บทที่ 1863 ใช้อุบายเดิม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พอหันกลับไปมองกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อที่กำลังไล่โจมตี ในใจของอ๋าวเฟยก็เกิดความรู้สึกเศร้ารันทด ใคร่ครวญถึงการศึกก่อนหน้านี้

คนที่รบตายตอนแรกก็คือเจียงเชียนหลี่ที่นำกำลังพลหนึ่งแสนลาดตระเวน ถูกศัตรูโจมตีขนาบสองฝั่งจนตาย

คนต่อมาก็คือหลัวเจ๋อที่ไปเป็นกองหนุนให้เชออู่ เนื่องจากหลัวเจ๋ออยู่สายกลางที่สามารถเดินทางเชื่อมไปได้ทุกทิศ และอยู่ใกล้กับสนามรบที่สุดด้วย เป็นกองหนุนที่ไปถึงก่อนกองหนุนสายอื่นๆ ผลปรากฏว่าพอจะบุกเข้ากระบวนทัพก็ถูกทัพพันธมิตรดักตอนออกเป็นช่วงๆ ระหว่างทาง หลัวเจ๋อตายอยู่ภายใต้การล้อมโจมตีของผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำ ยังไม่ทันได้มาเจอกับเชออู่ แต่ก็เป็นเพราะกำลังพลกลุ่มใหญ่ของหลัวเจ๋อรีบไปถึง ไม่อย่างนั้นกำลังพลที่เหลืออยู่ไม่กี่หมื่นในมือเชออู่ก็ยืนยันต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ไม่ได้เลย

ทว่าสิ่งที่อ๋าวเฟยไม่รู้ก็คือ สาเหตุที่หลัวเจ๋อตาย ก็เพราะเขาพาคนมาด้วยเยอะเกินไป นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมชิงเยว่ปล่อยให้จงซานหมิงกับเชออู่มาเจอกันได้ แต่กลับไม่ยอมปล่อยให้หลัวเจ๋อกับเชออู่มาเจอกัน ยอมแลกทุกอย่างเพื่อโจมตีอย่างบ้าคลั่งจนถึงแก่ความตาย

ตอนหลังก็เป็นเชออู่กับจงซานหมิงที่รบตาย

อ๋าวเฟยวางแผนผิดพลาด ทัพลาดตระเวนหนึ่งแสนของเจียงเชียนหลี่ กองหนุนสามแสนฝั่งตะวันตกของเชออู่ กองหนุนสามแสนที่อยู่สายกลางของหลัวเจ๋อ สายลับที่จงซานหมิงรวบรวมได้ก็โยนเข้าไปเกินสามแสน จนถึงตอนนี้สูญเสียแม่ทัพใหญ่ๆ ไปแล้วสี่คน แม่ทัพคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องพูดถึง กำลังพลเสียหายไปเกินล้านแล้ว!

ภายใต้การคิดทบทวน อ๋าวเฟยรู้ว่าปัญหาของตัวเองเกิดจากการกระจายกำลังทหาร แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับรวบรวมกำลังทหารที่เหนือกว่าหลายเท่าเพื่อมารบตั้งแต่ต้นจนจนจบ แต่เข้าเองก็ไม่มีทางเลือก หลังจากเขาวางแผนเรียบร้อยแล้วก็คิดจะใช้ยุทธศาสตร์ที่มั่นคงในการทำศึก ทว่ากลับถูกเรื่องราวนอกสถานการณ์การรบมาทำให้เรื่องนี้พัง หนิวโหย่วเต๋อปล่อยข่าวลือข้างนอกอย่างต่ำช้าสามาน สะเทือนจนกองทัพองครักษ์ตามมา ทางอ๋องสวรรค์อิ๋งกดดันให้เขารีบรบรีบจบ ทำให้จังหวะแผนการของเขาปั่นป่วนในรวดเดียว

ทว่าการศึกไม่หน่ายเล่ห์ สามารถคว้าชัยชนะบนสนามรบได้ก็คือความสามารถ หนิวโหย่วเต๋อยอมสละโถงชุมนุมอัจฉริยะเพื่อทำให้แผนของเขาปั่นป่วน สิ่งนี้จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว บุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์มีใครไม่รู้บ้างว่าโถงชุมนุมอัจฉริยะคือแหล่งสนับสนุนทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของหนิวโหย่วเต๋อ แม้แต่สิ่งนี้ยังสละได้ เขาอ๋าวเฟยก็มีแต่ต้องนับถือแล้ว

ก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง เขาเริ่มพิจารณาถึงเจตนาที่หนิวโหย่วเต๋อไล่ตามโจมตีเขาแล้ว เริ่มรู้สึกได้รางๆ ว่าตัวเองติดกับดักหนิวโหย่วเต๋อ คิดว่าหนิวโหย่วเต๋ออาจจะไม่ได้อยากจะไปรวมกลุ่มกับกำลังพลของชิงเยว่ ดูจากสถานการณ์ทุกด้านก็จะรู้ ว่าการไล่โจมตีนี้ของหนิวโหย่วเต๋อได้ตรึงทัพใหญ่สองล้านกว่าของเขาไว้แล้ว กำลังหทารส่วนใหญ่บนสนามรบตอนนี้ถูกหนิวโหย่วเต๋อตรึงไว้แล้ว

ตอนนี้เขาเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของกำลังพลสายตะวันออก ใต้ เหนือแล้ว กำลังพลของชิงเยว่ไปที่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองเสียจังหวะจนเดินหมากผิด ตัวเองไม่ควรเรียกรวมสายลับหนึ่งล้านนั่นเลย ตอนนี้ตัวเองไม่มีทางควบคุมสภาพการณ์บนสนามรบได้อีกแล้ว

แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าเขาไม่รวบรวมสายลับจำนวนมากมาเป็นกองหนุน เชออู่ก็ไม่มีทางยืนหยักได้นานเลย ยากที่จะถ่วงกำลังหลักของฝ่ายศัตรูเอาไว้เพื่อรีบรบรีบจบ ตอนนี้ต่อให้เขาอยากจะกระจายสายลับหนึ่งล้านออกไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว อำนาจของฝ่ายรุกบนสนามรบไม่ได้อยู่ในมือเขาแล้ว

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงกังวลความปลอดภัยของกองหนุนสามสายนั้น ไม่รู้ทิศทางว่ากำลังพลของชิงเยว่ไปที่ไหน ไม่กล้าให้กำลังพลสามสายนั้นเพ่นพ่านไปทั่ว กังวลว่าจะถูกเหมียวอี้โจมตีแตกทีละสาย ด้วยเหตุนี้ วิธีการที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือทำตามแผนเดิม นั่นก็คือให้กำลังพลสามสายมารวมตัวกันก่อนแล้วค่อยเตรียมวางแผนอีกที

ดังนั้นตอนนี้เขาถึงสงสัยเจตนาของหนิวโหย่วเต๋อที่ไล่ตามโจมตีเขา เขาคิดไม่ตกนิดหน่อย ในมือไอ้หนิวจัญไรมีกำลังทหารที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ทำไมถึงไม่ไปรวมกับกำลังพลของชิงเยว่ล่ะ การที่ไม่รีบออกมาโจมตีกำลังพลสายอื่นๆ ของฝ่ายนี้ หนิวโหย่วเต๋อมีเจตนาอะไรกันแน่?

ไม่ว่าจะมีเจตนาอะไร ตอนนี้เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าตัวเองถูกเหมียวอี้จูงจมูก มีหรือที่จะยังให้เหมียวอี้สมปรารถนาอีก…

“นายท่าน! มีความเคลื่อนไหว!”

ผู้ช่วยแม่ทัพคนหนึ่งที่อยู่ในดาราจักรชี้ไปข้างหน้าพร้อมรายงานไป่หลี่เจี๋ย ไป่หลี่เจี๋ยเห็นแล้ว ยกมือขึ้นมาแล้ว

ทัพใหญ่สามแสนสี่หมื่นโผล่หน้ามาแล้ว พวกเขาจัดกระบวนทัพต่อสู้อยู่ข้างหลัง เตรียมตัวรับข้าศึก กำลังพลอีกสี่หมื่นคือสายลับที่มารวมตัวกันระหว่างทาง จึงถือโอกาสพามาด้วย

“ไม่ถูก เหมือนไม่ใช่ทัพฝ่ายศัตรู!” ผู้ช่วยแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ ร้องบอก

ทุกคนทอดสายตามองไป พบว่าแต่ละคนที่ทยอยมาถึงมีสภาพสะบักสะบอม บนตัวทุกคนมีบาดแผล

ตอนที่เข้าใกล้ฝั่งนี้ คนสภาพจนตรอกที่นำหน้ามาก่อนร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดัง “แม่ทัพไป่หลี่ อย่ายิงธนู เป็นคนฝ่ายตัวเอง ข้าคือหลิวเจิน อยู่ใต้บังคับบัญชาของของแม่ทัพเชอ!” ไม่กลัวไม่ได้หรอก ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มากมายขนาดนั้นเล็งมาที่ตนแล้ว

ไป่หลี่เจี๋ยหันกลับมาถาม “ใต้บังคับบัญชาของเชออู่มีคนคนนี้อยู่ด้วยเหรอ? ถามหน่อยว่ามีใครรู้จักมั้ย”

ไม่นานข้างหลังก็มีคนหนึ่งเข้ามาตอบ “ตอบท่านแม่ทัพ เป็นหลิวเจินลูกน้องแม่ทัพเชอจริงๆ ข้ารู้จักเขา ฝั่งนี้ก็มีคนไม่น้อยที่รู้จักเขา”

ไป่หลี่เจี๋ยเอียงหน้าสั่ง “ไปตรวจสอบสักหน่อย!”

ฝั่งนี้มีคนเข้ามาหลายคนทันที ค้นตัวหลิวเจินตั้งแต่ศีรษะจดเท้า หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีปัญหา ก็พาตัวหลิวเจินเข้ามา แต่กลับกันคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังเอาไว้ รักษาระยะที่ปลอดภัย

“คารวะแม่ทัพไป่หลี่!” จากนั้นหลิวเจินก็กุมหมัดคารวะด้วยสีหน้าเศร้าสลด

“เชออู่รบแพ้ แล้วเจ้ากลับมาได้ยังไง?” ไป่หลี่เจี๋ยถามเสียงต่ำ

“เดิมทีไม่อาจรอดชีวิตกลับมาได้ เป็นชิงเยว่ที่ปล่อยพวกเรากลับมา” หลิวเจินตอบอย่างอนาถใจ

ไป่หลี่เจี๋ยขมวดคิ้ว “ทำไมนางต้องปล่อยเจ้ากลับมา?”

“นางให้พวกเรามาบอกทัน บอกว่ากำลังพลของแม่ทัพเชอแพ้แล้ว…” หลิวเจินบอกคำพูดเดิมของชิงเยว่

ไป่หลี่เจี๋ยเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็แสยะยิ้ม พูดกับคนทางซ้ายและขวาว่า “ชิงเยว่ภายนอกแข็งกร้าวภายในอ่อนแอ เป็นเพราะรู้ว่ากำลังพลสามสายกำลังจะรวมกัน จงใจจะวางอุบายกับข้า”

“ท่านต้องระวัง แม่ทัพใหญ่อ๋าวถ่ายทอดคำสั่งมาแล้ว บอกให้พวกเราระวังกำลังพลของชิงเยว่เอาไว้”  ผู้ช่วยแม่ทัพกล่าว

ไป่หลี่เจี๋ยบอกว่า “อย่าบอกนะว่าพอถูกชิงเยว่ขู่ พวกเราก็จะไม่ไปรวมตัวกับกำลังพลอีกสองสายแล้ว? แม่ทัพใหญ่ต้องการให้พวกเรารวมตัวกัน ตอนนี้ไม่กลัวกำลังพลของชิงเยว่ลงมือกับพวกเราหรอก กลัวก็แต่นางจะหนีไปจนหาตัวไม่เจอแล้ว”

ทหารที่อยู่ทางซ้ายและขวาเงียบไป พูดจากใจจริง เจียงเชียนหลี่ หลัวเจ๋อ เชออู่ จงซานหมิง ขนาดแม่ทัพใหญ่สี่คนนั้นยังรบแพ้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขากังวลใจอยู่บ้าง

ไป่หลี่เจี๋ยบุ้ยปากไปทางทหารร้อยกว่าคนที่ทยอยตามหลังมา พร้อมถามหลิวเจินว่า “พวกเนี้คือคนของฝ่ายเราเหรอ?”

หลิวเจินหันกลับมามองแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าบอกว่า “ล้วนเป็นคนที่ชิงเยว่ปล่อยมา” นี่คือสิ่งที่เขาเห็นกับตา

ไป่หลี่เจี๋ยเชื่อว่าหลิวเจินที่รอดพ้นจากอันตรายแล้วไม่จำเป็นต้องหลอกเขา แต่ก็ยังถามอย่างระมัดะวัง “กำลังพลกลุ่มใหญ่ทยอยมาถึง อย่าให้โอกาสชิงเยว่ถ่วงเวลา ทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้ตรวจสอบสักหน่อย ถ้าไม่มีปัญหาค่อยตามไปทีหลัง”

ทัพใหญ่รวมตัวกันอีกครั้ง คนพันกว่าคนเหาะไปทางร้อยคนนั้น แล้วล้อมไว้เตรียมจะตรวจสอบ

ไป่หลี่เจี๋ยนำทหารที่เหลือเดินทางต่อไป

ทว่าตอนที่กลุ่มของไป่หลี่กำลังผ่านร้อยกว่าคนที่กำลังโดนล้อม ก็เรื่องกะทันหันเกิดขึ้ย ท่ามกลางร้อยกว่าคนที่กำลังจะถูกคนตัว มีคนคนหนึ่งพลันโบกมือ แล้วจู่ๆ ก็กลายเป็นสามสิบกว่าคน ชั่วพริบตาเดียวก็ตีฝ่าพันคนที่ล้อมเอาไว้ ต้านอย่างไรก็ต้านไม่อยู่ สังหารในแนวขวางไปทางกลุ่มของไป่หลี่เจี๋ย

พวกไป่หลี่เจี๋ยตกใจมาก ตะโกนว่า “ข้าศึกบุก” ตอนที่กำลังพลสามแสนกว่าเพิ่งปรากฏตัว ทางฝั่งนี้ก็มีกำลังพลเพิ่มมาสามหมื่นแล้ว ตามหัวหน้าสามคนสังหารฝ่าออกไป

ตรงนั้นพลันเกิดเสียงสังหารดังสะเทือนเลือนลั่น

สามคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเมิ่งหรู อ๋าวเถี่ย จ่างหงนั่นเอง ก่อนหน้านี้เมิ่งหรูปลอมตัวเป็นทหารที่รอดชีวิต ตอนนี้บนใบหน้ายังมีรอยเลือด ตามหลังทหารผู้รอดชีวิตร้อยกว่าคนมาด้วย แม้ทหารที่เหลือรอดจะเป็นพวกเดียวกัน แต่กำลังพลทัพตะวันออกมีมากมายขนาดนั้น ระหว่างพวกเขาจำไม่ได้หมดว่าใครเป็นใคร เพราะเอาแต่คิดหนีเอาชีวิตรอดมาตลอดทาง ไม่มีกะจิตกะใจจะมาพูดคุยกัน

เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป พวกไป่หลี่เจี๋ยหลบหลีกไม่ทัน เพิ่งจะตั้งวงล้อมป้องกันข้างกาย ทว่าพวกเมิ่งหรูโหดหาญเกินไป พอบุกโจมตีเข้ามาก็ทำให้วงล้อมป้องกันที่เพิ่งตั้งอย่างฉุกละหุกแตกกระเจิงแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็ต่อสู้กับพวกไป่หลี่เจี๋ยแล้ว

ไป่หลี่เจี๋ยที่ถูกพวกเมิ่งหรูล้อมโจมตี ประมือกันไม่กี่ท่าก็ถูกดาบฟันศีรษะแล้ว

ส่วนพวกเมิ่งหรูก็โหดเหี้ยมจริงๆ ทหารคนสำคัญข้างกายไป่หลี่เจี๋ยถูกฆ่าไปสิบกว่าในเวลาสั้นๆ

สองทัพพุ่งปะทะกัน แม้จะไม่มีแม่ทัพคอยบัญชาการจึงไร้ระเบียบนิดหน่อย แต่ทัพใหญ่สามแสนกว่าก็ยังล้อมกำลังพลสามหมื่นที่ลอบจู่โจมเอาไว้ได้ ถึงอย่างไรเบื้องล่างก็ยังมีทหารที่บัญชาการได้ การให้ความร่วมมือพื้นฐานย่อมไม่ต้องให้ใครสอน ล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่งแล้ว

แต่ในขณะนี้เอง ตรงด้านหลังของทัพใหญ่ที่กำลังสู้กัน เสียงตะโกน “ฆ่า” ดังขึ้นฟ้า จู่ๆ ก็มีกำลังพลกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวดำเป็นพืด แล้วเร่งจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ชิงเยว่นำทัพใหญ่มาถึงแล้ว แบ่งทหารเป็นสองสาย แบ่งกับหลงซิ่นคนละสาย ตีโอบสนามรบเอาไว้ กำลังพลสองสายนี้ราวกับมังกรบิน พวกเขาไม่ได้พุ่งเข้าขบวนรบ แต่นำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมาทั้งหมด ลำแสงนับไม่ถ้วนล้อมยิงใส่ทัพใหญ่ที่กำลังประมือกันอย่างบ้าระห่ำ

ทัพใหญ่ของไป่หลี่เจี๋ยอยู่ภายใต้การบัญชาการที่วุ่นวายไร้ระเบียบ นอกจากจะไม่มีทางรวมทัพกันจนเกิดประสิทธิภาพการป้องกันแล้ว ภายในยังมีกำลังพลที่เมิ่งหรูนำมาด้วยคอยก่อกวน จึงไม่มีทางรวมตัวกันจนเกิดประสิทธิภาพการป้องกันได้เลย วุ่นวายทั้งข้างนอกข้างใน

เสียงกรีดร้องดังระงม เสียงร้องไห้ดังต่อเนื่องเป็นระลอก กำลังพลของไป่หลี่เจี๋ยสิ้นชีพอย่างรวดเร็วภายใต้การโจมตีสุดโหดของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์

จนกระทั่งกำลังพลฝ่ายศัตรูตายไปเกินครึ่ง กลัวว่าลูกธนูดาวตกจะทำคนฝ่ายตัวเองบาดเจ็บ ชิงเยว่ถึงได้สั่งให้ทัพใหญ่ล้อมโจมตี สังหารเข้าไปในขบวนรบแล้ว

ศึกนี้จบลงเร็วมาก พอการต่อสู้หยุดแล้ว เชลยศึกที่ยอมแพ้ก็ถูกจับได้แปดหมื่นกว่าคน ล้วนต้องโทษเบื้องบนที่จงใจปิดบังข่าวต่อเบื้องล่างว่ากำลังพลสายอื่นรบแพ้ กลัวส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจทหาร ถ้าคนพวกนี้รู้ว่ากำลังพลหนึ่งแสนของเจียงเชียนหลี่ตายอย่างไร คาดว่าต้องสู้ตายจนถึงที่สุด

“เป็นผลงานใหญ่ทุกคน! ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนกล้าหาญไปฆ่าแม่ทัพแย่งธงจากทัพฝ่ายศัตรูจนเกิดความวุ่นวาย ศึกนี้ก็ไม่อาจคว้าชัยได้ง่ายดายแบบนี้ คำขอบคุณข้าจะไม่พูดแล้ว จะรายงานต่อท่านหัวหน้าภาคแน่นอน!” หลังจากพบกับพวกเมิ่งหรู ชิงเยว่ก็กุมหมัดขอบคุณพวกเขาซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นกะพริบตากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ศัตรูอยู่ในที่แจ้ง พวกเราอยู่ในที่ลับ ข้ารู้เส้นทางของศัตรู แต่ศัตรูกลับไม่รู้เส้นทางของข้า มีวีรบุรุษอย่างพวกท่านอยู่ด้วย ข้าก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเยอะ อยากจะใช้อุบายเดิมกับกองหนุนสายอื่นๆ ฝ่ายศัตรู ไม่ทราบว่าทุกคนคิดว่ายังไง?”

พวกเมิ่งหรูสบตากันแวบหนึ่ง แล้วอ๋าวเถี่ยก็ตอบว่า  “นายท่านรับประกันได้เหรอว่าสถานการณ์รบของฝั่งนี้ยังไม่แพร่งพราย? ถ้ามันแพร่งพรายไปแล้ว เกรงว่าคงไม่ตกหลุมพรางอีก”

ชิงเยว่ตอบว่า “การจู่โจมกะทันหันของศึกนี้ทำให้ฝ่ายศัตรูป้องกันไม่ทัน อีกฝ่ายอาจจะไม่มีโอกาสรายงาน มิหนำซ้ำต่อให้รู้แล้ว แต่ด้วยความห้าวหาญของทุกท่าน ตอนที่พบความไม่ชอบมาพากลก็น่าจะหนีไม่ทันแล้ว คิดว่าจะลองอีกครั้งก็ได้”

ทั้งสามทั้งโมโหทั้งอยากขำ นี่ใช้งานพวกเขาจนเสพติดแล้วเหรอ ไม่รู้หรือว่าการทำแบบนี้อันตรายมาก? ต่อให้วรยุทธ์สูงกว่านี้ แต่หากถูกล้อมไว้ตอนตะลุมบอนกัน อาศัยพลังอิทธิ์อย่างเดียวก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้อยู่ดี เป็นเพียงข้อได้เปรียบจากศักยภาพส่วนตัวยามสู้ในระยะประชิดเท่านั้น อย่างไรเสียก็มีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา ยามต่อสู้ระยะใกล้ทหารเล็กๆ ก็ต้านทานได้ยากอยู่แล้ว

เมิ่งหรูตอบว่า “นายท่านถามความเห็นหัวหน้าภาคหนิวสักหน่อยเถอะ” พวกเขาก็ไม่อยากเสี่ยงอันตรายนี้บ่อยๆ เช่นกัน ลูกน้องที่พามาจากแดนอเวจีรบตายไปสองคนแล้ว

………………