จ้านหรูอี้ลุกขึ้นช้าๆ เดินเนิบนาบลากกระโปรงยาว ในใจเหมือนมีบางอย่างเดือดพล่าน ไม่น่าเชื่อว่าทัพตะวันออกห้าล้านจะถูกเขากำจัดไปแล้วเกือบครึ่ง?
หัวใจราวกับถูกคลื่นซัดขณะจินตนาการถึงฉากที่กำลังพลหลายล้านทำศึกใหญ่ จ้านหรูอี้อดไม่ได้ที่จะถามว่า : แล้วความเสียหายฝั่งเจ้าล่ะ?
เหมียวอี้จะเปิดเผยสถานการณ์รบให้นางรู้ได้อย่างไร ตอบเพียงว่า : อ๋องสวรรค์อิ๋งรู้อยู่แก่ใจก็พอ
จ้านหรูอี้ : เจ้าติดต่อข้ามาก ก็แค่จะให้ข้าส่งข้อความให้งั้นเหรอ?
เหมียวอี้ : ใช่แล้ว!
จ้านหรูอี้ : เจ้าอยากจะโอ้อวดข้าใช่มั้ย?
โอ้อวด? เหมียวอี้ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี : ผู้น้อยไม่จำเป็นต้องโอ้อวดเหนียงเหนียง เพียงอยากให้เหนียงเหนียงส่งข้อความให้เท่านั้น
จ้านหรูอี้ : ทำไมไม่ไปหาคนอื่น แต่ดันมาหาข้า? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าอาณาเขตผู้สง่าน่าเกรงขามจะไม่มีใครส่งข้อความให้ ทำไมต้องติดต่อมาหาข้า? ในใจเจ้า ข้าสำคัญมากงั้นเหรอ?
เหมียวอี้พูดไม่ออกจริงๆ เป็นอะไรไปแล้วล่ะ เขาไม่อยากพัวพันอยู่กับนาง : ถ้าเหนียงเหนียงไม่อยากส่งข้อความให้ ผู้น้อยไปหาคนอื่นก็ได้
จ้านหรูอี้ : ข้าช่วยส่งข้อความให้เจ้าก็ได้ แต่เจ้าไม่กลัวข้าไปบอกฝ่าบาทเหรอ?
เหมียวอี้ : เหนียงเหนียงล้อเล่นแล้ว คาดว่าเหนียงเหนียงก็คงไม่อยากให้ตระกูลอิ๋งเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน! ข้าน้อยยังมีเรื่องต้องจัดการอีก ไม่รบกวนแล้ว
หลังจากทั้งสองติดต่อกันจบแล้ว เหมียวอี้ก็มองระฆังดาราในมือพลางถอนหายใจเบาๆ
ส่วนจ้านหรูอี้ก็มองระฆังดาราในมือเงียบๆ นานมาก สุดท้ายก็เก็บไว้แล้ว จากนั้นเปลี่ยนระฆังดาราอีกอันไว้ในมือ ติดต่อหาอิ๋งจิ่วกวงเสียเลย
ในบรรดารุ่นหลานของตระกูลอิ๋ง จ้านหรูอี้เป็นเพียงคนเดียวที่มีระฆังดาราติดต่อกับอ๋องสวรรค์อิ๋งได้โดยตรง คนอื่นไม่ได้รับสิทธิพิเศษนี้
หยินซวง ไป่เสวี่ยจ้องทุกการกระทำของนาง นอกจากใช้ระฆังดาราติดต่อบิดามารดา ก็เหมือนว่าสนมสวรรค์จะไม่ได้ติดต่อคนอื่นเลย แต่ดูจากท่าทางสนมสวรรค์แล้ว ก็ไม่เหมือนกำลังติดต่อบิดามารดา ควรค่าแก่การสงสัย
พอพูดถึงเรื่องใช้ระฆังดาราติดต่อ หยินซวง ไป่เสวี่ยก็ลำพองใจมาก เกรงว่าทั้งวังหลังคงต้องขอบคุณสนมสวรรค์ เพราะเรื่องบางเรื่องพวกนางได้เห็นกับตาตัวเอง ได้ยินกับหูตัวเอง
ฝ่าบาทรู้สึกว่าสนมสวรรค์เบื่อหน่าย บอกว่าในมือมีป้ายคำสั่งของเขา สามารถออกไปเดินเล่นได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องรายงาน ทั้งยังแนะนำให้เหนียงเหนียงออกไปผ่อนคลายมากๆ หน่อย เหนียงเหนียงบอกว่าไม่เป็นอะไร แบบนี้ก็ดีมากแล้ว ฝ่าบาทยังให้เหนียงเหนียงติดต่อคนในครอบครัวบ่อยๆ อีกด้วย จะได้ไม่เบื่อหน่ายอยู่ที่นี่ เหนียงเหนียงบอกว่าวังหลังควบคุมการใช้ระฆังดาราส่งข่าว ไม่มีความจำเป็นนั้น
ดังนั้นฝ่าบาทจึงครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วบอกว่าเรื่องนี้เขาจะแก้ปัญหาเอง
วันต่อมา ฝ่าบาทก็หาข้ออ้างให้คลายค่ายกลที่ระงับการใช้ระฆังดาราที่วังหลังแล้ว คนอื่นไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่พวกนางกลับรู้ชัด ฝ่าบาทแกกฏของวังหลังที่มีมาตั้งแต่ต้นก็เพื่อเหนียงเหนียง เกียรติพิเศษนี้มีเพียงเหนียงเหนียงคนเดียวที่ได้รับ แม้แต่ราชินีสวรรค์ก็ยังไม่ได้เลย
ริมแม่น้ำ อิ๋งจิ่วกวงกำลังยืนเอามือไขว้หลังด้วยสีหน้าดุร้าย ถือระฆังดาราอันหนึ่งขึ้นมาด้วยสีหน้างุนงง
เขารู้สึกเหนือความคาดหมายนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าจ้านหรูอี้จะติดต่อเขา ก่อนส่งจ้านหรูอี้เข้าวัง เขาทิ้งระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับจ้านหรูอี้ไว้ แต่จ้านหรูอี้ไม่เคยใช้งานมันเลย นี่เป็นครั้งแรก เขาไม่รู้ว่าทำไมจ้านหรูอี้ถึงติดต่อเขามาในเวลานี้ อย่าบอกนะว่าเกี่ยวข้องกับสระน้ำมังกรดำ หรือไม่ทางวังสวรรค์ก็มีความเปลี่ยนแปลงอะไร?
หลังจากติดต่อได้แล้ว อิ๋งจิ่วกวงก็ตอบอย่างสุภาพ : ข้าน้อยถวายพระพรสนมสวรรค์!
จ้านหรูอี้ : หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งติดต่อข้ามา…
นางถ่ายทอดคำพูดของเหมียวอี้แล้ว
อิ๋งจิ่วกวงอึ้งไปชั่วขระ : ทำไมหนิวโหย่วเต๋อถึงติดต่อเจ้า?
จ้านหรูอี้ : ข้าก็ไม่เข้าใจเจตนาของเข้าเหมือนกัน
อิ๋งจิ่วกวงเงียบไป ไม่ค่อยเข้าใจเจตนาของเหมียวอี้ ไม่อาศัยเชลยจากสระน้ำมังกรดำติดต่อเขาก็เท่ากับแสดงความจริงใจในการเจรจา แสดงออกว่าไม่อยากยั่วโมโหเขา ให้สนมสวรรค์มาบอกต่อเขาก็เพราะหวังว่าเขาจะไต่ตรองด้วยความใจเย็น
ที่จริงประสิทธิภาพที่ได้ก็ชัดเจนมาก ถ้าให้อิ๋งอู๋หม่านกับเจ๋อชุนชิวเจ้าสองคนที่ทำเสียเรื่องนั่นมาเจรจา เขาก็จะเดือดดาลทันที พอจ้านหรูอี้เอ่ยปากแล้ว ก็ทำให้เขารักษาความใจเย็นไว้ได้จริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดอะไรหยาบคายกับจ้านหรูอี้โดยตรง
หนิวโหย่วเต๋อสามารถพิจารณาถึงจุดนี้ได้ แสดงว่าใช้ความคิดไปมาก อิ๋งจิ่วกวงพอจะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายอยากจะเจรจาจริงๆ ไม่ได้กำลังล้อเล่นกับเขา
“กองทัพองครักษ์ไปถึงไหนแล้ว?” อิ๋งจิ่วกวงเอียงหน้าถาม
“คาดว่าอย่างมากอีกหนึ่งชั่วยามก็จะถึงสระน้ำมังกรดำแล้ว” จั่วเอ๋อร์ตอบ
อิ๋งจิ่วกวงเงยหน้าช้าๆ แล้วหลับตาลง ก่อนจะบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อไม่อยากสู้แล้ว”
“อะไรนะ?” จั่วเอ๋อร์งุนงง ตอนแรกเจ้าหนุ่มนั่นต้องการจะสู้ให้ถึงที่สุดไม่ใช่เหรอ?
อิ๋งจิ่วกวงเขย่าระฆังดาราในมือ บอกจ้านหรูอี้ว่า : ให้เขาเลือกสถานที่
จ้านหรูอี้ : ท่านตา เรื่องที่สระน้ำมังกรดำเกี่ยวข้องกับท่านจริงเหรอ?
อิ๋งจิ่วกวง : เหนียงเหนียง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรถาม เจ้าถ่ายทอดคำพูดข้าไป เขาย่อมรู้ว่าหมายความว่าอะไร
หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว อิ๋งจิ่วกวงก็ก้มหน้ามองเงาตัวเองในแม่น้ำอีก พร้อมกล่าวอย่างจนใจว่า “บอกหวังหย่วนเฉียว ให้หยุดได้แล้ว! ให้คงฮั่นไปเจรจา…”
ในดาราจักร บนยอดเขาสูงสุดของดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง คงฮั่นเหยียบลงพื้น คนที่รับหน้าที่มารับก็คือหยวนกง
หลังจากหยวนกงค้นตัวเขาแล้ว ก็ผนึกพลังบนตัวแล้วเก็บเข้ากระเป๋าสัตว์พาไปเลย
สายลับของเผ่าเทพอสรพิษดำคอยเฝ้าระแวดระวังอยู่ในดาราจักร ป้องกันไม่ให้มีคนสะกดรอยตาม
ห้องถ้ำในโถงถ้ำ หลังจากหยวนกงมาถึงแล้ว ก็โยนคงฮั่นออกมา แล้วหยวนกงก็กันตัวเองออกไป หยวนกงเข้าใจตัวเองชัดเจนดี ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่อยู่กลุ่มลูกน้องคนสำคัญของหนิวโหย่วเต๋อ
เหมียวอี้นั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งด้วยเรียบเฉย เกราะรบยังไม่ถอด กำลังจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ
หยางเจาชิงตรวจค้นตัวคงฮั่นอีกรอบ เสร็จแล้วถึงได้ถอยออกไปยืนด้านข้าง
คงฮั่นจ้องเหมียวอี้อย่างเย็นเยียบ “หนิวโหย่วเต๋อ!”
“ข้าเอง!” เหมียวอี้พยักหน้า แล้วชี้ที่เก้าอี้ตรงกันข้าม บอกใบ้ให้นั่งลง
คงฮั่นเดินไปนั่งลงอย่างกล้าได้กล้าเสีย พอชำเลืองมองสวีถังหรานที่นำน้ำชามาวาง เขาก็แค้นจนกัดฟันกรอด รู้ว่าเดิมทีสวีถังหรานเป็นคนที่ต้องตายแน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยให้หนีไปได้ ถ้าจับตัวเจ้านี่ไว้ ไม่แน่ว่าอาจเอามาแลกเปลี่ยนกับหนิวโหย่วเต๋อได้
เหมียวอี้ยื่นมืออีก บอกใบ้ให้ดื่มน้ำชา
“ไม่ต้องแล้ว พูดมาตรงๆ เถอะ เจ้าอยากจะเจรจาอะไร?” คงฮั่นถาม
เหมียวอี้ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน “นายท่านคงรู้อยู่แก่ใจแล้วเหตุใดต้องถาม เจรจาอะไรก็ไม่ซับซ้อนเลย ในมือข้ามีเชลยศึกแสนกว่าและศพหลายแสนของทัพตะวันออก กองทัพองครักษ์กำลังจะมาถึงแล้ว ถ้าไม่อยากให้ข้าส่งต่อให้กองทัพองครักษ์ ก็ต้องเอาของมาแล้ว”
“เจ้าต้องการอะไร?” คงฮั่นถาม
“การเลื่อนขั้นและเงินทอง ข้าหวังว่าอ๋องสวรรค์อิ๋งจะช่วยให้ข้าเลื่อนขั้นได้” เหมียวอี้ถาม
คงฮั่นตอบว่า “ถ้าเจ้าเลื่อนขั้นอีกก็จะกลายเป็นท่านโหวแล้ว อาศัยคุณสมบัติและวรยุทธ์ของเจ้า เจ้าคิดว่าเป็นไปได้เหรอ? บนราชสำนักยังไม่เคยมีตัวอย่างนี้มาก่อน”
“ถ้าเข้าประชุมขุนนางไม่ได้ ที่ตลาดสวรรค์ก็ได้ ข้าต้องการอำนาจในการควบคุมตลาดสวรรค์ทั้งใต้หล้า” เหมียวอี้กล่าว
คงฮั่นแสยะยิ้ม “นี่เจ้ากำลังพูดจาเพ้อฝันเหมือนคนปัญญาอ่อน!”
เหมียวอี้ไม่แยแสปฏิกิริยาของเขา พูดต่อไปว่า “ยังมีโถงชุมนุมอัจฉริยะอีก ปล่อยคนที่จับไปออกมาให้หมด กลับคำพิพากษาให้โถงชุมนุมอัจฉริยะ นอกจากนี้ เสียค่าปรับเป็นยาแก่นซียนให้ข้าอีกหนึ่งหมื่นล้านล้าน!”
หนึ่งหมื่นล้านล้านยาแก่นซียน? คงฮั่นพลันลุกขึ้น แล้วกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้! อย่างเจ้าเรียกว่าเจรจาเหรอ? ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด!”
เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบ “ท่าทีของเจ้าไม่สำคัญหรอก เจ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ ให้อ๋องสวรรค์อิ๋งไปพิจารณา แค่บอกสิ่งที่ข้าพูดก็พอ!”
คงฮั่นกัดฟันกรอด ไม่ผิดหรอก เขาไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้จริงๆ หวังหย่วนเฉียวที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจเช่นกัน จะตอบตกลงหรือไม่ สุดท้ายก็ต้องดูที่เจตนาท่านอ๋อง เขากล่าวด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “อิ๋งอู๋หม่าน ท่านโหวอิ๋ง แล้วก็เจ๋อชุนชิว ข้าต้องการเจอพวกเขา”
“เกรงว่าจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว คนตายไปแล้ว ตอนสู้กันถูกผลักมาเป็นโล่ โดนคนของพวกเจ้ายิงตายไปแล้ว ร่างแยกเป็นสี่ส่วนห้าส่วน แม้แต่เค้าโครงศพก็ยังหาไม่เจอเลย ถ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลงถามคนของตัวเองดูสิ!” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่แยแส
คงฮั่นอยากจะด่าแม่ กำลังผลที่ยิงตัวประกันอาจจะตายไปหมดแล้วก็ได้ เขาจะไปถามจากที่ไหนล่ะ? เขากล่าวเสียงต่ำว่า “เป็นไปไม่ได้ ถ้าฆ่าท่านโหวอิ๋งแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เบื้องล่างจะไม่รายงานขึ้นไป!”
เหมียวอี้ตอบว่า “เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว เอาเป็นว่าคนตายไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมติดต่อพวกเจ้าหรอก? ให้อิ๋งอู๋หม่านติดต่อพวกเจ้าเองก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ”
“จริงใจเหรอ! ข้าไม่เห็นเลยว่าความจริงใจของเจ้าอยู่ไหน แบบนี้เจ้ายังคิดจะเจรจาอีกเหรอ?” คงฮั่นกัดฟันถาม
เหมียวอี้ลุกขึ้นยืน เดินมาตรงหน้าเขา ตบอกเขาพร้อมบอกว่า “นายท่านคง เจ้าพูดแบบนี้เหมือนจะอ่านสถานการณ์ไม่ออกเลยนะ ทำศึกแพ้แล้วยังคิดจะได้เปรียบบนโต๊ะเจรจาอีกเหรอ เป็นไปได้หรือไง? ตอนนี้เป็นข้าที่เสนอเงื่อนไข แค่จะถามพวกเจ้าว่าจะตอบตกลงหรือไม่ ถ้าไม่ตอบตกลงก็สู้กันต่อ หนิวพร้อมเล่นด้วยทุกเมื่อ!”
สำหรับคงฮั่นแล้ว นี่ไม่ใช่การเจรรา เห็นได้ชัดว่ากำลังถูกหยาม ทว่าท่าทีของเขาไม่ได้สำคัญเลยจริงๆ คุยกับเหมียวอี้ได้ไม่กี่คำก็ถูกเหมียวอี้ส่งแขกแล้ว เพียงแต่ก่อนจะไป เหมียวอี้ได้สร้างช่องทางการติดต่อกับเขาไว้แล้ว หลังจากนี้ก็ไม่ต้องให้คงฮั่นเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลาอีก
หลังจากคงฮั่นกลับไปแล้ว ก็เล่าสถานการณ์ให้จั่วเอ๋อร์ฟัง จากนั้นเขาก็เป็นตัวกลางให้ระหว่างจั่วเอ๋อร์กับเหมียวอี้ คอยถ่ายทอดคำพูดของทั้งสองฝ่าย ตอนนี้การเจรจาที่แท้จริงถึงได้เริ่มขึ้น แน่นอน จั่วเอ๋อร์ย่อมรู้ว่าเจตนาของอิ๋งจิ่วกวงคืออะไร ไม่อย่างนั้นถ้าติดต่ออิ๋งจิ่วกวงโดยตรง จะให้อิ๋งจิ่วกวงทนความรู้สึกได้อย่างไร
ในระหว่างที่เจรจา อิ๋งจิ่วกวงก็ติดต่ออ๋องสวรรค์อีกสามคนเช่นกัน เพราะเรื่องบางเรื่องใช่ว่าเขาจะตอบตกลงคนเดียวได้ ส่วนเหมียวอี้ก็กำลังติดต่อกับหยางชิ่งเช่นกัน เนื่องจากการเจรจาทีบางจุดที่ติดขัด ปัญหาก็คือเรื่องบางเรื่องไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของอิ๋งจิ่วกวงคนเดียว
สุดท้ายการเจรจาก็ติดอยู่ที่เรื่องเลื่อนตำแหน่งของเหมียวอี้ จะถ้าเลื่อนตำแหน่งเป็นท่านโหวของตำหนักสวรรค์ อิ๋งจิ่วกวงไม่ตอบตกลง บอกตรงๆ ว่าไม่มีความสามารถที่จะทำได้ เหมียวอี้จึงพยายามไขว่คว้าอำนาจในการควบคุมตลาดสวรรค์ อิ๋งจิ่วกวงจึงตอบตกลงแล้ว แต่เป็นไปไม่ได้ที่อำนาจฝ่ายอื่นจะเอาแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดให้ไปอยู่ภายใต้การคุกคามของเขา สุดท้ายจึงได้แต่รับปากว่าจะช่วยเอาตำแหน่งผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์มาให้ ทั้งยังเป็นตำแหน่งลอยที่ไม่ได้ควบคุมอาณาเขตโดยตรงด้วย เหมียวอี้จะยอมเอาแค่ตำแหน่งลอยได้อย่างไร
เมื่อเถียงกันไปเถียงกันมา สุดท้ายก็กำหนดตำแหน่งให้เหมียวอี้ได้แล้ว ให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์ พ่วงตำแหน่งทูตลาดตระเวนตลาดสวรรค์ นี่นับว่าเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจทางทหารเพียงหนึ่งเดียวของตลาดสวรรค์แล้ว แล้วก็ให้ควบตำแหน่งหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลต่อไป เป็นไปไม่ได้ที่เหมียวอี้จะทิ้งอำนาจทางทหารของตำแหน่งหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล
สามารถพูดได้ว่า กับเรื่องนี้เหมียวอี้ยอมถอยให้แล้ว แต่อีกสามเรื่องไม่ได้เจรจาเลย เนื่องจากอีกฝ่ายสามารถทำได้อยู่แล้ว เหมียวอี้ไม่ได้ขออะไรมากกว่านี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลอิ๋งจะตอบตกลงหรือไม่ ของที่สะดุดตาเกินไปจะก่อหายนะ รักษาไว้ไม่ได้
“ท่านอ๋อง เรื่องยาแก่นซียนหนึ่งหมื่นล้านล้านกับโถงชุมนุมอัจฉริยะ…” ตรงริมแม่น้ำ จั่วเอ๋อร์ลองถามหยั่งเชิง
อิ๋งจิ่วกวงสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกวว่าอยู่ในอารมณ์ไหน กล่าวช้าๆ ว่า “ตอบตกลงไป ให้ผ่านเรื่องตรงหน้านี้ไปก่อน เดี๋ยวข้าสะสางบัญชีนี้กับเขาทีหลัง”
จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “แต่เขาไม่ยอมส่งของในมือมาให้พวกเราตอนนี้ ถ้ากองทัพองครักษ์มาแล้วเขามอบให้กองทัพองครักษ์ จะทำยังไงคะ?”
อิ๋งจิ่วกวงกล่าวอย่างไม่แยแส “ส่งให้กองทัพองครักษ์ก็ไม่เกิดผลดีกับเขาเช่นกัน? เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่เสนอเรื่องเจรจาขึ้นมาก็เพราะอยากตักตวงผลประโยชน์?”
…………………