ตอนที่ 2437

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,437 : เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!

 

“นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว”

 

ได้ยินวาจาหดหู่ของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ากล่าวเตือน “จางยี่อย่าได้ลืมไป ว่าตอนนี้เจ้ามีกระบี่เซียนอมตะแล้ว อีกทั้งยังได้รับเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกแล้วด้วย”

 

“ตราบใดที่เจ้าเข้าใจ 13 กระบี่บงกชฟ้าถึงกระบี่ที่ 5ตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเจ้ามีเวทย์พลังจู่โจมระดับทั่วไปของระนาบเทวโลก…”

 

“ถึงตอนนั้นหากเจ้าได้รับเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลก รวมถึงวรยุทธ์เซียนอมตะจากระนาบเทวโลกที่สำนักเทียนซือของเจ้าสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และพลังฝึกปรือของเจ้าบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ตอนนั้นพลังของเจ้าย่อมเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา

 

“แต่ตอนนี้ตัวข้ายังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะได้ร่ำเรียนเวทย์พลังสนับสนุนทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะอย่างอัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะที่สืบทอดต่อกันมาในสำนักด้วยซ้ำ…”

 

จางยี่เผยยิ้มขื่นขมออกมา “เช่นนั้นเจ้าอย่าพึ่งประเมินข้าสูงไป…”

 

“ข้าไม่ได้ประเมินเจ้าสูงไป”

 

ต้วนหลิงเทียนพูดต่อ “งั้นให้ข้าถามเจ้า…หากเจ้าเข้าใจ 13 กระบี่บงกชฟ้า ถึงกระบี่ที่ 5 ได้สำเร็จจริงๆ และบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ด้วยมีกระบี่เซียนอมตะอยู่ในมือจนพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ถึงตอนนั้นหากเจ้ากลับไปสำนักเทียนซือ อาวุโสในสำนักเทียนซือจะสำเร็จโทษเจ้า เพราะเจ้ามีส่วนกับการตายของจางอวิ๋นเฟยหรือไม่?”

 

“นั่นย่อมไม่”

 

จางยี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวตอบออกมา หากแต่หลังจากนั้นก็ได้แต่ยิ้มพลางส่ายหัว “บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่ใช่เรื่องยาก…แต่เวทย์พลังอย่าง 13 กระบี่บงกชฟ้า คิดบรรลุถึงกระบี่ที่ 5 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าคงต้องศึกษาตีความมันอีกนาน”

 

ในเรื่องนี้จางยี่ยังรู้ความสามารถของตัวเองดี

 

“ก็ไม่ใช่เจ้าบอกเองรึไง…ว่าโลกกว้างใหญ่ไพศาลไหนเลยจะไม่มีที่ให้เจ้า อย่างมากเจ้าก็แค่ปลีกวิเวกบ่มเพาะพลังตีความเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้าให้สำเร็จถึงกระบี่ที่ 5 เสียก่อนแล้วค่อยย้อนกลับไปสำนักเทียนซือก็ได้ ถึงตอนนั้นอาวุโสในสำนักไหนเลยจะเอาความเรื่องเจ้ามีส่วนกับการตายของจางอวิ๋นเฟยอีก…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“ก็นะ…ตอนนี้ก็คงเหลือแต่ทำแบบเจ้าว่า”

 

จางยี่พยักหน้า

 

ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอื่น

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน…นังบ้าหลิ่วเสวียนั่นทำเกินไปแล้วจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่านางจะชั่วร้ายได้ขนาดนี้!!”

 

ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่พลันกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยโทสะ

 

“ข้าเองก็คิดไม่ถึง…ว่านางจะทำอะไรแบบนั้น”

 

ได้ยินคำของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงหลิ่วเสวียขึ้นมา สองตายังเริ่มฉายแววเยียบเย็น

 

ตอนที่ได้พบกับหลิ่วเสวียครั้งแรก เขาเห็นว่านางเองก็เป็นคนดีไม่น้อย ถึงขั้นออกหน้าให้คนที่ไม่รู้จักอย่างเขา โดยไม่สนความเห็นของครึ่งก้าวเซียนอมตะในกลุ่ม

 

คาดไม่ถึงว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจที่นางกล่าวจะเป็นตัวนางเองที่กระทำ!

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ใบหน้าต้วนหลิงเทียนพลันเคร่งขึ้น สองหมัดยังกำแน่น

 

เจอหลิ่วเสวียอีกทีเมื่อไหร่ เขาไม่ปราณีนางแน่!

 

“ตอนนี้ข้าเกรงว่าด้านนอกสมบัติสถาน คงมีเซียนอมตะเสเพลมาดักรอไม่น้อย…”

 

จางยี่เองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาเสียงเครียด แววตายังฉายความหวั่นใจทั้งกังวลออกมาแจ่มชัด

 

หานเฉวี่ยไน่พยักหน้าลง นางเองกก็คิดเหมือนกัน

 

ตอนนี้ในเมื่อหลิ่วเสวียเอาเรื่องราวไปโพทนาเกรงว่าคงไม่ใช่แค่จางอวิ๋นเฟยกับคนอื่นๆที่ได้รับข่าวจนมาที่นี่เท่านั้น เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายก็คงมาด้วยไม่น้อย

 

เพียงแค่พวกมันไม่อาจเข้ามมาในสมบัติสถานระดับสวรรค์ได้ จึงต้องดักรออยู่หน้าปากทางเข้า…

 

“ไปกันต่อเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนคร้านจะพูดถึงเรื่องนี้ให้มากมายสืบต่อ หันไปชวนจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่ให้ไปลุยด่านทดสอบที่เหลือ

 

เรื่องที่ตอนนี้สมควรมีเซียนอมตะเสเพลมาดักรอด้านนอกดั่งเฝ้าหน้าโพรงกระต่าย เขาคิดได้ตั้งแต่เห็นกลุ่มคนปรากฏตัวในโถงพระราชวังแล้ว

 

เพียงแค่ในเมื่อเรื่องราวมันบานปลายมาถึงจุดนี้ เขาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้สืบไป

 

สิ่งที่เขาพอจะทำได้ตอนนี้ก็มีแต่ยกระดับพลังฝีมือของตัวเองให้สูงขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะออกไปจากสมบัติสถานระดับสวรรค์ เพื่อให้มีพลังมากพอต้านทานเหล่าฝูงหมาป่าโหยหิวที่คอยท่าอยู่ด้านนอก…

 

และอย่างที่ต้วนหลิงเทียนกับพวกคิดไว้ไม่มีผิด ตอนนี้ด้านนอกสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่เหลือไว้โดยเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋แห่งนี้ ก็มีผู้คนมารอคอยกันตรึม!

 

แน่นอนว่าผู้ที่มารอคอยด้านนอกล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพลทั้งสิ้น!

 

ส่วนตัวตนที่ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล ล้วนเข้ามาในพระราชวังใต้ดินอันเป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์เรียบร้อย

 

ณ ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์

 

วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!

 

 

ในความว่างเปล่า ปรากกฏพลังขุมหนึ่งยากจำแนกเริ่มควบรวมก่อเกิดม่านแสงหนึ่ง และภายในม่านแสงก็สะท้อนฉากเรื่องราวบางอย่างขึ้น

 

ฉากที่สะท้อนอยู่นั้น ก็คือฉากการตายของจางอวิ๋นเฟย!

 

ในฉากก่อนที่จางอวิ๋นเฟยจะถูกต้วนหลิงเทียนสังหารนั้น…ผู้ที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็บอกได้ทันที ว่าอัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะที่จางอวิ๋นเฟยใช้ออกทรงพลังอย่างยิ่ง หากแต่สุดท้ายฉากเรื่องราวก็เผยให้เห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงทำลายลงมันได้อย่างง่ายดายเพียงใด…

 

“มันเป็นใครกันแน่!?”

 

“เป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่กลับถือครองพลังอำนาจทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!”

 

เบื้องหน้าม่านแสงที่สะท้อนเรื่องราวม่านหนึ่ง ปรากฏร่างชราน่าเกรงขามผู้หนึ่งชมดูเรื่องราวอยู่ไม่วางตา

 

และมองจากรูปลักษณ์ของชายชราผู้นี้ ต้องกล่าวเลยว่าละม้ายคล้ายกันกับจางอวิ๋นเฟยอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะจมูกของมันเรียกว่าเหมือนกันกับจมูกของจางอวิ๋นเฟยราวกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน!

 

และชายชราผู้นี้ก็คือปู่แท้ๆของจางอวิ๋นเฟย 1 ใน 2ผู้พิทักษ์อาวุโสของสำนักเทียนซือ จางฉู่เหอ!

 

ขณะเดียวกันมันยังเป็น 1 ใน 3 ยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

 

ในสำนักเทียนซือนั้น มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ทรงพลังที่สุดดำรงอยู่หนึ่งคน

 

รองลงมาก็เป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ และมีกันอยู่ 3 คน

 

และในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 3 หนึ่งในนั้นคือ เจ้าสำนัก ส่วนอีก 2 คนก็คือผู้พิทักษ์อาวุโสของสำนักเทียนซือ

 

“ไม่ว่าเจ้าจักเป็นผู้ใด แต่หาญกล้าฆ่าหลานชายของข้าจางฉู่เหอผู้นี้ เจ้าต้องตายไร้ที่ฝัง!!”

 

หลังได้เห็นฉากชายหนุ่มชุดม่วงสังหารจางอวิ๋นเฟย จางฉู่เหอพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

หากแต่ในน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันดังกล่าว กลับแฝงเร้นไปด้วยจิตสังหารอันเยียบเย็น จนบรรยากาศรอบกายของมันคล้ายเย็นลงหลายองศา

 

“ส่วนเจ้านี่…หน้ามันไฉนคุ้นๆนักนะ?”

 

จางฉู่เหอตอนนี้ที่สองตาแดงฉานด้วยโทสะยากระงับ ไม่นานก็เหลือบไปเห็นมุมหนึ่งในฉากเรื่องราวบนม่านแสง ที่นั่นมีร่างชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่

 

และชายหนุ่มคนนี้ จางฉู่เหอก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลานัก!

 

“จางยี่!!”

 

หลังจากนั้นไม่นานจางฉู่เหอก็นึกออก เพราะชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นศิษย์ในสำนักเทียนซือเช่นกัน!

 

ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือน จางยี่จะไม่ได้แค่นิ่งดูดายตอนชายหนุ่มชุดม่วงฆ่าหลานมัน ยังแลคล้ายสนิทสนมกับชายหนุ่มชุดม่วงไม่น้อย!

 

“ตัวบัดซบสารเลว! เลี้ยงเสียข้าวสุกนัก!!”

 

“ถึงขั้นหาญกล้าร่วมมือกับคนนอกเข่นฆ่าศิษย์ร่วมสำนัก…จางยี่เจ้ามันเกินเยียวยาแล้ว! อภัยให้ไม่ได้!!”

 

ตอนนี้จางฉู่เหอไม่ได้เอาโทสะทั้งหมดไปลงกับที่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวอีกต่อไป ยังเอาไปลงที่จางยี่ด้วยส่วนหนึ่ง! หมายสับร่างจางยี่ให้แหลกเป็นชิ้นๆ!!

 

จางฉู่เหอผู้นี้ ยังเป็นผู้ที่มีพลังฝีมือสูงสุดของสำนักเทียนซือที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะรู้ตัวคนฆ่าหลานชายของมัน แต่มันก็จนปัญญาจะหาตัวอีกฝ่าย…จึงยากที่จะเข่นฆ่าล้างแค้นให้หลานชายมันได้!

 

เว้นเสียแต่มันจะโชคดีพบพานชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้โดยบังเอิญ…

 

แต่นั่นจะเป็นไปได้เหรอ?

 

จางฉู่เหอไหนเลยจะไม่รู้ ว่าคิดหาตัวชายหนุ่มชุดม่วงที่ฆ่าหลานชายของมันในแดนลับต่างสวรรค์ย่อมไม่ต่างอะไรจากงมหาเข็มในกองฟาง…

 

“จางยี่…ตราบใดที่จางยี่มันคิดย้อนกลับไปยังระนาบเหยียนหวงข้าสามารถขวางมันได้! ตราบใดที่ข้าขวางมันได้ ข้าย่อมรู้ได้แน่ว่าเป็นผู้ใดที่ฆ่าเฟยเอ๋อ ถึงตอนนั้นข้าจะเค้นความเป็นมาของสารเลวน้อยนั่นกระทั่งหาตัวมันเพื่อล้างแค้นให้เฟยเอ๋อ!!”

 

ไม่นานจางฉู่เหอก็ตัดสินใจได้

 

หลังจากนี้อีก 2 ปีครึ่ง ทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงระหว่างมันกับประตูผ่านเข้าออกระนาบเหยียนหวงกับแดนลับต่างสวรรค์ มันจะรีบไปดักรอที่ประตูดังกล่าวทันทีหมายเฝ้ารอจับเหยื่ออย่างจางยี่!!

 

“ยังมีเวลาอีก 2 ปีครึ่ง…ระหว่างนี้ข้าจะพยายามหายอดสมบัติสวรรค์ให้ได้สักชิ้น”

 

จางฉู่เหอคิดถึงจุดนี้ มันก็เหินร่างออกเดินทางทันที หมายตามหาสมบัติสถานระดับโลกให้พบสักแห่ง…

 

เพราะสุดท้ายแล้วจุดประสงค์ในการเข้ามาแดนลับต่างสวรรค์ครั้งนี้ของมันก็คือยอดสมบัติสวรรค์!

 

ณ สมบัติสถานระดับมนุษย์แห่งหนึ่งในแดนลับต่างสวรรค์!

 

“น้องเฟย!!”

 

ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกันกับจางอวิ๋นเฟยราวกับแกะ มองเศษซากไข่มุกวิญญาณที่แหลกในมือเป็นเสี่ยงๆด้วยสองตาแดงฉาน ร่างทั้งร่างยังสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามด้วยโทสะ จิตสังหารยังแผ่ซ่านออกมาหนาแน่น!

 

ชายหนุ่มผู้นี้มาในชุดคลุมสีขาวประดับด้วยดิ้นทอง รูปแบบเดียวกันกับจางอวิ๋นเฟย

 

แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะมันคือพี่ชายฝาแฝดของจางอวิ๋นเฟย!

 

ยังเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักเทียนซือ จางอวิ๋นเถิง!

 

จางอวิ๋นเถิงไม่คิดเลยจริงๆว่าในขณะที่มันมีโชคพบเจอสมบัติสถานระดับมนุษย์แห่งนี้และพึ่งฝ่าด่านไปได้ไม่กี่ด่าน จนกำลังจะได้เบาะแสสมบัติสถานแห่งถัดไปหรือกระทั่งอาจเป็นมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนอยู่รอมร่อ และนั่นสมควรเป็นเรื่องน่ายินดีถึงที่สุด แต่มันไม่ทันได้ยินดีอะไร กลับต้องมารับทราบข่าวร้ายเสียก่อน!

 

น้องชายฝาแฝดของมัน จางอวิ๋นเฟย ตายแล้ว!

 

ยิ่งไปกว่านั้นแม้รู้ทั้งรู้ว่าน้องมันไม่พ้นถูกคนฆ่าตายแน่ แต่มันกลับไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ลงมือฆ่าน้องชายฝาแฝดของมัน!

 

เว้นเสียแต่มันจะพบเจอปู่ตัวเองอย่างจางฉู่เหอ 1 ใน 2 ผู้พิทักษ์อาวุโสของสำนักเทียนซือ…

 

นั่นเพราะเมื่อน้องชายของมันตกตาย ฉากสุดท้ายก่อนตายของน้องชายมันจะถูกส่งไปให้ปู่ของมันรับทราบ ปู่มันจึงรู้ได้ทันทีว่าหน้าตาคนที่ลงมือฆ่าน้องชายมันเป็นเช่นไร!

 

“ไม่ว่าเจ้าจักเป็นผู้ใดและมาจากระนาบไหนมีฐานะอะไร…ข้าจางอวิ๋นเถิงจะตามไปฆ่าเจ้าให้ตาย! ยังจะฆ่าล้างทั้งโคตรของเจ้าให้วายวอด!!”

 

ในขณะที่กล่าวพึมพำออกเสียงของจางอวิ๋นเถิงยิ่งมาก็ยิ่งดังจนแทบจะกลายเป็นการคำราม ทั้งเต็มไปด้วยความเย็นชาหนาวเหน็บนัก พาลให้สมบัติสถานระดับมนุษย์คล้ายกลายเป็นถ้ำน้ำแข็งทันที

 

ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่ได้รู้เรื่องดังกล่าวเลย

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้นำพาจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่ผ่านด่านจนครบ สุดท้ายจึงได้รับมรดกที่ไม่สมบูรณ์ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋

 

 

พริบตาดุจลัดนิ้ว วันเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีกครึ่งปี

 

“ไฉนป่านนี้แล้วยังมิมีผู้ใดออกมาอีก?”

 

“นี่มันก็ปาเข้าไปครึ่งปีแล้ว…มีผู้คนเข้าไปด้านในตั้งมากมาย แต่ไฉนไม่มีผู้ใดออกมาแม้แต่คนเดียว สมบัติสถานของต้าหลัวจินเซียนมันยากขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

“พวกมัน…คงไม่ตกตายอยู่ในนั้นกันหมดแล้วหรอกนะ?”

 

 

ด้านนอกพระราชวังใต้ดินอันเป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่เซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ทิ้งไว้ เหล่าเซียนอมตะเสเพลกลุ่มหนึ่งได้แต่หันมามองหน้าสบตากัน

 

ในบรรดาผู้ที่มาเฝ้ารอ เป็นกลุ่มของมันเฝ้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก

 

ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน ก็ได้มีเหล่าเซียนอมตะเสเพลมาดมายที่เลือกจะเดินทางจากไป

 

แต่แน่นอนว่ายังมีเซียนอมตะเสเพลอีกมากมายที่เฝ้ารอกระต่ายหน้าโพรงต่อไปอย่างอดทน…

 

และเซียนอมตะเสเพลที่รั้งรออยู่นั้นก็ล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพลที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่จากไปแล้วทั้งสิ้น

 

ส่วนเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มีพลังฝีมือด้อยกว่า ต่างรู้ตัวดีว่าต่อให้มีของดีๆอะไรก็ยากจะตกมาถึงมือพวกมันได้

 

แต่แน่นอนว่ายังมีเซียนอมตะเสเพลที่พลังไม่สูง แต่กลับรั้งรออยู่ไม่ไปไหนให้เห็นบ้าง

 

พวกมันอยู่ที่นี่โดยไม่ได้คากหวังอะไรมากมายนัก เพียงรอชมดูเรื่องราวสนุกสนานเท่านั้น…