ตอนที่ 2439

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,439 : ก่านหรูเยี่ยนเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์

 

 

 

“มองจากภาพสะท้อน พลังฝึกปรือของมันสมควรทัดเทียมกับเหอร่วน…หากแต่กระบี่ในมือของมันไม่ธรรมดา! สมควรเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่มันได้รับในสมบัติสถานแห่งนี้ กระบี่เซียนอมตะ!!”

 

ตอนนี้เองเหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนก็สังเกตเห็นกระบี่ในมือจางยี่

 

คนสองคนที่มีพลังฝึกปรือทัดเทียม หากแต่มีคนหนึ่งสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ง่ายดาย…

 

เรื่องนี้ย่อมมีเหตุผล!

 

และพวกมันเห็นได้ชัดเองว่าเหตุผลที่ว่า ล้วนมาจากกระบี่ในมือจางยี่!

 

กล่าวให้ชัด นั่นคือกระบี่เซียนอมตะ!

 

ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เมื่อถือกระบี่เซียนอมตะในมือย่อมสำแดงพลังอำนาจที่เทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนอมตะ!

 

“กระบี่เซียนอมตะ!!”

 

ทันใดนั้นเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่ชมดูฉากสะท้อนบนม่านแสง ก็จับจ้องมองไปยังกระบี่ในมือจางยี่ด้วยสองตาลุกวาวฉายประกายแห่งความโลภออกชัด!

 

“สำนักเทียนซือจากระนาบเหยียนหวง…”

 

ด้านชายชราที่เป็นอาวุโสของเหอร่วน พอได้ฟังเซียนอมตะเสเพลคนอื่นพูดว่าจางยี่เป็นคนของสำนักเทียนซือจากระนาบเหยียนหวง มันก็อดไม่ได้ที่จะเผยความอิจฉาทั้งริษยาในแววตา

 

สำนักเทียนซือที่ว่า คือหนึ่งในขุมพลังระดับแนวหน้าของระนาบเหยียนหวง

 

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จัดลำดับมหาอำนาจของทุกระนาบที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ สำนักเทียนซือก็อยู่อันดับต้นๆแน่นอน

 

ส่วนขุมพลังสังกัดของมันแม้จะไม่ได้อยู่ในระนาบเหยียนหวง แต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นขุมพลังชั้นยอดอะไร ยิ่งไม่ต้องยกไปเปรียบเทียบกับสำนักเทียนซือเลย

 

‘สำนักเทียนซือแล้วจะอย่างไร ตอนนี้ที่สำคัญไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะล้างแค้นมันหรือไม่…แต่กระบี่เซียนอมตะนั่นต้องเป็นของข้า!’

 

ไม่นานชายชราก็หายเหม่อ ความอิจฉาริษยาในแววตาค่อยๆหายไป

 

ในความคิดของมัน

 

ตราบใดที่มันยังไม่ได้ฆ่าจางยี่ ก็ถือว่ายังไม่ได้ล่วงเกินสำนักเทียนซือ

 

ตราบใดที่มันทำเพียงแย่งชิงกระบี่ในมือจางยี่ไป สำนักเทียนซือก็ทำได้แค่โทษว่าพลังฝีมือจางยี่อ่อนด้อยเกินไปเท่านั้น!

 

วิ้งง!

 

เสียงเบาหนึ่งดังขึ้น และไม่นานม่านแสงฉายภาพก็สลายหายๆไป

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ต่อให้ม่านแสงจะหายไป แต่ฉากเรื่องราวก่อนหน้าก็ได้กระตุ้นความโลภของทุกกคนให้ปะทุออกมาอย่างเต็มพิกัด!

 

ก่อนได้เห็นฉากเรื่องราวในม่านแสง พวกมันไม่รู้สถานการณ์อะไรเลย

 

พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า 3 คนที่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ที่ว่ายังอยู่ด้านในหรือไม่…ทว่าตอนนี้พวกมันทั้งหมดยืนยันได้ชัดเจนแล้ว!

 

ทั้ง 3 ที่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ยังคงอยู่ในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ เพียงแค่ยังไม่ออกมา!

 

ยิ่งไปกว่านั้นเหล่ารุ่นเยาว์นับร้อยที่เข้าไปในสมบัติสถานระดับสวรรค์เบื้องล่าง ก็ตกตายอยู่ในนั้นหมดสิ้น!

 

ทว่าแม้จะได้รู้เรื่องนี้ พวกมันทั้งหมดก็ไม่มีใครหวาดกลัว!

 

เพราะอย่างไรเสียคนที่เข้าไปในสมบัติสถานระดับสวรรค์ไม่ได้ก็คือเซียนอมตะเสเพล!

 

และพวกมันก็ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลธรรมดาๆ! กล่าวไปในที่นี้นอกจากเซียนอมตะเสเพลที่อ่อนด้อยหมายอยู่ชมเรื่องราวเฉยๆแล้ว ที่เหลือล้วนมิใช่ชนชั้นต่ำทรามทั้งสิ้น!

 

“ในที่สุดข้าก็ได้รู้เรื่องราวเสียที…ข้าจักตั้งหน้าตั้งตารอให้พวกมันออกมา!!”

 

“ไม่ช้าก็เร็วสุดท้ายพวกมันก็ต้องออกมา แค่รอ!”

 

… …

 

เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนเดิมทีคิดจะจากไปอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่เพียงจะไม่จากไป สองตายังหันไปมองจ้องทางเข้าออกพระราชวังใต้ดินอย่างจดจ่อ เฝ้ารอให้คนด้านในออกมาด้วยใจตั้งมั่น!

 

ณ ทางตอนเหนือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน

 

“ท่านอาจารย์ ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์…ข้าจะเข้าไปแล้ว”

 

ภายในหุบเขาน้ำแข็งอันปกคลุมไปด้วยหมอกขาวหนาทึบ ก่านหรูเยี่ยนพลันกล่าวบอกชิงหั่วกับผู้เฒ่าพยากรณ์ออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ และเตรียมจะเหินร่างเข้าสู่ ‘หลุมดำ’ ที่ลอยล่องกลางหาวไม่ไกล

 

ตอนนี้พลังฝึกปรือของนางได้ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยยนเรียบร้อยแล้ว

 

ดังนั้นนางผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำในการเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่!

 

หากแต่ตอนนี้ก่านหรูเยี่ยนไม่ได้รู้เลย ว่าสิ่งที่นางกำลังจะเข้าไปนั้นไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่อันใด แต่เป็นแดนลับต่างสวรรค์!

 

“ซือหลิงยังปิดด่านบ่มเพาะอยู่…ข้าเลยไม่คิดไปปลุกนาง เช่นนั้นข้าฝากท่านอาจารย์กับท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ช่วยดูแลนางให้ดีด้วย”

 

ก่อนไปก่านหรูเยี่ยนไม่ลืมหันมากำชับเรื่องนี้

 

จากนั้นนางก็ไม่รอให้ชิงหั่วกับผู้เฒ่าพยากรณ์ตอบสนองอะไร ร่างนางก็วูบเข้าไปในหลุมดำทันที ราวกับถูกหลุมดำกลืนหายไปในหนึ่งคำ

 

“เฮ่อ…”

 

เมื่อก่านหรูเยี่ยนหายเข้าไปในหลุมดำ ชิงหั่วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ด้วยไม่อาจรั้งศิษย์ของตัวเอาไว้ได้…

 

มันเองก็อยากติดตามเข้าไปดูแลศิษย์เหลือเกิน ติดที่ตัวมันนั้นอายุเกินกว่า 100 ปีแล้ว แถมยังไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล

 

และแทบจะพอดีกันกับที่ก่านหรูเยี่ยนหายเข้าไปในหลุมดำ

 

ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์

 

‘นี่มัน…พี่หญิงเข้ามาด้วยเหรอ?’

 

ร่างสตรีนางหนึ่งที่พึ่งกลับออกมาจากสมบัติสถานระดับมนุษย์พร้อมจานเข็มทิศในมือ สองตางามดั่งสารทฤดูของนางกระพริบวูบเผยประกายสว่างวาบ หน้างามยังหันขวับไปจับจ้องทิศทางหนึ่งทันที

 

สตรีนางนี้เส้นผมดำขลับทอดยาวสลวยลงมาดั่งม่านน้ำตก รูปร่างหน้าตาของนางช่างงดงามไร้ที่ตินัก

 

และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ

 

นางดูเหมือนก่านหรูเยี่ยน!

 

สตรีนางนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเค่อเอ๋อ ภรรยาของต้วนหลิงเทียน!

 

หากเป็นเมื่อเดือนก่อน ต่อให้เค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนจะเป็นฝาแฝดกัน แต่ก็ไม่มีทางสัมผัสถึงการคงอยู่ของอีกฝ่ายในระยะไกลห่างขนาดนี้ได้

 

และตอนนี้ที่ไฉนเค่อเอ๋อถึงสัมผัสการคงอยู่ของก่านหรูเยี่ยนได้ทันทีที่ก่านหรูเยี่ยนเข้ามา ล้วนเป็นเพราะ…

 

หนึ่งเดือนที่ผ่าน พลังของนางก้าวหน้าขึ้นมาก!

 

นับตั้งแต่ใช้การผลาญวิญญาณเพื่อยกระดับพลัง ไม่เพียงแต่นางจะได้รับความทรงจำในชาติที่แล้ว นางยังค้นพบว่าประสาทสัมผัสต่างๆของนางยกระดับขึ้นอย่างทวีคูณ

 

เช่นเดียวกับในตอนนี้

 

เรียกว่าทันทีท่ก่านหรูเยี่ยนเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ นางก็รู้ตำแหน่งของพี่สาวฝาแฝดทันที

 

แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้นางรู้ตำแหน่งของก่านหรูเยี่ยนได้ ล้วนเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพี่น้องฝาแฝดอย่างนางกับก่านหรูเยี่ยน!

 

ตอนนี้นางมีความสามารถในการขยายสัมผัสเชื่อมโยงส่วนนั้น!

 

ส่วนอีกด้าน

 

ตอนแรกหลังจากที่เหินร่างเข้าใกล้หลุมดำ ก่านหรูเยี่ยนก็สัมผัสได้ถึงแสงสว่างจ้าจึงทำให้นางหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว

 

และพอนางลืมตาขึ้นอีกครั้งนางก็พบว่าตัววเองอยู่ในป่าศิลาแห่งหนึ่ง และมีเสียงระเบิดดังปงปังแว่วเข้าหูปานฟ้าร้อง คล้ายมีคนกำลังต่อสู้กันอยู่!

 

“ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ต้องเป็นของข้า!!”

 

“ของมารดาเจ้าเถอะ ข้าเจอก่อนมันต้องเป็นของข้า!!”

 

 

ครู่ต่อมาก่านหรูเยี่ยนก็ได้ยินเสียงตะคอกที่ดังราวเสียงคำรามของสัตว์ร้าย

 

เมื่อนางหันไปมองสังเกตทิศทางต้นเสียงนางก็พบว่าห่างไปไกลตา ปรากฏร่างผู้คนจำนวนมากยืนล้อมวงชมดูการต่อสู้กันอย่างสนุกสนาน

 

“ยอดสมบัติสวรรค์?”

 

“ที่นี่มียอดสมบัติสวรรค์อยู่ด้วยงั้นหรือ?!”

 

เมื่อได้ยินเสียงปานสัตว์ร้ายคำราม ก่านหรูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะหันรีหันขวางมองดู สุดท้ายจึงเหลือบไปเห็นบางสิ่ง ที่อยู่เบื้องล่างกลุ่มคนมากมายเหล่านั้น

 

เป็นก้อนหินมหึมาสูงตระหง่าน และบนยอดหินตระหง่านนั้น ปรากฏดาบเสี้ยวจันทร์เล่มหนึ่งลอยล่องอยู่

 

มองจากไกลๆดาบเสี้ยวจันทร์ดังกล่าวยังส่องประกายสดใสราวหยดน้ำในสารทฤดู

 

“หรือว่า…ดาบนั่นจะเป็นยอดสมบัติสวรรค์!!”

 

ตอนนี้หัวใจของก่านหรูเยี่ยนอดเต้นรัวขึ้นมาไม่ได้

 

นางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่าพึ่งเข้ามาได้ไม่ทันไรก็เจอยอดสมบัติสวรรค์แล้ว!

 

“ไม่!”

 

หากทว่าไม่นานก่านหรูเยี่ยนก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ

 

“ที่นี่ไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่หรอกหรือ!?”

 

เพราะจนถึงตอนนี้นางย่อมรู้ว่านอกจากคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้แล้ว ไม่มีใครเข้ามาในหลุมดำเลยสักคน!

 

‘จริงสิ! ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์เคยบอกไว้ว่ากุญแจเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่ในมือท่านมิใช่กุญแจดอกเดียว…ดูเหมือนจะยังมีกุญแจดอกอื่นอยู่ด้วย’

 

‘ดูเหมือนว่า…คนพวกนี้ล้วนเข้ามาจากประตูที่เปิดขึ้นจากกุญแจดอกอื่น!’

 

ก่านหรูเยี่ยนลอบกล่าวในใจ

 

‘อีกทั้ง…ที่กำลังสู้กันอยู่ดูเหมือนจะเป็นเซียนอมตะเสเพล!’

 

ขณะเดียวกันก่านหรูเยี่ยนก็มองไปยังการปะทะกันไกลตา และพบว่าที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่ละคนล้วนมีพลังกล้าแข็งเหนือล้ำกว่านางมากโข!

 

“เจ้าว่า…ผู้ใดจะได้รับยอดสมบัติสวรรค์ไปครองกัน?”

 

ตอนนี้เองเสียงสนทนาพลันดังเข้าหูก่านหรูเยี่ยน

 

เป็นเหล่าผู้ที่มาล้อมวงชมดูกระซิบคุยกัน

 

“ข้าคิดว่าเจ้าของยอดสมบัติสวรรค์เล่มนี้จะอย่างไรก็ต้องตกอยู่ในมือ 1 ใน 2 เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์แน่นอน! เพราะอย่างไรเสียคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ก็คือพวกมัน 2 คน! หากพวกมันทั้งคู่ยังอยู่คนอื่นก็อย่าหวังจะแย่งชิงอันใด”

 

เสียงชายวัยกลางคนดังเข้าหูก่านหรูเยี่ยนอย่างประจวบเหมาะ

 

มาตอนนี้ก่านหรูเยี่ยนก็เห็นได้ชัด

 

กลางวงล้อมมีร่างคน 2 คนกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย หากแต่ไม่มีมือที่สามเข้าไปสอดแทรก

 

กระทั่งคนอื่นๆยังพยายามถอยร่างให้ห่างออกมาในระยะเหมาะสมด้วยซ้ำ

 

‘พวกมันสมควรเป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ทั้งคู่!’

 

เมื่อเห็นว่าตัวเองยากจะมองความเคลื่อนไหวของผู้ที่กำลังประมือกันอยู่ ก่านหรูเยี่ยนก็ตกใจไม่น้อย รวมถึงยิ่งได้ยินบทสนทนาก็ตระหนักได้ทันทีว่าที่กำลังสู้กันสมควรเป็นตัวขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!

 

‘อย่างไรก็ตามจากกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างพวกมัน ดูเหมือนว่าจะอ่อนด้อยกว่าตี้เฉินของเผ่ามังกร…’

 

ก่อนหน้านี้ก่านหรูเยี่ยนได้พบเจอเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์มาคนหนึ่ง และนั่นก็คือตี้เฉินแห่งเผ่าพันธุ์มังกร

 

และนั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนางยังอยู่ในลัทธิบูชาไฟในฐานะจ้าวลัทธิ

 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ตี้เฉินคนนั้นจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์อันร้ายกาจ แต่สุดท้ายก็ถูกบีบคั้นให้คุกเข่าโขกหัวขอชีวิตจากสามีของน้องสาวฝาแฝดนาง ต้วนหลิงเทียน

 

และการกระทำของสามีน้องสาวนาง ก็สะท้านไปทั่วดินแดนเทพยุท์เซียนเต๋า

 

‘นี่ก็ไม่แปลกอะไร อย่างไรก็ตามมีข่าวลือหนาหูว่า ตี้เฉินผู้นั้นกำลังจะบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์อยู่แล้ว…’

 

‘แต่สุดท้ายมันกลับข้ามผ่านหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลล้มเหลว!’

 

ในฐานะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่ง ก่านหรูเยี่ยนย่อมได้ยินมาว่าตี้เฉินล้มเหลวในการเอาชนะหายนะรอบที่ 6 และตกตายลงที่เผ่ามังกร…

 

อีกทั้งนางยังได้ยินมาอีกว่า

 

เหตุผลเดียวที่ตี้เฉินไม่อาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้ล้วนเป็นเพราะ มารในใจ ที่มีต้นตอมาจากความอัปยศอดสูที่ต้วนหลิงเทียนยัดเยียดให้!

 

ด้วยเหตุนี้บิดาของตี้เฉินจึงโมโหเป็นฟืนไฟ ส่งคนออกมาพลิกแผ่นดินตามล่าหาตัวคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ หมายฆ่าสามีของน้องสาวฝาแฝดนางอย่างต้วนหลิงเทียนเพื่อล้างแค้นให้จงได้…

 

‘พลังของเหล่าเซียนอมตะเสเพลรอบๆ ก็มิใช่ชั่วเลย…’

 

ครู่ต่อมาสายตาก่านหรูเยี่ยนก็เริ่มกวาดมองไปยังเซียนอมตะเสเพลรอบๆ

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นก่านหรูเยี่ยนพลันสังเกตเห็นว่า…

 

มีเซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งที่แต่เดิมก็มุงชมเรื่องราวอยู่ภายในวงล้อม แต่อีกฝ่ายกลับเริ่มปลีกตัวออกจากวงล้อมจนเข้าใกล้ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นมากขึ้นทุกขณะ ความเคลื่อนไหวของมันช่างเงียบเชียบและคล้ายจะไม่มีใครสังเกตเห็น!

 

‘เจ้านั่นมันคิดขโมยยอดสมบัติสวรรค์งั้นเหรอ!?’