“สามหาว!”
พอเห็นหลินสวินย่างเท้าเข้ามา ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งสีหน้าเคร่งขรึม เงื้อมือขึ้นฟันดาบออกไป
สวบ!
แสงมรรคเจิดจ้า แผ่กว้างประดุจทะเลสีเงินเดือดพล่าน
เพียงแต่ไม่รอให้เข้าใกล้ ดาบกร้าวแกร่งคมกริบเล่มนี้ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ละอองแสงระเบิดกระจุยลอยละล่อง
แย่แล้ว!
คนผู้นั้นนัยน์ตาหดรัด ขณะกำลังจะเปลี่ยนกระบวนท่าพลันสัมผัสได้ว่าพลังกดดันน่าสะพรึงประหนึ่งเขาถล่มทะเลหวีดร้องพุ่งเข้ามา เขาลมหายใจสะดุด กระดูกในร่างแตกหัก ราวกับถูกภูเขาเทพบดขยี้ เสียงตึงดังขึ้นบนพื้น เลือดออกเจ็ดทวารตาย
และตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยเคลื่อนไหวเลย!
เงาร่างของเขาสูงโปร่ง นัยน์ตาดำราวกับสายฟ้า สีหน้าเยียบเย็นจนน่ากลัว แสงมรรคสว่างไสวโอบรอบตัวเขา
ย่างก้าวมั่นคงราวกับเทพมารกำลังเดินเหิน!
ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ล้วนพากันหน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามว่า “ศัตรูบุก!” แล้วหมุนตัวแล้วพุ่งเข้าไปในปากถ้ำ
โครม!
เพียงแต่พวกเขาเพิ่งจะหมุนตัว ชือน้ำแข็งเจิดจ้าตัวหนึ่งแหงนหน้าทะยานอากาศ ฟาดหางหนึ่งครา คนพวกนี้ต่างกระเด็นลอย กระอักเลือดคำใหญ่ กระแทกกับกำแพงหินจนกระดูกแตกระเบิด
ไม่มียั้งมือ!
พอรู้ว่าเจ้าคางคกและอาหลู่ประสบอันตราย หลินสวินก็ขับเคลื่อนไอสังหาร หากทั้งสองเกิดเหตุใดๆ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะล้างบางพวกมันทุกคนเลย!
ภายในปากถ้ำถึงกับเป็นอีกเขตแดนหนึ่ง เมื่อเข้าไปด้านในนั้นแล้วราวกับเข้าสู่แดนลับสุดมหัศจรรย์แห่งหนึ่ง ฟ้าดินสีแดงฉานประหนึ่งเตาไฟระอุ
แสงเพลิงงดงามสายแล้วสายเล่าพุ่งทะยาน ลอยพลิ้วอยู่กลางฟ้าดิน เหมือนเข้าสู่เขตแดนแห่งเพลิงเขตแดนหนึ่ง
เมื่อหลินสวินเข้าไปก็เห็นตำหนักโอ่อ่าไร้ใดเปรียบตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ ราวกับก่อสร้างจากหยกงามสีแดงสดที่สุดในโลก มีประกายแสงไหลเวียน ทั้งเจิดจ้าและงดงาม
เบื้องหน้าตำหนักมีรูปปั้นทองแดงสองตัวตั้งอยู่ กวางเขียวตัวหนึ่งและกระเรียนขาวตัวหนึ่ง
กวางกระเรียน (ลู่เฮ่อ) ออกเสียงคล้ายกับหกประสาน (ลิ่วเหอ หมายถึงฟ้าดินหรือจักรวาล)
เมื่อมองชายคาตำหนัก ยื่นออกไปแปดทิศ แต่ละทิศมีตะเกียงน้ำมันทองแดงแปดตะเกียง แสงไฟศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง ส่องสว่างทุกทิศทาง
ตำหนักแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านกลางฟ้าดิน ราวกับค้ำยันกระดูกสันหลังแห่งจักรวาล
นี่คือรูปแบบแห่งแปดทิศหกประสาน ข้าเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว!
เห็นได้ชัดว่าแดนลับแห่งนี้เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง และตำหนักนี้ต้องมีที่มาที่ไปแน่
“เอ๋! มีคนมา”
“คนผู้นั้นเหมือนจะเป็น… เทพมารหลิน?”
ด้านนอกตำหนักมีผู้ฝึกปราณรวมตัวกันมากมาย อยู่ภายใต้ขุมอำนาจที่แตกต่างกัน เมื่อเห็นหลินสวินเดินเข้ามาจากเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ ต่างพากันอึ้งงันอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เป็นความตกใจ
เทพมารหลิน!
เขาถึงกับเข้ามาเพียงลำพังหรือ!
หลินสวินไม่มีอะไรต้องกลัว สาวเท้าเดินขึ้นหน้า มุ่งตรงไปทางตำหนักเพลิงเทพที่อยู่ไกลๆ แห่งนั้น สายตาของเขาเยียบเย็น บนตัวปลดปล่อยไอสังหารน่าสะพรึงออกมา ทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างพากันหน้าเปลี่ยนสีไม่ว่างเว้น
ท่ามกลางความเลือนรางเหมือนมองเห็นเทพมารผู้ยิ่งใหญ่มาเยือนโลก มาพร้อมไอสังหารเปี่ยมล้น บรรยากาศชั่วขณะนั้นพาให้ผู้คนเสียขวัญ
“รีบขวางเขาเร็ว!”
“ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามทำลายภารกิจครั้งนี้เด็ดขาด!”
เสียงตะโกนดังก้อง ผู้ฝึกปราณที่อยู่ภายใต้ขุมอำนาจแตกต่างกันพวกนี้พุ่งกรูเข้ามา ลงมือตรงๆ โดยไม่ถามจุดประสงค์การมาของหลินสวินสักแอะ
เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องสำคัญอย่างที่สุดกำลังเกิดขึ้นในตำหนักเพลิงเทพแห่งนั้น ไม่อนุญาตให้ถูกรบกวน!
ดังนั้นแม้จะรู้ว่าหลินสวินมาแล้ว พวกผู้ฝึกปราณที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกเหล่านี้ก็ล้วนไม่เกรงใจสักนิด
ตูม!
เพียงชั่วอึดใจแสงศักดิ์สิทธิ์คับฟ้าพุ่งปราด เจิดจรัสบาดตา ยิ่งมีสมบัติมากมายร่ายระบำ ทอแสงส่องสะท้อน ทั้งหมดล้วนไหลหลั่งไปทางหลินสวิน
ภาพเช่นนั้นเพียงพอจะทำให้บุคคลขอบเขตมกุฎใจสะท้าน
และพร้อมกันนั้นในที่สุดหลินสวินก็ลงมือ นัยน์ตาดำราวกับเหวลึก ไอสังหารแผ่ซ่านครอบฟ้าคลุมดินประหนึ่งกระแสน้ำหลาก ร่างของเขาเปล่งแสง แสงพิสุทธิ์ไหลเวียน ท่วงทำนองมหามรรคดังก้องกระหึ่ม
ตูม!
หมัดหนึ่งซัดออกไป ฟ้าสนั่นดินสะเทือน มองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าห้วงอากาศราวกับผืนผ้าที่ถูกฉีกทำลาย แหวกออกเป็นรอยแยกน่าตกใจสายหนึ่ง และแผ่ขยายยาวออกไป
ปึง!
ผู้ฝึกปราณที่วิ่งมาหน้าสุดถูกหมัดทรงพลังนี้กลบจนจมหายไปในชั่วอึดใจ ร่างระเบิดออกทันที ฝนเลือดแผ่กระจาย
ปึงๆๆ!
จากนั้นเสียงระเบิดดังอู้อี้ข้างหูไม่หยุดหย่อน ประหนึ่งสับกุยช่ายก็ไม่ปาน ผู้แข็งแกร่งที่ถูกพลังหมัดกวาดซัดล้วนถูกทะลวงโจมตี ร่างระเบิดกระจุย เลือดสดๆ สาดเซ็น ไม่ต่ำกว่าสิบกว่าคนล้วนตายคาที่
ส่วนวิชาลับ สมบัติที่พุ่งโจมตีเข้ามานั้น ส่วนหนึ่งถูกพลังหมัดบดขยี้ตรงๆ อีกส่วนยังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวินก็ถูกขวางตามๆ กัน จากนั้นก็พังทลายไป
หมัดเดียวสะเทือนเหล่าผู้กล้า!
ในที่นั้นเงียบกริบ คนมากมายใจหายวาบ ร่างกายกำลังสั่นเทิ้ม ถูกหมัดนี้ทำให้สยดสยอง
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้หยุดฝีเท้า สีหน้าสงบนิ่งจนน่ากลัว
“เทพมารหลิน นี่เจ้ารนหาที่ตาย จะต้องถูกจัดการแน่!” มีคนไม่พอใจที่ถูกหลินสวินบุกเข้าตำหนักเพลิงเทพแห่งเช่นนี้ จึงร้องตะโกนข่มขู่
ตูม!
หลินสวินโบกเสื้อแขนหนึ่งครา ธารดาราแถบหนึ่งกระจายตัวออกไปในห้วงอากาศ ดาวดวงใหญ่ดวงแล้วดวงเล่าระเบิดตัวแผดเผาอยู่ในนั้น บังเกิดพลังล้างผลาญอันน่าสะพรึงไร้ที่สิ้นสุด
เพียงชั่วพริบตาผู้ที่แหกปากคนนั้นก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน แถมผู้ฝึกปราณแถวนั้นก็โดนลูกหลง พลอยถูกธารดาราหลอมเพลิงหอบม้วนปกคลุมไปด้วย ถูกเผาตายทั้งเป็น!
ธารดาราหลอมเพลิง!
เป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดของวิชามรรคชั้นยอดนี้ก็คือการโจมตีแบบกลุ่ม พลังทำลายล้างน่าตกใจนัก
จนบัดนี้ผู้ฝึกปราณที่เหลืออยู่พวกนั้นต่างหวาดผวา ไม่กล้าก้าวขึ้นมาทิ้งชีวิตอีก ทั้งหมดล้วนถูกอานุภาพเข่นฆ่านองเลือดระดับนั้นของหลินสวินทำให้ขวัญผวา
เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของหลินสวิน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่เคยเห็นเองกับตา ก่อนหน้านี้ยังถือดีว่าเป็นผู้สืบทอดของสำนักโบราณ หมายจะเข้าไปขัดขวาง
แต่ยามนี้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ลำพังแค่พลังต่อสู้ของพวกเขาก็เหมือนตั๊กแตนขวางรถ ปาไข่ใส่ศิลาชัดๆ!
ประตูบานใหญ่ตำหนักเพลิงเทพปิดสนิท
ขณะที่เดินผ่านรูปปั้นทองแดงกวางเขียวกระเรียนขาวหน้าตำหนักคู่นั้น หลินสวินพลันสัมผัสได้ถึงพลังต้องห้ามไร้รูปวูบหนึ่งพาดขวางอยู่ตรงหน้า หมายจะขวางไม่ให้เขาเข้าไป
นี่คือบททดสอบอย่างหนึ่ง!
ผู้สืบทอดสำนักโบราณที่อยู่ข้างนอกพวกนั้นต่างรู้ดี มีแต่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปข้างในได้
แต่ว่า นี่ย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรงหลินสวินอยู่แล้ว
ตูม!
ฝีเท้าที่ก้าวย่างอยู่ของหลินสวินชะงักเล็กน้อยก่อนจะย่ำเท้าก้าวเข้าไป เมื่อก้าวเท้าข้ามไป พลังต้องห้ามไร้รูปนั้นก็พังทลายโดยทันที!
พร้อมกันนั้นประตูบานใหญ่ตำหนักเพลิงเทพที่ปิดสนิทก็เปิดออกอย่างเงียบๆ
สวบ!
หลินสวินหายตัวเข้าไปข้างในโดยไร้ข้อกังขาใดๆ
ผู้ฝึกปราณที่อยู่นอกตำหนักพวกนั้นเห็นเช่นนี้ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ภายในใจถูกความหวาดผวาที่ควบคุมไม่อยู่กลบมิด
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นเองกับตาว่ามียักษ์ใหญ่ยอดมกุฎคนแล้วคนเล่าเข้าไปในตำหนักเพลิงเทพ แต่ทุกคนล้วนเปลืองแรงไปไม่น้อย น้อยคนนักที่จะผ่อนคลายแบบหลินสวิน!
ประตูใหญ่ตำหนักเพลิงเทพปิดสนิทอย่างไร้สุ้มเสียง
หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
เพราะทันทีที่เข้าไปเขาก็ถูกโจมตี
นั่นคือทวนวงเดือนสีครามเล่มหนึ่งฟันลงมา ปรากฏน้ำตกอสนีบาตเจิดจ้า
การฟันครั้งนี้กลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของอีกฝ่าย เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสั่งสมพลังไว้นานแล้วแค่รอให้หลินสวินเข้ามา อสนีบาตและสายฟ้าเหล่านั้นกร้าวแกร่งและว่องไวยิ่ง
หากเปลี่ยนเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่น ภายใต้การโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว หากไม่ตายก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่หลินสวินกลับสงบนิ่งไม่ไหวติง กำหมัดแล้วกระแทกออกไปเบาๆ
การโจมตีนี้แผ่วเบาไม่มีกลิ่นอายรุนแรงใดๆ แต่ตอนที่กระแทกโดนทวนวงเดือน บนหมัดนั้นพลันสาดพลังมหาศาลแห่งการทำลายล้างออกมา
เคร้ง!
เสียงปะทะน่าสะพรึงสะเทือนจนหูจะหนวกดังก้องขึ้น เพียงแค่การโจมตีเบาๆ หนึ่งครั้ง แต่ทวนวงเดือนสีครามเล่มนั้นกลับบิดงอสุดแรง คล้ายทนรับการปะทะเช่นนี้ไม่ไหว
จากนั้นเป็นเสียงดังปึง เงาร่างที่ถือทวนวงเดือนนั้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด ถูกซัดสะเทือนจนลอยคว้างออกไป
เมื่อมองดีๆ แล้วเจ้าของทวนวงเดือนนั้นก็คือผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรคนหนึ่ง ผมดำคิ้วขาว ดวงตาเย็นชาราวกับคมดาบ กำยำล่ำสันอย่างที่สุด
เพียงแต่เวลานี้เขากลับทำหน้าตกใจ สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเขียวเดี๋ยวซีดขาว คล้ายไม่อยากเชื่อว่ากระบวนท่าที่ตนสั่งสมพลังมานานจะถึงกับถูกกำจัดอย่างง่ายดายเช่นนี้
หนำซ้ำหากไม่เบี่ยงหลบทันเวลา ก็เกือบถูกโจมตีบาดเจ็บด้วย!
“หนอยเทพมารหลิน ไม่เสียทีที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างขอบเขตมกุฎ” ชายหนุ่มคิ้วขาวสีหน้าอึมครึม
หลินสวินไม่ได้สนใจเขา สายตาและจิตรับรู้ของเขาแผ่ครอบทั่วลานทันที
ภายในตำหนักนี้กว้างใหญ่อย่างยิ่ง ใหญ่โตจนเหมือนฟ้าดินเล็กๆ แห่งหนึ่ง ชายคาประหนึ่งม่านฟ้า สูงลิ่วอย่างที่สุด ประดับประดาด้วยมุกแดงเพลิงเม็ดแล้วเม็ดเล่าราวกับดวงดาวส่องแสงมากมาย
เสาทองแดงมหึมาแต่ละต้นตั้งตระหง่านในตำหนัก รวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยแปดต้น แต่ละต้นล้วนแกะสลักลวดลายโบราณ มีวิหคบุปผามัจฉาแมลง สุริยันจันทราภูผาธารา พิธีเซ่นสรวงบรรพบุรุษ…
ยืนอยู่ตรงหน้าเสาทองแดงก็ตัวเล็กราวกับมด
จะเห็นได้ว่าตำหนักแห่งนี้กว้างใหญ่แค่ไหน เหมือนกับวังสวรรค์ในตำนานอย่างไรอย่างนั้น!
เวลานี้เบื้องหน้าตำหนักใหญ่มีเงาร่างหลายสิบสายครองพื้นที่แต่ละฝั่ง มาจากขุมอำนาจแตกต่างกัน มีทั้งแสงทองไหลเวียนทั่วร่าง มีทั้งแสงเงินพร่าเลือน และมีทั้งเรือนผมยาวสีม่วง
แต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ทว่าบุคลิกของทุกคนล้วนน่ากลัวไร้ใดเปรียบ ราวกับเทพไท้หลากหลายองค์ยืนอยู่ตรงนั้น ลำพังแค่อานุภาพที่แผ่ออกมาก็พาให้ผู้คนหายใจไม่ออกแล้ว
เพียงชั่วพริบตา หลินสวินก็มองเห็นอูหลิงเฟยองค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทอง ธิดาเทพหลิงหวาสัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งสำนักยุทธ์นครนิล และ เหลียงเซวี่ยอิ๋นแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูร
นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มผมสีเทาสะพายคันธนูยาวกระดูกสัตว์คนหนึ่ง รวมถึงชายหญิงคนอื่นๆ อีกส่วนหนึ่ง บุคลิกล้วนไม่ด้อยไปกว่าคนอื่นๆ ในที่นั้น
“เทพมารหลิน หึๆ เจ้าถึงกับกล้ามาที่นี่คนเดียวหรือ” อูหลิงเฟยหัวเราะอย่างอ่อนโยน ในดวงตามีประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลวน
“แค่แจ้นมาตายเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ” ชายหนุ่มหน้าตาแปลกประหลาด มีเรือนผมสีม่วงคนหนึ่งยิ้มเยาะ เขาสวมชุดศึกสีเงิน สองมือไพล่หลัง มองสำรวจหลินสวินอย่างไม่แยแส
หลินสวินยังคงไม่สนใจเช่นเคย
สายตาของเขาเวลานี้มองไปในส่วนลึกของตำหนักใหญ่
ตรงนั้นเจ้าคางคกเลือดไหลท่วมตัว ผมเผ้ารุงรัง ร่างกายซวนเซโงนเงนคล้ายจวนจะยืนหยัดไม่อยู่
ร่างกำยำดั่งภูเขาของอาหลู่ขวางอยู่ตรงหน้าเจ้าคางคก เพียงแต่สภาพของเขาก็อนาถพอกัน บนร่างกายบึกบึนดั่งหินผาเต็มไปด้วยบาดแผลที่มีเลือดโซม เลือดสดๆ ไหลอาบ รวมตัวกันเป็นแอ่งเลือดอยู่แทบเท้าเขา
พริบตานี้นัยน์ดำของหลินสวินหดรัด ทุกอณูบนผิวหนังคล้ายกำลังลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ เขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าทั้งคู่จะตกอยู่ในอันตราย
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะบาดเจ็บจนเป็นสภาพนี้!
เพลิงโทสะที่ไม่เคยมีมาก่อนพลุ่งพล่านสุมอก สีหน้าหลินสวินกลับสงบนิ่งขึ้นทุกที นี่หมายความว่าเขาเดือดดาลเกินจำกัดไปแล้ว
“แม่งเอ๊ย! หลินสวินขืนเจ้ายังไม่มาอีก ข้าคงตายหยังเขียดเท่านั้นแล้ว” เจ้าคางคกตะโกนลั่น เพียงแต่เขาบาดเจ็บสาหัส ทันทีที่เปิดปากก็ไออย่างรุนแรง ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรียบนั่นเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด
“พี่ใหญ่!” อาหลู่ก็ตื่นเต้นอย่างที่สุด ร้องคำราม “ช่วยข้าสักเรื่องได้หรือไม่”
“เจ้าว่ามา”
หลินสวินสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฝืนข่มความเดือดดาลภายในใจเอาไว้ เพียงแต่มือสองข้างของเขาเริ่มสั่นน้อยๆ นี่คือสัญญาณเตือนว่าจวนจะควบคุมไอสังหารในใจไม่ไหวแล้ว
“ฆ่าพวกมันให้เรียบ!”
อาหลู่เอ่ยเน้นทีละคำ กัดฟันกรอด เผยความเคียดแค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
——