ตอนที่ 2,438 : ครึ่งปีต่อมา
“สมบัติสถานแห่งนี้ยังมีทางออกอื่นอีกหรือไม่?”
สูงขึ้นไปบนฟ้าเหนือพระราชวังใต้ดิน เซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีแล้ว”
เซียนอมตะเสเพลอีกคนที่ลอยร่างห่างมันไม่ไกล ส่ายหัวไปมาพลางตอบว่า “สมบัติสถานระดับมนุษย์ สมบัติสถานระดับสวรรค์ แม้กระทั่งมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ล้วนมีทางเข้าออกทางเดียวเท่านั้น…นี่เป็นเรื่องที่ได้รับการยืนยันมานาน”
ในอดีต แดนลับต่างสวรรค์เองก็เคยเปิดออกมาแล้วหลายครั้ง
และจากบันทึกที่คนรุ่นก่อนส่งต่อๆกันมา ก็อธิบายเรื่องหนึ่งไว้ชัดเจน…
ไม่ว่าจะเป็นสมบัติสถานระดับมนุษย์ สมบัติสถานระดับสวรรค์หรือแม้แต่มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียน ล้วนมีทางเข้าออกเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น
เข้าไปทางไหน ก็จำต้องออกมาทางนั้น!
“แต่…มิใช่ 6 เดือนที่แล้วก็มีพวกเด็กน้อยเข้าไปกันมากมายหรือไรยังมีนับร้อยด้วยซ้ำ แต่ไฉนไม่มีผู้ใดกลับออกมาเลยเล่า! เจ้าไม่คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกหรือไร?”
เซียนอมตะเสเพลที่เอ่ยขึ้นคนแรก ขมวดคิ้วมองถามเซียนอมตะเสเพลคนหลัง
“มันก็ผิดแปลกจริงนั่นล่ะ…แต่นี่ก็มิได้หมายความว่าสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้จักมีหนทางเข้าออกอื่น!”
คนหลังพยักหน้ารับ ค่อยส่ายหัวกล่าวว่า “เห็นทีจะมีความเป็นไปได้แค่ 2 ประการเท่านั้น…เหล่าผู้ที่เข้าไปหากไม่ตายตกไปหมดแล้ว ก็แค่ยังไม่ออกมา”
คำกล่าวของเซียนอมตะเสเพลคนหลังยังได้รับการยอมรับจากเหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบ
แน่นอนว่าในบรรดาเซียนอมตะเสเพลที่เฝ้ารอ แม้มีหลายคนที่เห็นด้วยแต่ก็ยังมีผู้คนที่ไม่เห็นด้วย และสำหรับคนที่ไม่เห็นด้วย พวกมันก็ไม่อาจเฝ้ารออย่างไร้เรื่องราวแบบนี้ได้อีกต่อไป สุดท้ายก็ได้แต่จากไปอย่างช่วยไม่ได้
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นแว่วเสียงแหวกสายลมหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล และไม่นานร่างดังกล่าวก็เหินมาหยุดลงเบื้องหน้าเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่รออยู่ก่อน
“เหอร่วน?”
ผู้ที่มามีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม และพอมันมาถึงก็มีเซียนอมตะเสเพลหลายคนหนึ่งจดจำมันได้
เซียนอมตะเสเพลที่จดจำเหอร่วนได้เป็นชายชายชราคนหนึ่ง ชุดเสื้อผ้าของมันแลดูธรรมดาไม่หวือหวา จึงไม่นับว่าเด่นอะไรท่ามกลางเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลาย
“อาวุโสฉี!”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงเรียกทัก จวบจนเหลือบไปเห็นชายชราในที่สุด สีหน้าท่าทีของมันก็เผยความตกใจออกมาไม่น้อย เร่งรุดประสานมือคารวะทักทายอีกฝ่ายกลับไปทันที “ศิษย์เหอร่วน คารวะท่านผู้อาวุโสฉี”
ชายชราเบื้องหน้านั้น มันเองก็พึ่งได้พบหน้าอีกฝ่ายเมื่อไม่กี่วันก่อนที่จะเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์เท่านั้น
เป็นเพราะนิกายของมันได้เรียกรวมเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นและเหล่าอาวุโสมากฝีมือ หมายส่งให้มาเข้าแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้พร้อมกัน ทำให้มันมีโอกาสได้พบเห็นชายชราเบื้องหน้า เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสที่มีหน้าที่คอยกำกับดูแลพวกมัน
และมันก็ได้รับทราบมาว่า
ชายชราแลดูธรรมดาๆผู้นี้ที่แท้เป็นถึง เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ ที่เป็นดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหางในนิกายของมัน!
นอกจากนั้นพลังฝีมือของชายชราผู้นี้ยังเหนือล้ำยิ่งกว่าประมุขนิกายของมันที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ดุจเดียวกันอีกด้วย!
มันไม่คิดเลยจริงๆว่าจะได้พบพานอาวุโสผู้นี้ที่นี่
“เหอร่วน เจ้าได้ยินข่าวลือเรื่องสมบัติสถานระดับสวรรค์มาเหมือนกันเช่นนั้นหรือ ถึงได้มาที่นี่ได้?”
ชายชราหยีตามองถามเหอร่วน
“ใช่แล้วท่านอาวุโส”
เหอร่วนเร่งพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆด้วยใจที่วั่นไหว
มีคนอยู่ที่นี่ราวๆ 50-60 คน
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่ทั้งหมดทำได้แค่รั้งรออยู่ที่นี่ ย่อมหมายความต่างเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลทั้งสิ้น!
ในฐานะที่พลังฝึกปรือของตัวมันยังเป็นแค่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เช่นนั้นเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าเหล่าเซียนอมตะเสเพลเป็นขโยง มันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันเป็นธรรมดา
“ข้าเฝ้ารออยู่ที่นี่มากว่าครึ่งปีแล้ว…”
ชายชรามองเหอร่วนพลางกล่าว “ในช่วงครึ่งปีที่ผ่าน มีคนอย่างน้อยก็ร้อยคนที่เข้าไปยังสมบัติสถานแห่งนี้…หากแต่สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดสามารถกลับออกมาได้เลย และในบรรดาคนที่ว่าก็มีครึ่งก้าวเซียนอมตะรวมอยู่ด้วย!”
ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ค่อยหยุดลง “เจ้าฟังแล้วขบคิดตัดสินใจเอาเองเถอะ ว่ายังจะเข้าไปอยู่หรือไม่?”
“อาวุโสฉี ศิษย์อยากเข้าไปดูด้านในขอรับ”
เหอร่วนกล่าวตอบออกมาอย่างไร้ความลังเล
ตั้งแต่ที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ มันก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว
ทรัพย์สมบัติเลอค่ามาพร้อมความเสี่ยง!
หากคิดครอบครองยอดสมบัติสวรรค์ วรยุทธ์เซียนอมตะ และเวทย์พลังจากระนาบเทวโลก กระทั่งมรดกของต้าหลัวจินเซียน! ไหนเลยหนทางจะโรยด้วยกลีบดอกไม้ให้มันเดิน…มีเพียงต้องบุกบั่นฟันฝ่าภยันตรายไปเท่านั้นจึงจะได้ครอบครอง!!
“เอาล่ะ”
ชายชราไม่คิดโน้มน้าวอะไรเหอร่วนแม้แต่น้อย กระทั่งยังบังเกิดความคิดเห็นแก่ตัว หมายให้เหอร่วนไปตรวจสอบดูด้านในให้รู้ชัด ต่อให้อีกฝ่ายจะตกตายไปก็ช่าง
เพราะหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหอร่วน ตัวมันย่อมรับรู้และสามารถชมดูเรื่องราวฉากสุดท้ายก่อนอีกฝ่ายตกตายได้ทันที และในที่สุดก็จะได้ทราบความเป็นไปและสถานการณ์ด้านในที่มันสงสัยมาตลอด…
เพราะมันไม่ได้มีแค่ไข่มุกวิญญาณของเหอร่วนเท่านั้น ยังมียันต์เต๋าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับยันต์เต๋ากระจกสะท้อนลักษณ์แม่เหมือนในระนาบเซียน
ตราบใดที่เหอร่วนตกตายมันย่อมได้เห็นฉากสุดท้ายก่อนตาย และนั่นจะทำให้มันทราบเรื่องราวภายในทันที!
“ผู้อาวุโสฉี ศิษย์ขอตัวเข้าไปก่อน”
เหอร่วนไม่สนทนายืดเยื้อกับอีกฝ่ายมากนัก เร่งประสานมือกล่าวลาแล้วเหินร่างลงไปทันที
ทันทีที่เหอร่วนเข้าไปด้านใน เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เห็นเหตุการณ์ก็รุดเข้ามาถามอาวุโสฉีทันที “เจ้าหนูนั่นเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ในนิกายเจ้างั้นหรือ?”
“มิผิด”
ชายชราพยักหน้ารับเบาๆ
“เช่นนั้น…เจ้ามีไข่มุกวิญญาณของมันอยู่ในมือหรือไม่?”
เซียนอมตะเสเพลบางคนกล่าวถามออกมา
“ไม่ใช่แค่ไข่มุกวิญญาณ…แต่ในมือข้ายังมียันต์เต๋าสะท้อนลักษณ์ที่เป็นต้นขั้วยันต์เต๋าที่มันมีเช่นกัน”
ชายชราโค้งคิ้วกล่าวออก
ทันใดนั้นสองตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบก็ลุกวาวสว่างขึ้นมาทันที
เพราะพวกมันทั้งหมดรู้ดีว่านี่หมายความว่าอะไร!
มันหมายความว่า…
หากเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นกับเหอร่วนผู้นั้น ชายชราเบื้องหน้าย่อมรับทราบได้ทันที กระทั่งยังสามารถเห็นฉากสุดท้ายก่อนที่เหอร่วนนั่นจะตายตก!
วูบ!
ไม่ทราบตั้งแต่ตอนไหน หากแต่ตอนนี้ชายชราได้ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแบออก และกลางฝ่ามือก็มีไข่มุกวิญญาณเม็ดหนึ่งวางอยู่
เป็นไข่มุกวิญญาณของเหอร่วนที่พึ่งเข้าไปในพระราชวังใต้ดิน!
ทันใดนั้นสองตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบก็หันไปจับจ้องไข่มุกวิญญาณที่ว่าทันที
เปรี๊ยะ!
ทว่าหลังจากผ่านไปไม่ถึง 10 ลมหายใจดี ไข่มุกวิญญาณบนมือชายชราที่พึ่งหยิบออกมาได้ไม่ทันก็แตกออกเป็นเสี่ยง!
“อะไร!? มันตายแล้วเรอะ?!”
“นี่…มันที่แท้โดนอะไรตายกันแน่!? ข้ารู้สึกว่ายังพึ่งผ่านไปแค่ไม่ถึง 20 ลมหายใจเลยมิใช่หรือไรหลังจากที่มันเข้าไป!?”
“ที่แท้ในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้มีเภทภัยอันใดกันแน่ ไฉนมันถึงตายตกไวนัก!!”
……
เมื่อเห็นว่าไข่มุกวิญญาณที่ชายชราหยิบออกมาได้ไม่ทันไรพลันแหลกลงตรงหน้า เหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกันยกใหญ่!
เพราะพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนที่พึ่งเข้าไปในสมบัติสถานเบื้องล่างได้ไม่ทันไร ก็ตกตายลงเสียแล้ว!!
ก่อนหน้าแม้จะมีรุ่นเยาว์นับร้อยพากันเข้าไปยังสมบัติสถานเบื้องล่าง แต่เพราะรุ่นเยาว์เหล่านั้นไม่ใช่ศิษย์หรือลูกหลานของพวกมัน จึงไม่มีไข่มุกวิญญาณอะไรแบบนี้…
เมื่อพวกมันไร้ไข่มุกวิญญาณและรุ่นเยาว์ทั้งหลายก็ไม่มีใครกลับออกมา พวกมันก็ไม่มีทางรับทราบความเป็นไปด้านในได้เลย กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ที่เข้าไปเป็นตายร้ายดีอย่างไร…
ต่อให้ทั้งหมดจะตกตายลงไปแล้ว พวกมันก็ไม่มีทางรู้เลย!
ทว่าตอนนี้ไข่มุกวิญญาณในมือชายชรา ที่มีวิญญาณของศิษย์ที่พึ่งเข้าไปยังพระราชวังใต้ดินเมื่อครู่กลับแตกลงตรงหน้า ก็บอกให้พวกมันรับทราบเรื่องราวประการหนึ่งทันที…
สมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้อันตรายยิ่ง!!
กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนยังตกตายลงทั้งๆที่พึ่งเข้าไปได้ไม่ทันถึง 20 ลมหายใจที!!
“พี่ชาย…ไหนท่านลองดูเร็ว ว่าที่แท้มันตายได้อย่างไร?”
ตอนนี้เองเหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนก็หันไปมองกล่าวเร่งกับชายชราด้วยความอยากรู้
ส่วนด้านชายชราที่หยิบไข่มุกวิญญาณออกมา พอพบว่าไข่มุกวิญญารแตกลงอย่างรวดเร็วมันก็อึ้งไปพักหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะเหม่อคิดไปเล็กน้อย “มันกลับ…ตกตายรวดเร็วเพียงนี้?’
ถึงแม้ปากมันพึ่งจะกล่าวบอกอีกฝ่ายอยู่หยกๆว่าภายในสมควรมีอันตรายและไม่มีใครรอดกลับออกมาสักคน
แตการตกตายในเวลาอันสั้นของเหอร่วน ก็ทำให้มันประหลาดใจไม่น้อย!
“ข้าเองก็อยากรู้นัก…ว่าที่แท้เหอร่วนมันตกตายเพราะบททดสอบของสมบัติสถานแห่งนี้ หรือที่แท้มีผู้ใดลงมือสังหารมันกันแน่!”
ตอนนี้เองชายชราก็ไม่รั้งรออะไร สะบัดมือเรียกยันต์ออกมาแผ่นหนึ่งก่อนที่จะใช้พลังบดขยี้มันทันที
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
…
แทบจะทันทีที่ชายชราบดขยี้ยันต์เต๋า พลันปรากฏพลังลี้ลับยากหยั่งถึงขุมหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
สุดท้ายพลังลึกลับบขุมดังกล่าวก็เริ่มควบรวมผนึกเป็นม่านแสง ก่อนที่จะฉายฉากเรื่องราวความเป็นไป
ในหน้าจอปรากฏร่างเหอร่วน
อย่างไรก็ตามมีอีก 3 คนที่ปรากฏอยู่ในฉากเดียวกับเหอร่วน
หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ และข้างกายชายหนุ่มชุดม่วงดังกล่าว ก็ปรากฏเงาร่างปานภูตผีกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงล้ำ กวัดแกว่งกระบี่ไปมาอยู่รอบกาย
“มันกำลังตีความเวทย์พลังอยู่หรือไม่?”
เมื่อเห็นฉากเรื่องราวที่ฉายบนม่านแสง เซียนอมตะเสเพลหลายคนถึงกับตาลุกวาว “หรือว่า…นี่จักเป็นเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกที่อยู่ในสมบัติสถานแห่งนี้…13 กระบี่บงกชฟ้า!?”
“อาจเป็นได้!”
หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย “นี่สมควรเป็นเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกไม่ผิดแน่! แถมยังเป็นเวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่…มิแคล้วต้องเป็นเวทย์พลัง 13กระบี่บงกชฟ้าแน่!!”
“ตามข่าวลือ…กลุ่มที่เข้ามาเป็นกลุ่มแรกมีด้วยกัน 3คน และหนึ่งในนั้นนามว่าต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียน และก่อนที่จะเข้ามาในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้มันก็ได้รับกระบี่เซียนอมตะมาครองอยู่ก่อนแล้ว! หากข้าเดาไม่ผิดชายหนุ่มชุดม่วงที่เห็น สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนที่ว่าแน่!”
“ดูเหมือนต้วนหลิงเทียน…จักได้รับสืบทอดเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้ามาแล้วแน่นอน!”
“ส่วน 2 คนที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน สมควรเป็นจางยี่จากระนาบเหยียนหวง และหานเฉวี่ยไน่จากระนาบเซียนเหมือนต้วนหลิงเทียน…ว่ากันว่าทั้งคู่เองก็มียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครองเช่นกัน!”
“3 ยอดสมบัติสวรรค์!!”
…
เมื่อเห็นร่างต้วนหลิงเทียน จางยี่และหานเฉวี่ยไน่ปรากฏขึ้นในม่านแสงเบื้องหน้า สองตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกพระราชวังใต้ดินก็ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที!
เหตุผลที่พวกมันบางคนยังเฝ้ารอคอยอยู่ที่นี่ไม่จากไปไหน ล้วนเป็นเพราะหมายตายอดสมบัติสวรรค์ในมือพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3!
และตอนนี้พอได้เห็นว่าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ยังมีชีวิตอยู่ ไหนเลยพวกมันจะไม่ตื่นเต้นยินดีได้!!
เพราะนี่เผยให้เห็นว่า…
เป็ดที่ปรุงสุกแล้วยังมิได้บินหนีไป!
“ไฉนพวกมันมีกันแค่ 3 คนเล่า แล้วคนอื่นๆไปที่ใดกันหมด?”
ขณะเดียวกันฉากเรื่องราวที่ฉายขึ้นบนม่านแสงสะท้อนลักษณ์ เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนก็จับสังเกตได้แทบจะทันทีว่าในห้องโถงพระราชวังอันกว้างใหญ่มี่แค่พวกต้วนหลิงเทียนกับเหอร่วน ส่วนคนนับร้อยที่เข้ามาก่อนหน้าไม่เห็นมีสักคน…
“แล้วเจ้าสังเกตเห็นคราบเลือดที่พื้นห้องโถงหรือไม่…ข้าเดาว่า 9 ใน 10 ส่วนพวกมันล้วนถูกต้วนหลิงเทียนผู้นี้ฆ่าตายกลายเป็นผีใต้คมกระบี่ไปแล้วหมดสิ้น!”
ในขณะที่เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายกำลังคาดเดาเรื่องราวกันไปต่างๆนาๆ
เหอร่วนที่พึ่งเข้ามาถึงโถงพระราชวังใต้ดิน ก็เริ่มสนทนากับจางยี่
ครู่ต่อมามันก็พุ่งร่างปรี่ตรงเข้าหาจางยี่
หากทว่าจางยี่เพียงยกมือขึ้นควบรวมกระบี่สายฟ้าชี้ไปทางเหอร่วน ก็ปรากฏเส้นสายอัสนีพุ่งไปฟาดผ่าสังหารเหอร่วนในพริบตาเดียว!
“จางยี่นั่น…สมควรเป็นศิษย์สำนักเทียนซือในระนาบเหยียนหวงของพวกเรา!”
เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มาจากระนาบเหยียนหวง เริ่มกล่าวอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะทันทีที่พวกมันเห็นวิธีการลงมือของจางยี่ พวกมันก็คาดเดาความเป็นมาของจางยี่ได้ทันที!