนั้นสั่งให้ทหารไปทางใต้ทันที ดึงระยะห่างออกจากทัพฝั่งตะวันตกและฝั่งเหนือ ทำเวลาได้นิดหน่อยก็ยังดี ปะทะกับทัพใหญ่ฝั่งใต้โดยตรงเลย ต้องกำจัดทัพฝั่งใต้ทิ้งก่อนที่ทัพฝั่งเหนือกับตะวันออกจะตามไปถึง จากนั้นก็เตรียมตัวจัดระเบียบ รวบรวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่ได้มาทั้งหมด เตรียมตัวล้างเลือดทัพฝั่งตะวันตกกับฝั่งเหนือ! ย้ำกับชิงเยว่ว่าต้องกำจัดทัพฝั่งใต้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะตกอยู่ในวงล้อมโจมตีของสามทัพ เมื่อเทียบศักยภาพของฝ่ายเรากับฝ่ายศัตรู ก็ต้องจะรักษาความได้เปรียบของกำลังทหารไว้ อาศัยคนเยอะโจมตีคนน้อย แบบนี้ถึงจะมั่นคง!”

เมื่อได้รับแจ้งมาแล้ว ตานฉิงก็รีบปลุกความฮึกเหิมและจ้องกำลังพลที่ไล่โจมตีอยู่ข้างหน้า

เสียงตะโกนฆ่าดังสะเทือนฟ้า น้ำเลือดกลายเป็นหมอกที่เปลี่ยนรูปร่างไม่แน่นอน จงซานหมิงที่รวมบัญชาการกับเชออู่เริ่มพบปัญแล้ว เขาคว้าแขนเชออู่ “พี่เชอ สถานการณ์รบเหมือนจะผิดปกติ เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เคยพยายามสุดกำลังเลย”

เชออู่ที่ตาแดงก่ำมองไปรอบๆ อย่างุนงง “ก็ไม่นี่! ลักษณะการโจมตีของอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว”

จงซานหมิงส่ายหน้า “ไม่ มันไม่ถูก อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอานุภาพเต็มที่ตอนล้อมโจมตีเลย ชิงเยว่กับหลงซิ่นเป็นขุนพลเก่าในสนามรบ ไม่มีทางที่จะมองจุดนี้ไม่ออก ทั้งสองมีความสามารถที่จะแบ่งสรรการโจมตีให้ดีกว่านี้!”

เชออู่ยังคงเลอะเลือน แต่ก็ไม่แปลกที่เขาจะเลอะเลือน ที่จริงจังหวะการโจมตีของทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำก็มีปัญหามาตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าตามการฝึกฆ่าที่นานขึ้น พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเชี่ยวชาญแล้ว ชิงเยว่บัญชาการได้สบายขึ้นเยอะ ไม่ได้พยายามอย่างเต็มกำลังจริงๆ

สำหรับเชออู่ จังหวะการโจมตีของทัพฝ่ายศัตรูเป็นแบบนี้มาตลอด แต่กับจงซานหมิงนั้นไม่เหมือนกัน เพราะเขาตามมาทีหลัง

“พี่จงคิดจะพูดอะไรกันแน่?” เชออู่ไม่เข้าใจ

จงซานหมิงตะโกนบัญชาการรูปแบบการโจมตี แล้วคว้าแขนเชออู่ต่อ “พี่เชอ มันแปลกจริงๆ นะ ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้โจมตีสุดกำลัง มันหมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องพัวพันต่อสู้อยู่กับพวกเรา สามารถกำจัดพวกเราได้เลย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น”

เชออู่ตอบกลับว่า “นี่เป็นเรื่องดีไง! พวกเขาก็แค่ล่อกองหนุนออกมาโจมตี อยากจะกำจัดกำลังพลของพวกเรามากๆ หน่อย”

“งั้นเหรอ?” จงซานหมิงรีบมองไปรอบๆ “แต่ทำไมข้ารู้สึกว่ามันไม่ปกติเลย หรือว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่รู้ว่ากองหนุนของพวกเรากำลังตามมาแล้ว ยังจะหน่วงเหนี่ยวอยู่ที่นี่อีกเหรอ?”

ฝั่งนี้เริ่มจะรู้ตัว ทว่าสายไปเสียแล้ว

ชิงเยว่ที่อยู่ในกระบวนทัพฝ่ายตรงข้ามเก็บระฆังดาราในมือ แล้วกล่าวกับทุกคนข้างกายด้วยเสียงต่ำเบา “ท่านหัวหน้าภาคถ่วงกำลังพลสองแสนกว่าให้พวกเราแล้ว กองหนุนฝ่ายศัตรูใกล้จะมาถึงแล้ว ท่านหัวหน้าภาคมีคำสั่ง ให้กำจัดทัพฝ่ายศัตรูที่ถูกล้อมเดี๋ยวนี้!” นางชี้ไปทางจุดที่มีกำลังพลล้อมหาแน่น “ใครจะไปเด็ดหัวแม่ทัพฝ่ายศัตรูให้ข้า!”

เมิ่งหรู อ๋าวเถี่ย จ่างหงสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเมิ่งหรูก็บอกชิงเยว่ว่า “เรื่องนี้ส่งให้พวกเราจัดการเถอะ นายท่านตั้งใจบัญชาการรบก็พอ!”

“ได้! งั้นก็ฝากทุกคนด้วย!” ชิงเยว่กุมหมัดคารวะทั้งสามคน แล้วตะโกนบอกหลงซิ่นว่า “เบิกทางให้ข้า!”

หลงซิ่นบัญชาการให้ทัพใหญ่อีกด้านเบิกทางทันที ส่วนพวกเมิ่งหรูก็นำคนสามสิบคนสังหารตามไปตลอดทาง โดยมีทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งหมื่นตามติดอยู่ข้างหลัง

กำลังพลสายนั้นบุกฝ่าผ่าคลื่นเข้ามา เป็นการเตือนสติจงซานหมิงกับเชออู่ทันที เชออู่คำรามอย่างเดือดดาลว่า “ขวางพวกเขาเอาไว้!”

มีกำลังพลกลุ่มหนึ่งเข้ามาดักอย่างบ้าคลั่งทันที เมิ่งหรูและผู้ติดตามสามสิบกว่าคนไม่สนใจทิศทางอื่น สนใจแค่บุกสังหารไปข้างหน้าตลอดทาง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งหมื่นที่อยู่ข้างหลังน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเข้ามาช่วยก่อกวนทัพฝ่ายศัตรูที่มาจากทิศทางอื่น จะได้ไม่เกะกะพวกเมิ่งหรู

สามสิบคนนี้สง่างามดั่งสายรุ้ง ราวกับเป็นปลายดาบแทงเข้าไปที่จุดบัญชาการทัพกลางของฝ่ายศัตรู

“ดี!” หลงซิ่นที่กำลังจับตาดูประมือชม “ช่างเป็นผู้กล้าที่ฟันศีรษะแม่ทัพท่ามกลางทัพฝ่ายศัตรูนับล้าน!”

ชิงเยว่พลันหรี่ตาพึมพำ “ไม่รู้ว่าเป็นผู้ช่วยที่นายท่านหามาจากไหน!”

ขณะเดียวกันนี้เอง ทัพพันธมิตรเปิดฉากสังหารอันเหี้ยมโหดแล้ว ผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเทพอสรพิษดำทยอยกันออกโรงด้วยตัวเอง พุ่งโจมตีแม่ทัพคนสำคัญที่หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่านของฝ่ายศัตรู

เชออู่กับจงซานหมิงก็จ้องกลุ่มคนที่สังหารเข้ามาตลอดทางอย่างตกใจ

เมื่อเห็นวงล้อมป้องกันชั้นสุดท้ายโดนตีแตก แม่ทัพที่ขวางไว้โดยกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาสังหารจนยับเยิน ทั้งสองจะไม่ลงมือก็ไม่ได้แล้ว โบกมือตะโกนเกรี้ยวกราดพร้อมกันว่า “ฆ่า!”

ในที่สุดก็นำกลุ่มผู้คุ้มกันข้างหลังพุ่งออกมาลงมือด้วยตัวเองแล้ว

พอเมิ่งหรูเสยทวนเข้ามา จงซานหมิงก็โบกดาบยาว แกร๊ง! ทั้งสองพุ่งชนกันอย่างรุนแรง แต่กลับมีกำลังสูสีกัน ดาบทวนที่ค้ำอยู่ด้วยกันก็ยังไม่มีใครสะบัดใครออกได้ ทว่าตอนนี้กลับมีสายฟ้าจากฝั่งเมิ่งหรูเลื้อยผ่านอาวุธไปโจมตีสองแขนของจงซานหมิง

พอจงซานหมิงร่างสั่นสะท้าน เมิ่งหรูก็ฉวยโอกาสแทงทวนออกมา แทงจนคอจงซานหมิงขาดทันที เลือดสดพุ่งกระจาย จงซานหมิงถลึงตามองเมิ่งหรูด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ทั้งตัวกระเด็นออกไปแล้ว

แล้วเมิ่งหรูก็โบกบวนสังหารต่อเนื่องอีกนับไม่ถ้วน พอหันกลับมาอีกครั้ง เชออู่ก็ถูกจ่างหงกับอ๋าวเถี่ยรวมมือกันสังหารแล้ว

สามสิบกว่าคนสังหารอย่างบ้าคลั่งอยู่ในทัพกลางพักหนึ่ง กระบวนทัพหลักของทัพฝ่ายศัตรูแตกแล้วโดยสิ้นเชิง!

ทัพใหญ่ที่ตะลุมบอนกันไร้ผู้บัญชาการแล้ว เละเทะไร้ระเบียบทันที

“ดี!” ครั้งนี้เป็นชิงเยว่ที่ปรบมือชม รีบบัญชาการให้ทัพใหญ่แบ่งแยกทัพฝ่ายศัตรูที่กำลังวุ่นวายแล้วล้อมโจมตี

ใช้เวลาไม่นาน เสียงเข่นฆ่าที่ดังสะเทือนเลือนลั่นก็จบลง ในที่สุดการเข่นฆ่าที่ยาวนานก็จบลงแล้ว

“เร็ว! เร็ง! เร็ว!” หลงซิ่นตะโกนสั่งให้ทัพใหญ่รีบเก็บกวาดสนามรบ

ตอนที่พวกเมิ่งหรูกลับมาที่กระบวนทัพหลักฝ่ายตัวเอง ทั้งตัวก็มีแต่เลือด ชิงเยว่โค้งตัวกุมหมัดคารวะต้องพวกเขา

พวกเมิ่งหรูก็กุมหมัดคารวะตามมารยาทเช่นกัน แต่ใครจะคิดว่าชิงเยว่จะยืนตรง แล้วกุมหมัดขอร้องอีก “ข้าต้องรีบกำจัดกองหนุนทางฝั่งใต้ ไม่ทราบว่าทุกคนยินดีจะช่วยข้ามั้ย?”

พวกเมิ่งหรูสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นอ๋าวเถี่ยก็บอกว่า “ลองพูดให้ฟังหน่อย”

ทว่าชิงเยว่กลับเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง พึมพำกับพวกเขาอยู่พักหนึ่ง

พวกเมิ่งหรูได้ฟังแล้วลังเลนิดหน่อย ชิงเยว่จึงถ่ายทอดเสียงโน้มน้าวอีก “อาศักยภาพของทุกคน ต่อให้ทำพลาด แต่ตอนที่ทัพฝ่ายศัตรูยังไม่รวมตัวกันจนการโจมตีมีประสิทธิภาพ พวกเราก็ฉวยโอกาสรีบหนีไปได้ ถ้าพบความไม่ชอบมาพากล จะได้หยุดแล้วปกป้องตัวเองล่วงหน้าได้”

เมิ่งหรู จ่างหง อ๋าวเถี่ยแอบถ่ายทอดเสียงปรึกษากันพักหนึ่ง แล้วสุดท้ายก็ทยอยกันพยักหน้า นับว่าตอบตกลงแล้ว

ผ่านไปครู่เดียว ทางฝั่งนี้ก็คว้าตัวทหารพิการร้อยกว่าคนของทัพตะวันออกที่โชคดียังไม่ตาย ชิงเยว่พูดกับพวกเขาว่า “ตามที่ข้ารู้มา ไป่หลี่เจี๋ยนำทัพใหญ่สามแสนออกจากกองหนุนฝั่งใต้ไปสนับสนุนเชออู่ แต่กลับไม่รู้ว่าเชออู่โดนข้ากำจัดแล้ว! วันนี้ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอก จะปล่อยพวกเขาไปบอกไป่หลี่เจี๋ยสักหน่อย บอกว่าเชออู่แพ้แล้ว บอกไป่หลี่เจี๋ยว่าอย่ามารนหาที่ตาย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” พูดจบก็ชี้ไปทางอื่นพร้อมตะคอก “ไสหัวไปให้หมด!”

ทหารร้อยกว่าคนนี้หนีรอดจากความตาย มีหรือที่จะไม่อยากรอดชีวิต พวกเขาหนีไปตามทิศทางที่ชิงเยว่ชี้บอกทันที เพียงแน่น่าสงสารที่บนตัวไม่มีของอะไรแล้ว ไม่มีแผนที่ไว้แยกแยะทิศทาง ไม่มีระฆังดาราไว้ติดต่อใคร ไม่รู้อีกว่ากำลังพลสายอื่นอยู่ทางไหน ได้แต่หนีไปตามทิศทางที่ชิงเยว่ชี้

จากนั้นชิงเยว่ก็ไม่สนใจความแตกต่างของชายหญิงแล้ว นางคว้าข้อมือหลงซิ่น แล้วถ่ายทอดเสียงคุยงานบางอย่างกัน

กำลังพลทางนี้เพิ่งไปได้ไม่นาน กองหนุนสามหมื่นกว่าคนที่รวมกลุ่มจากสายลับก็มาถึงที่เกิดเหตุ แต่เห็นเลือดลอยละล่อง ทั้งยังมีแขนขาลอยกระจัดกระจายเอื่อยเฉื่อย ทุกอย่างพิสูจน์ว่าการต่อสู้จบลงแล้ว

ทหารที่นำหน้ามามองไปรอบๆ อย่างงุนงงพักหนึ่ง แล้วรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อ

“อะไรนะ?” อ๋าวเฟยที่อยู่ระหว่างทางได้ยินข่าวที่จุดสู้รบแล้วตกใจมาก “ก่อนหน้านี้สู้ถ่วงเวลามานานขนาดนั้น ทำไมจู่ๆ บทจะแพ้ก็แพ้?”

หวังหย่วนเฉียวที่เหาะมาด้วยส่ายหน้าอย่างขื่นขม “มีความเป็นไปได้สูงว่าฝ่ายเราแพ้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อเชออู่กับจงซานหมิงไม่ติด ตอนนี้สายลับที่พวกเราปล่อยไปก็ทยอยมารวมตัวกันแล้ว กำลังพลกลุ่มนั้นของหนิวโหย่วเต๋อไปอยู่ไหนพวกเราเองก็ไม่รู้ นอกเสียจากสายลับที่มารวมตัวกับพวกเราจะบังเอิญเจอ ทว่าดาราจักรกว้างใหญ่ขนาดนี้ เหมือนจะมีความเป็นไปได้น้อย”

“เฮ้อ!” อ๋าวเฟยยกมือตบหน้าผาก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “พี่เชอ พี่จง อ๋าวเฟยไร้ความสามารถ ทำผิดต่อพวกเจ้าแล้ว!”

แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์นี้ เขาเองก็สงบจิตสงบใจเร็วเช่นกัน “พวกเราไม่มีสายลับ แต่สายลับของหนิวโหย่วเต๋อกลับยังอยู่ กำลังพลกลุ่มนั้นที่หายไปมีความเป็นไปได้สามอย่าง หนึ่งคือหลบซ่อน สองคือไปหากำลังพลฝั่งใต้แล้ว สามคือคิดหาทางไปบรรจบกับหนิวโหย่วเต๋อ สองอย่างหลังไม่น่าเป็นไปได้ สรุปก็คือไม่ว่าจะเป็นข้อไหน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องหลอกล่อหนิวโหย่วเต๋ออีกแล้ว กำจัดทิ้งทันที แจ้งให้ลู่ผิงฟางกับอูจินหวนเตรียมตัวลงมือ แล้วก็บอกกำลังพลฝั่งตะวันออก ใต้ เหนือ ให้พวกเขามาเจอกันตามแผนเดิม อย่าให้ทัพฝ่ายศัตรูฉวยโอกาส มีแต่ต้องรวมตัวกันเท่านั้น ก็จะไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว”

“รับทราบ!” หวังหย่วนเฉียวเอ่ยรับ แล้วเขากับคงฮั่นก็รีบถ่ายทอดคำสั่งลงไป

………………