ตอนที่ 1,110 เว่ยเหอ

ผีดิบตัวนั้นคือเว่ยเหอ

มือกระบี่ที่ท่านเจ้าเมืองและภรรยาว่าจ้างมาจากจักรวรรดิต้าเกี๋ยน

แต่เมื่อได้รับโอกาสให้ลงสังเวียนประลองเพื่อแสดงฝีมือ ชายวัยกลางคนกลับถูกพิษผีเสื้อราตรีของเหอชิงฮวาเล่นงานจนพ่ายแพ้

นี่เขาไม่ได้กลับไปรักษาตัวที่จวนท่านเจ้าเมืองหรอกหรือ?

ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?

และมีสภาพเช่นนี้ได้?

ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเจ็ดเซี๊ยะมีผิวหนังและกล้ามเนื้อหนาแน่น ต่อให้ใช้กระบี่ฟันใช้ขวานจามก็ใช่ว่าจะสามารถทำลายเนื้อหนังได้ง่าย ๆ แต่บัดนี้ ผิวหนังของเขาปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ ร่างกายซูบผอมไม่ต่างไปจากต้นไม้ใกล้ตายซากต้นหนึ่ง นอกจากนี้บนผิวหนังยังปรากฏสะเก็ดบาดแผลที่มีลักษณะผิดปกติอย่างมากอีกด้วย

สภาพโดยรวมของผู้อาวุโสเว่ยเหอไม่ต่างจากผีดิบที่ตายมาแล้วหลายพันปี

ด้วยอาการบาดเจ็บในระดับนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงเสียชีวิตไปแล้ว

แต่เว่ยเหอกลับยังรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

มีเพียงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเท่านั้นที่ยังเป็นปกติ ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงสามารถจดจำชายชราได้ทันทีที่เห็นหน้า

ดวงตาของเว่ยเหอพร่ามัว ในลำคอเปล่งเสียงแปลกประหลาดออกมาดังโฮกฮาก ลักษณะไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าที่บาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นชีวิต

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบระยับ

“ชะ… ช่วยข้าด้วย…”

เว่ยเหอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากลำคอ

แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นก็ยังฟังยากอยู่ดี

นี่เว่ยเหอกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ใช่หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก

ผู้อาวุโสเว่ยเหอกำลังขอให้เขาช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?

หรือเหตุผลที่ผู้อาวุโสเว่ยเหอมาปรากฏตัวขึ้นในอาณาเขตของสำนักกระบี่อมตะค่ำคืนนี้ก็เพื่อมาตามหาเขา?

หรือเป็นเพราะว่าผู้อาวุโสเว่ยเหอรับทราบแล้วว่าหลินเป่ยเฉินคือตัวเอกของเรื่องนี้ จึงไม่อาจเดินทางไปรบกวนให้ผู้อื่นแก้ไขปัญหานอกจากเขา?

นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่มีสายตาเฉียบแหลมนัก

หลินเป่ยเฉินยกมือทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว

“ไม่ทราบว่าอาจารย์กับอาจารย์อาทั้งสองท่านคิดเห็นเป็นอย่างไรขอรับ?”

เด็กหนุ่มขอคำแนะนำ

หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่าเว่ยเหอผู้นี้มีเจตนาใดกันแน่

ติงซานฉือตอบว่า “เสี่ยวหรานเจ้าสำนักกระบี่เมฆาพลิ้วบอกว่าส่งตัวคนผู้นี้ไปเข้ารับการรักษาที่สำนักพยาบาลแล้ว แต่การที่เขายังมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้แสดงว่าเขาคงต้องถูกทอดทิ้งเป็นแน่แท้… เขาอุตส่าห์ดิ้นรนมาจนถึงสำนักกระบี่อมตะของเรา เพราะฉะนั้นถือว่าเขามีความอดทนน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง”

ช่างเป็นคำตอบที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด

ทางด้านสือจงเซิ่งพูดว่า “พิษผีเสื้อราตรีสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งขั้นเซียนระดับเจ็ด คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทนพิษได้นานขนาดนี้… เว่ยเหอสามารถรอดมาได้อย่างไรกันนะ? นับว่าเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ”

อืม คำตอบนี้ถือว่ามีข้อมูลพอเป็นประโยชน์อยู่บ้าง

อาจารย์อาอิ๋นซานลังเลเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “ทุกท่านได้โปรดอย่าลืมว่าเขาคือผู้อาวุโสที่เมืองไป๋หยุนเราจ้างมา หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เมืองไป๋หยุนเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ในอนาคต ยังจะมีใครกล้ารับการว่าจ้างจากเมืองไป๋หยุนเราอีกอย่างนั้นหรือ?”

ฟังดูมีเหตุผล

หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าเว่ยเหอและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”

ทันใดนั้น เว่ยเหอชักกระตุกอย่างรุนแรงราวกับกุ้งเป็น ๆ ที่ถูกโยนลงไปในกระทะน้ำมันเดือด กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ก่อนที่จะมีหนอนสีดำค่อย ๆ ไชทะลุออกมาจากใต้ผิวหนังบนใบหน้านั้น

มือกระบี่ชุดขาวสองคนที่รับหน้าที่ควบคุมตัวเว่ยเหอรีบเหวี่ยงร่างชายชราทิ้งไปข้างทางด้วยความตกใจ

ทุกคนล้วนตกตะลึง

เมื่อศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะคนอื่น ๆ ได้สติ พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองเว่ยเหอให้ลุกขึ้นมา

แต่จะอย่างไรเว่ยเหอก็เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับหก เมื่อเขาระเบิดพลังออกมาด้วยความคลุ้มคลั่งและเจ็บปวด บรรดาลูกศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะจึงไม่อาจรับมือได้อีกแล้ว

“นี่เป็นผลจากพิษผีเสื้อราตรี”

ติงซานฉือว่า “รีบหยุดเขาเร็วเข้า”

“จี๊ด”

อากวงกระโดดเข้าไปใช้ขาหน้าของมันข้างหนึ่งตบเว่ยเหอล้มลงกับพื้นดิน

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของชายชรายังคงกระตุกอยู่ แต่แววตาของเขาเริ่มกลับมามีสติแจ่มใสอีกครั้ง

เว่ยเหอนอนอยู่บนพื้น ไม่พูดอะไรออกมา

มือกระบี่ที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับหกผู้ซึ่งแข็งแกร่งเสียจนคนของจักรวรรดิเป่ยไห่ต้องว่าจ้างมาช่วยเหลือ บัดนี้ เขากลับมีสภาพกลายเป็นเหมือนสัตว์ป่าหลงทางตัวหนึ่ง ชวนให้ผู้คนรู้สึกสงสารและเวทนายิ่งนัก

เว่ยเหอพยายามยันกายลุกขึ้นด้วยสติสัมปชัญญะเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่

เขาเอื้อมมือออกไปใช้นิ้วมือที่ผอมบางเหมือนกรงเล็บวิหคขีดเขียนข้อความบนพื้นดิน

‘ช่วย…’

‘ข้า…’

‘แล้วก็… ช่วยลูกสาว… พิการ… ของข้าด้วย…’

‘ข้าจำเป็นต้อง… มีชีวิตอยู่รอดต่อไป’

ข้อความไม่ค่อยปะติดปะต่อเท่าไหร่นัก

แต่หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจความหมายดีแล้ว

เว่ยเหอกำลังจะบอกว่าตนเองมีบุตรสาวพิการที่ยังรอคอยให้กลับไปหา เขาไม่สามารถมาตายที่นี่ได้เด็ดขาด

“รีบช่วยเขาเถอะ”

ฉับพลันนั้น ติงซานฉือก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า ทราบดีว่าอาจารย์ของตนเองคงรู้สึกราวกับถูกจี้ใจดำเข้าอย่างจัง

เพราะว่าเหยียนอิงก็เป็นเด็กสาวพิการเช่นกัน

ตอนที่อาจารย์ติงและภรรยาต้องแยกจากกัน พวกท่านไม่มีโอกาสได้ดูแลบุตรสาวของตนเอง เหยียนอิงจึงต้องเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความยากลำบากและทำให้นางกลายเป็นคนบุคลิกเย็นชาเช่นในปัจจุบันนี้

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นสาดละอองน้ำใส่ร่างกายของเว่ยเหอ

ซู่!

เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ร่างกายที่ผอมแห้งของชายชราก็พองโตขึ้นมาเหมือนลูกโป่งสูบลม

กล้ามเนื้อที่เคยเหี่ยวแห้งก็ฟูฟ่องขึ้นมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์

และไม่กี่อึดใจให้หลัง เว่ยเหอก็กลับมามีสภาพเป็นปกติอีกครั้ง ดวงตาของเขาบอกถึงความมีสติมากขึ้น ชีพจรเต้นอย่างมั่นคงมากขึ้น พลังลมปราณและโลหิตไหลเวียนอย่างปลอดโปร่งเป็นปกติอีกครั้ง

ถึงจะไม่ได้กลับไปอยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงเหมือนเดิม แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่ใกล้เคียงกับความตายอีกแล้ว

“ฮื่อ…”

ชายชราถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนประสานมือก้มศีรษะให้แก่หลินเป่ยเฉิน “ขอบคุณหัวหน้านักบวชหลินมากขอรับ”

“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย ตามพวกเรามาเถอะ เดี๋ยวข้าจะหาของให้รับประทาน”

หลินเป่ยเฉินรีบเข้าไปช่วยประคองเว่ยเหอด้วยความกระตือรือร้น “พวกเราค่อยคุยกันระหว่างกินดื่มกันดีกว่า”

ในเมื่อหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ช่วยชีวิต เรื่องราวหลังจากนี้จึงต้องเตรียมให้สมบูรณ์พร้อม เด็กหนุ่มสั่งให้คนไปเตรียมน้ำร้อนเสื้อผ้าสะอาดและศิลาบูชามาจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ผู้อาวุโสเว่ยเหอได้อาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บด้วยตนเองสักเล็กน้อย

การช่วยคนต้องช่วยให้ถึงที่สุด อาหารไม่กี่มื้อ เสื้อผ้าไม่กี่ชุด ยังนับว่าเป็นกระไรได้

นอกจากนั้น การช่วยเหลือของหลินเป่ยเฉินยังแฝงไปด้วยการหวังผลประโยชน์เอาไว้ล้วน ๆ

ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับหก

จะดีจะชั่วอย่างไรหากได้ผู้มีพลังขั้นนี้มายอมก้มหัวให้แก่ตนเองอีกสักคนหนึ่ง หลินเป่ยเฉินก็มีแต่ได้กับได้ไม่ใช่หรือ?

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งก้านธูป

ในห้องโถงใหญ่ของตึกที่ทำการสำนักกระบี่อมตะ

“บุญคุณของท่านหัวหน้านักบวชหลินในครั้งนี้ ข้าน้อยจะไม่มีทางลืมเลือนไปชั่วชีวิต”

“ฮ่า ๆๆ พี่เว่ยเกรงใจเกินไปแล้ว ที่นี่หาได้มีหัวหน้านักบวชอันใด มีเพียงแต่ข้าที่เป็นน้องชายของท่านเท่านั้น”

“แต่ว่า… ข้าน้อยไม่กล้า”

“หรือว่าท่านไม่อยากรับเด็กหนุ่มจากจักรวรรดิเล็ก ๆ อย่างข้าเป็นน้องชาย?”

“มิใช่เช่นนั้นน้องหลิน”

เว่ยเหอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ

“ฮ่า ๆๆ พี่เว่ย พวกเราก็คนกันเองกันทั้งนั้น อย่าได้เกรงใจอีกต่อไปเลย”

เพียงหลินเป่ยเฉินมองดูปราดเดียวก็รู้ว่ายอดฝีมือขั้นเซียนระดับหกผู้นี้กลายเป็นสาวกของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

เว่ยเหอผู้นี้จะต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่เมื่อสักครู่ หลินเป่ยเฉินถ่อมตัวเกินไปหน่อย จึงยึดถือตนเองเป็นเพียงน้องชายของอีกฝ่าย

รู้อย่างนี้เขาตั้งตัวเป็นพี่ใหญ่ไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?

หลินเป่ยเฉินลอบคิดด้วยความเสียดายอยู่ในใจ

“ว่าแต่พี่เว่ยมีแผนการจะทำอย่างไรต่อไปหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินถามออกมา

เว่ยเหอตอบว่า “หาทางกำจัดพิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายและฟื้นฟูพลังกลับมาให้ได้”

หลังได้รับการรักษาด้วยพลังวารีบำบัด ร่างกายของเว่ยเหอก็กลับมาแข็งแรงมากแล้ว แต่พลังลมปราณยังลดน้อยถอยลงจากระดับปกติหลายเท่า เพราะว่าพิษผีเสื้อราตรีจำนวนหนึ่งยังคงตกค้างอยู่ในร่างกายนั่นเอง

พลังวารีบำบัดสามารถรักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างไม่มีปัญหา

แต่มันไม่สามารถกำจัดพิษออกไปจนเป็นที่น่าพอใจได้สักเท่าไหร่นัก

โดยเฉพาะพิษผีเสื้อราตรีของเหอชิงฮวา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดพิษสำหรับสังหารผู้มีพลังขั้นเซียนโดยเฉพาะ

หากเว่ยเหออยากจะฟื้นฟูพลังจริง ๆ เขาก็ต้องหาทางกำจัดพิษเหล่านี้ออกไปจากร่างกายให้หมดเสียก่อน

“แล้วถ้าไม่มีวิธีกำจัดพิษล่ะ?”

ติงซานฉือที่ยืนอยู่ด้านข้างถามขึ้น “ข้าเคยได้ยินมาว่าพิษชนิดนี้ยากต่อการกำจัดออกจากร่างกายของผู้คนนัก”

สีหน้าของเว่ยเหอปรากฏความหมองเศร้าเล็กน้อยขณะถอนหายใจและตอบว่า “หากไร้ซึ่งหนทางกำจัดพิษ… ข้าก็คงต้องหาทางกลับบ้านไปดูแลบุตรสาวและใช้ชีวิตเช่นนี้ไปจนวันตาย”

“พี่เว่ยไม่อยากแก้แค้นหรือ?”

“นี่คืองานประลองกระบี่ที่จัดขึ้นอย่างยุติธรรม เป็นข้าเองที่มีฝีมือต่ำต้อยไม่สามารถรับมือพิษของฝ่ายตรงข้ามได้ ข้าไม่สามารถกล่าวโทษใครได้ทั้งนั้น เพราะเป็นข้าเองที่แส่หาเรื่องลงไปเผชิญหน้ากับคนจากหุบเขาผีเสื้อพิษ”

“แล้วพี่เว่ยไม่โกรธฉู่อวิ๋นซุนหรือที่เขาทอดทิ้งท่าน?”

“สำหรับมือกระบี่รับจ้างผู้หนึ่ง เมื่อได้รับบาดเจ็บจนหมดความสามารถ ก็เท่ากับไม่มีค่าให้มีชีวิตอยู่รอดอีกต่อไป แม้แต่ข้าเองก็ยังแทบหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ การกระทำของท่านเจ้าเมืองฉู่ออกจะโหดร้ายก็จริง แต่ก็ถือว่าสามารถเข้าใจได้ เพียงแต่ว่า… เขาไม่สมควรรับปากข้าก่อนหน้านั้น เขาไม่ควรให้ความหวังข้าตั้งแต่แรก”

“พี่เว่ยต้องการจะกลับไปล้างแค้นไหมขอรับ?”

“ไม่… น้องหลินช่วยชีวิตข้า เจ้าเองก็ถือว่าเป็นศิษย์ของเมืองไป๋หยุนผู้หนึ่ง บุญคุณของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก นี่เท่ากับว่าข้าไม่ได้มีความแค้นอันใดต่อเมืองไป๋หยุนอีกต่อไปแล้ว”

เมื่อพูดคุยมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจไปกับความจริงใจของเว่ยเหออย่างแท้จริง

นี่คือตัวอย่างของมือกระบี่ที่ใช้ชีวิตอย่างโปร่งใสและซื่อสัตย์ สุจริต

“พี่เว่ย ข้ามียาตัวหนึ่งที่มันอาจจะช่วยขับพิษให้ท่านได้ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่ และข้าก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า ไม่ทราบว่าท่านอยากลองรับประทานดูสักหน่อยไหม?”

หลินเป่ยเฉินถามออกมาหลังจากลังเลเล็กน้อย

“หืม?”

เว่ยเหอดวงตาเบิกโตด้วยความประหลาดใจพร้อมกับตอบว่า “ข้าเชื่อใจน้องหลิน ข้าอยากรับประทานยาของเจ้า”

“ไม่มีปัญหาขอรับ ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ท่านก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อน ข้าต้องใช้เวลารวบรวมวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาสักเล็กน้อย”

หลินเป่ยเฉินว่า

หลังจากรับประทานอาหารกันจนอิ่มหนำแล้ว เว่ยเหอก็ถูกนำตัวไปพักผ่อนที่เรือนรับรองแห่งหนึ่งของสำนักกระบี่อมตะ

หลินเป่ยเฉินกลับไปยังห้องนอนของตนเอง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอป Taobao และกดค้นหายาขับพิษชนิดเม็ดตรายินเคียวโกยตั๊กเพี่ยง*[1]…

[1] ยี่ห้อยาสมุนไพรอัดเม็ดชื่อดังของเมืองจีน