บทที่ 1866 คนส่งข้อความ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เอาคืนทั้งต้นทั้งดอก? สิงโตจะอ้าปากกว้าง[1]? เหมียวอี้หวั่นไหวทันที กล่าวอย่างลังเลว่า : เรื่องที่ทัพตะวันออกปลอมตัวเป็นโจรถูกเปิดโปงแล้ว กองทัพองครักษ์กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ เรื่องที่คนมากมายก็เห็นแล้ว แค่ตำหนักสวรรค์ไปตรวจสอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องก็รู้แล้ว จะปิดบังได้ยังไง?

หยางชิ่ง : นายท่าน ตอนนี้ประมุขชิงอยากจะเปิดศึกกับตระกูลอิ๋งเหรอ? ถ้าเรื่องไม่วุ่นวายถึงระดับหนึ่ง ประมุขชิงก็ไม่อยากแตะต้องตระกูลอิ๋งสักเท่าไร ไม่อย่างนั้นก็จะบีบให้สี่อ๋องสวรรค์ร่วมมือกันกบฏ ถ้าท่านถอยหนึ่งก้าวก็เท่ากับให้ทางลงแก่ตระกูลอิ๋ง และให้ทางลงแก่ประมุขชิงด้วย ขอเพียงนายท่านยินดีจะแกล้งโง่ คู่กรณีทั้งสองฝ่ายล้วนแกล้งโง่ ตำหนักสวรรค์ก็จะไม่เอาจริง! นายท่านเคยคิดบ้างหรือเปล่า ว่าเรื่องเล็กแค่นี้ก็สะเทือนไปถึงประมุขชิงจนระดมทัพองครักษ์แล้ว เพราะอะไรล่ะ? คนอื่นอาจไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึก แต่นายท่านไม่รู้เหรอ? คาดว่าคงเป็นเพราะชิงหยวนจุน ประมุขชิงกำลังใช้วิธีการบางอย่างกดดันฮ่าวเต๋อฟางกับอิ๋งจิ่วกวง อย่างน้อยทัพใต้ที่อยู่ใกล้ก็ไม่กล้าส่งคนเข้าไปแทรกแซงที่สระน้ำมังกรดำง่ายๆ ประมุขชิงกำลังแอบใช้วิธีการบางอย่างช่วยนายท่าน!

เหมียวอี้ทำท่าครุ่นคิด ถามว่า : เอาคืนทั้งต้นทั้งดอกยังไง?

หยางชิ่ง : จะเป็นสิงโตอ้าปากกว้างยังไง คาดว่านายท่านย่อมชั่งน้ำหนักเองได้ แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่นายท่านต้องพยายามช่วงชิงให้ถึงที่สุด ตลาดสวรรค์! นายท่านต้องฉวยโอกาสบีบให้ตระกูลอิ๋งช่วยท่านสร้างอำนาจควบคุมตลาดสวรรค์ให้ท่าน! ต่อให้ตระกูลอิ๋งจะยุติความขัดแย้งชั่วคราว แต่ในภายหลังไม่มีทางเลิกจองเวรนายท่านแน่ ก็เหมือนที่ข้าน้อยเพิ่งบอกไป หดหมัดกลับมาเพื่อสะสมพลังแล้วค่อยปล่อยหมัดอีกที รอบต่อไปก็อย่าให้ตระกูลอิ๋งลงมือก่อนอีก ไม่อย่างนั้นนายท่านจะตกอยู่ในอันตรายมาก ควรจะถึงคราวพวกเราลงมือก่อนบ้างแล้ว ดังนั้นต้องเอาอำนาจควบคุมตลาดสวรรค์มาก่อน!

เหมียวอี้ประหลาดใจ ถามว่า : ทำไมต้องเอาอำนาจที่ตลาดสวรรค์มาให้ได้?

หยางชิ่งอธิบายทันที เหมียวอี้ยิ่งฟังก็ยิ่งตาเป็นประกาย พยักหน้าเงียบๆ อยู่อย่างนั้น เข้าใจแผนการของหยางชิ่งแล้ว แต่ก็ถามอย่างกังวลอีกว่า : ตลาดสวรรค์มีอำนาจหลายฝ่ายปนกัน ตระกูลอิ๋งจะมีอำนาจตัดสินใจได้ยังไง?

หยางชิ่ง : นายท่านไม่จำเป็นต้องลำบากใจแทนตระกูลอิ๋ง ตระกูลอิ๋งควรจะสละผลประโยชน์อะไรเพื่อขอให้อำนาจฝ่ายอื่นตอบตกลง นั่นก็เป็นเรื่องที่ตระกูลอิ๋งต้องไปปวดหัวเอาเอง นายท่านไม่จำเป็นต้องกังวล เอาเป็นว่าราชินีสวรรค์ที่ควบคุมตลาดสวรรค์แต่ในนามไม่มีทางขัดขวางนายท่าน เรื่องบนราชสำนักก็ให้ตระกูลอิ๋งไปจัดการเองแล้วกัน

เหมียวอี้ : เรื่องที่สระน้ำมังกรดำมีคนรู้เยอะเกินไป จะปิดยังไงก็ปิดไม่มิด ช้าเร็วข้างนอกก็ต้องรู้ข่าว กลัวก็แต่อิ๋งจิ่วกวงจะไม่ตอบตกลงให้เกิดความอัปยศ!

หยางชิ่ง : คนที่ขึ้นอยู่ตำแหน่งอ๋องสวรรค์ได้ มีใครบ้างที่ไม่ถนัดเรื่องการประนีประนอมกับคนอื่น ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือ มีใครบ้างที่ไม่ได้อดทนต่อความอัปยศ ขอแค่ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้วรับไหว ก็จะตอบตกลง ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนที่นายท่านฆ่าหลานชายของเขา เขาก็คงยอมแลกทุกอย่างเพื่อจัดการนายท่านแล้ว ตอนนี้เขายังอดทนได้อยู่ ในเมื่อฆ่านายท่านไม่ได้ เขาก็จะตอบตกลง!

เหมียวอี้ : ได้! ข้าจะให้อิ๋งอู๋หม่านติดต่อพ่อเขาเดี๋ยวนี้

หยางชิ่ง : ไม่! ไม่อย่าใช้อิ๋งอู๋หม่าน คิดเสียว่าอิ๋งอู๋หม่านตายไปแล้ว ถ้าอิ๋งจิ่วกวงแน่ใจว่าอิ๋งอู๋หม่านยังมีชีวิตอยู่ ตอนหลังจะต้องเอามาอยู่ในเงื่อนไขการเจรจาแน่นอน จะส่งตัวให้อิ๋งจิ่วกวงไม่ได้ ยังเก็บไว้ใช้งานตอนหลังได้อีก มิหนำซ้ำถ้าใช้อิ๋งอู๋หม่าน ดีไม่ดีอาจจะยั่วโมโหอิ๋งจิ่วกวงก็ได้ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นอ๋องสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐาน อย่าได้คืบเอาศอกเกินไป ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายสักหน่อยดีกว่า หาคนที่เหมาะสมให้ส่งต่อคำพูดเถอะ!

หลังจากการเจรจาวางแผนลับของทั้งสองจบลงแล้ว หยางชิ่งก็เก็บระฆังดาราแล้วบอกว่า ในที่สุดก็โน้มน้าวเหมียวอี้ได้แล้ว

ส่วนรายละเอียดการปฏิบัติจริงจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่ได้กังวล ความสามารถในการปฏิบัติของเหมียวอี้ เมื่อเทียบกับเขาก็ไม่อ่อนด้อยอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่พิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว

“เป็นอะไรไป? ดูเจ้าทำสีหน้าเหมือนยกภูเขาออกจากอกสิ” จินม่านที่กำลังพิงหน้าต่างพูดหยอกล้อ

หยางชิ่งยิ้มเจื่อน “ราชาปราชญ์ตอบตกลงว่าจะไม่โจมตีอีกแล้ว”

จินม่านย้ายตัวออกจากริมหน้าต่าง แล้วถามว่า “เจ้าเกลี้ยกล่อมเหรอ?”

หยางชิ่งยิ้มโดยไม่พูดอะไร ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ ไม่อยากแสดงผลงาน

ใครจะคิดว่าจินม่านจะทำท่าทางเหมือนสาวน้อย กลอกตามองบนแล้วบอกว่า “เจ้าก็พอได้แล้วมั้ง! อย่างเจ้าน่ะเหรอ? ข้าไม่ได้ว่าเจ้านะ แต่เจ้าน่ะเวลาทำเรื่องอะไรก็คิดเยอะเกินไป ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือห่วงหน้าพะวงหลัง ถ้าเจอเรื่องที่เสี่ยงมากก็วางแผนคิดเยอะมาก สิ่งที่เจ้าขาดก็คือความโหด ความเถื่อนและความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจแบบที่มีบนตัวราชาปราชญ์! ถ้าให้เจ้ากับราชาปราชญ์อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เจ้าอาจจะวางแผนเก่งกว่าราชาปราชญ์ แต่เจ้าเชื่อมั้ยว่าสุดท้ายคนที่ทำให้งานสำเร็จก็คือราชาปราชญ์ ไม่ใช่เจ้า?”

“ทำไมต้องพูดเสียดสีข้าอย่างนี้ ข้าไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรอกใช่มั้ย?” หยางชิ่งยิ้มเจื่อน

“พูดเสียดสี?” จินม่านถลึงตาแสยเยิ้ม “เฮ้อ! ไม่ได้พูดเสียดสีเจ้าเลยจริงๆ! เพราะเรื่องบางเรื่องที่ราชาปราชญ์กล้าทำ ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าคงไม่กล้าทำแน่! พูดแค่เรื่องสระน้ำมังกรดำก็ได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้า ถ้าคิดว่าไม่มีโอกาสชนะก็คงไม่ทำแน่อน แล้วผลที่ตามมาก็จะเป็นอีกอย่าง ใช่แล้ว เจ้าเป็นคนแผนการเยอะ แต่เจ้าวางแผนไปวางแผนมา ภายในเวลาสั้นๆ นี้จะวางแผนชนะอำนาจมหาศาลของอิ๋งจิ่วกวงได้เหรอ? จะต้องอยู่ในสภาพรับมือระยะยาวแน่ ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำแน่นอน แต่การสู้ครั้งนี้ของราชาปราชญ์ทำให้เกิดผลที่แตกต่างแล้ว คนที่มีตาล้วนมองออก ว่าลักษณะการโจมตีระหว่างราชาปราชญ์กับอิ๋งจิ่วกวง เป็นการเสี่ยงลงทุนน้อยรับผลตอบแทนมาก ตอนนี้ราชาปราชญ์กุมอำนาจฝ่ายรุกแล้ว ส่วนอิ๋งจิ่วกวงก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ ถ้าไม่มีศึกเดือดครั้งนี้จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ได้เหรอ? คำกล่าวในโลกมนุษย์ที่บอกว่าคนเรียนเยอะก่อกบฏสิบปีก็ไม่สำเร็จอะไรนั่นน่ะ ก็หมายถึงคนประเภทเจ้านี่แหละ”

ตั้งแต่ครั้งนั้นที่นางถูกปฏิเสธความรักอย่างอ้อมๆ นางก็พูดกับเขาอย่างไม่ค่อยเกรงใจนัก ให้ความรู้สึกเหมือนระบายโทสะ

“…” หยางชิ่งถูกนางว่าจนเถียงไม่ออก

หลังจากเหมียวอี้เก็บระฆังดาราแล้ว ก็เดินกลับมาตรงกลางโถงถ้ำ เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาพร้อมย่อยความคิดเห็นของหยางชิ่ง เกราะรบบนตัวส่งเสียงดังตามจังหวะก้าวเดิน

สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้น เดินไปข้างๆ เข็มทิศ แล้วบอกกับทุกคนที่ล้อมปรึกษากันอยู่รอบเข็มทิศ “ช่างเถอะ! เตรียมซ่อนตัว ไม่สู้แล้ว”

“ทำไมล่ะ?” ชิงเยว่ประหลาดใจ ถูกเนรเทศมาหลายปี ในใจนางมีความแค้นต่อสี่อ๋องสวรรค์ ถ้ามีโอกาสได้ระบายความแค้น นางก็ไม่ค่อยอยากพลาด ที่ดันทุรังปะทะกับทัพใหญ่แปดแสน ก็ใช่ว่าจะไม่มีอารมณ์นี้ซ่อนอยู่ข้างในเลย

แม่แต่ผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำหลายคนก็ยังมองเหมียวอี้เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เหมือนยังต่อสู้ไม่หนำใจ เช่นเดียวกัน เผ่าเทพอสรพิษดำถูกตำหนักสวรรค์ควบคุมมาหลายปีแล้ว ไม่เคยสะใจแบบนี้มานานมากแล้ว การได้เล่นงานกำลังพลตำหนักสวรรค์ถึงตาย เป็นการฆ่าโจรไม่ใช่เหรอ ไม่กลัวหรอกว่าจะต้องรับผิดชอบอะไร

ทว่ามีโม่โหยวอยู่ด้วย พวกเขาจึงไม่สะดวกจะพูดออกมา

โม่โหยวมองเหมียวอี้ด้วยแววตาเฝ้าคอย หวังว่าเขาจะพูดจริง นางเดินมาข้างเข็มทิศ แล้วถามว่า หัวหน้าภาคพูดจริงหรือเปล่า?”

เหมียวอี้มองนางพลางพยักหน้า “เผ่าเทพอสรพิษดำตายเยอะเกินไป ข้าทำใจไม่ได้จริงๆ ถึงยังไงก็รับปากอ๋องอสรพิษดำไว้แล้ว พยายามปกป้องพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำ หนิวพูดจริงทำจริง เรื่องที่รับปากแล้วจะไม่กลับคำเด็ดขาด ในเมื่อให้บทเรียนตระกูลอิ๋งแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำสบะชีวิตอีก คิดเสียว่าปล่อยทัพฝ่ายศัตรูไปสักครั้งแล้วกัน!”

“นายท่าน เกรงว่าต่อให้พวกเรายอมเลิก แต่ทัพฝ่ายศัตรูอาจจะไม่ยอมเลิกนะ!” หลงซิ่นโน้มน้าม สภาพจิตใจของเขาก็คล้ายๆ กับชิงเยว่ อยากจะแสดงให้คนในปีนั้นได้เห็น

เหมียวอี้ยกมือห้าม “ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว!”

โม่โหยวถอนหายใจแรงอย่างโล่งอก ในดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง โค้งตัวกุมหมัดขอบคุณ!

ผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำอีกหลายคนที่อยากจะสู้อีกได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“เพียงแต่ตอนที่ศึกยังไม่จบลง บทบาทของสายลับก็ยังไม่จบ ต้องเฝ้าระวังให้มากขึ้น ป้องกันไม่ให้ทัพฝ่ายศัตรูจู่โจม!” เหมียวอี้กล่าวขณะจ้องโม่โหยว

“ได้! เรื่องนี้ข้าเข้าใจ” โม่โหยวพยักหน้า

เหมียวอี้ทิ้งคนเอาไว้ในถ้ำแล้วเดินออกมาทันที เหยียนซิวตามหลังเขาโดยสัญชาติญาณ

ในห้องถ้ำห้องหนึ่ง หยางเจาชิงเฝ้าอยู่ด้านนอก เหยียนซิวตามเข้าไป

หลังจากวางเก้าอี้ตัวหนึ่ง เหมียวอี้ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะหาใครมาเป็นผู้ส่งข้อความ อิ๋งอู๋หม่านกับเจ๋อชุนชิวยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเขา คำพูดบางอย่างทั้งสองยังไม่กล้าเอ่ยปากต่ออิ๋งจิ่วกวง คิดไปคิดมาก็คลายคิ้วที่ขมวด นึกถึงคนที่เหมาะสมจะติดต่อกับอิ๋งจิ่วกวงที่สุด

แต่พอหยิบระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับคนคนนั้นออกมา เขาก็ลังเลอีก ขณะมองระฆังดาราในมือ ในหัวก็มีฉากหลายฉากแวบเข้ามา เขาค่อนข้างเหม่อลอย

เรื่องบางเรื่อง ฉากบางอย่างนั้นฝังลึกลงกระดูกและหัวใจ ต่อให้ตอนนี้จะกลายเป็นเจ้าอาณาเขตแล้ว แต่ยิ่งไต่เต้าขึ้นตำแหน่งสูง ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิด รู้สึกว่าได้เสียสละใครบางคนไปเพื่อแลกกับความสำเร็จในวันนี้

ตำหนักบูรพา หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้านหรูอี้นั่งเงียบๆ อย่างเหม่อลอย มองดูสาวงามในกระจกอย่างเลื่อนลอย

หยินซวงกับไป่เสวี่ยที่กำลังหวีผมให้นางสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติของนางแล้วเช่นกัน พบว่าวันนี้สนมสวรรค์เหม่อลอยตลอดเวลา

“เหนียงเหนียง เหมือนท่านจะไม่ค่อยพอใจ พวกบ่าวปรนนิบัติไม่ดีหรือเพคะ?” หยินซวงมองปฏิกิริยาของคนในกระจกเงียบๆ ก่อนจะถามหยั่งเชิง

จ้านหรูอี้ได้ยินแล้วได้สติกลับมา จู่ๆ ก็ถามว่า “สระน้ำมังกรดำมีข่าวบ้างหรือเปล่า?”

หยินซวงส่ายหน้า “ด้านนอกยังมีข่าวลือพวกนั้น ที่บ้านก็ไม่ยอมบอกอะไรเพคะ บอกให้บ่าวอย่าสืบข่าวมาก”

จ้านหรูอี้จ้องตัวเองในกระจกอีกครั้ง แล้วจู่ๆ ก็แสยะหัวเราะ สายตาที่กำลังมองตัวเองฉายแววเยาะเย้ย

หลังจากนางได้ยินว่าเหมียวอี้นำทัพใหญ่สู้กับทัพตะวันออกที่สระน้ำมังกรดำ นางก็รู้สึกเลือดร้อนเล็กน้อย ใครจะแพ้หรือจะชนะก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญที่ในปีนั้นนางกับเหมียวอี้ล้วนเหมือนกัน เป็นผู้บัญชาการใหญ่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เหมียวอี้กลับทำศึกอย่างห้าวหาญอยู่บนสนามรบ มีความกล้าหาญที่จะต่อต้านทัพเกรียงไกรแห่งใต้หล้า สังหารอาบเลือดอยู่ท่ามกลางกำลังพลหลายล้าน แต่นางล่ะ? เกราะรบฝุ่นเกาะแล้ว เปลี่ยนมาสวมใส่อาภรณ์แดงแล้ว เหมือนกับผู้หญิงนับไม่ถ้วนในวังหลัง วันๆ นั่งรอให้ผู้ชายคนนั้นมาโปรดปราน เหมือนสิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ก็คือถอดเสื้อผ้าให้ผู้ชายคนนั้น…

เห็นได้ชัดว่าคนในกระจกอึ้งไป จ้านหรูอี้ก้มหน้ามองกำไลเก็บสมบัติบนข้อมือตัวเอง นางประหลาดใจเล็กน้อย หรือเป็นเพราะตัวเองมีจิตสื่อถึงเรื่องนั้น?

นางหยิบระฆังดาราขึ้นมา ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเหมียวอี้ นางประหลาดใจว่าทำไมเหมียวอี้ถึงติดต่อนางในเวลานี้ กำลังต่อสู้อยู่ที่สระน้ำมังกรดำไม่ใช่เหรอ?

หยินซวง ไป่เสวี่ยสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็มองออกว่าราชินีสวรรค์ที่ยามปกติหน้านิ่ง ตอนนี้มีปฏิกิริยาแปลกไปแล้ว

หลังจากระฆังดาราเชื่อมสัญญานติด จ้านหรูอี้ก็ถามว่า : มีธุระอะไร?

นางนึกว่าตอนนี้เหมียวอี้มีอะไรต้องการให้นางช่วยเหลือ จะให้นางไปขอร้องตระกูลอิ๋งให้เขา อะไรประมาณนั้น

ทางฝั่งเหมียวอี้เงียบไปพักหนึ่ง แล้วถึงได้ตอบข้อความว่า : เหนียงเหนียง! รบกวนท่านบอกอ๋องสวรรค์อิ๋งให้สักหน่อย ทัพตะวันออกห้าล้านของเขาถูกข้าโจมตีไปเกือบครึ่งแล้ว ตอนนี้ในมือข้ายังมีเชลยศึกหมื่นกว่า แล้วก็ศพของคนทัพตะวันออกหลายแสน ถ้าอ๋องสวรรค์อิ๋งอยากจะเจรจากัน ข้าก็ยินดีจะส่งมอบของในมือให้เขา ถ้าเขาไม่ต้องการ ข้าก็ทำได้เพียงส่งให้กองทัพองครักษ์แล้ว!

…………………………

[1] สิงโตอ้าปากกว้าง 狮子大开口 หมายถึงเรียกข้อเสนอเยอะ ได้คืบจะเอาศอก