ตอนที่ 2,445 : รวบรัดหมดจด!
“อาศัยพวกเจ้า…มีคุณสมบัติให้พวกเราถอยหนี?”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน สายตาเฉยเมยต้วนหลิงเทียนเบนไปตกยังร่างชายวัยกลางคน ค่อยเอ่ยขึ้นพลางยกยิ้มแสยะดูแคลนที่มุมปาก…
กระทั่งวาจายังไม่ขาดความเสียดสี!
อาศัยพวกเจ้า…
มีคุณสมบัติให้พวกเราถอยหนี?
เรื่องนี้ไม่ได้พูดกับแค่ชายวัยกลางคนที่คิดลงมือเข่นฆ่าเขากับจางยี่และหานเฉวี่ยไน่เท่านั้น เรียกว่าเป็นการกล่าววาจากับเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหมด!
ต้องบอกเลยว่าวาจาประโยคนี้ช่างอหังการนัก!
อย่างน้อยๆทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายที่ดึงสติกลับมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่น้อย มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับพวกตาขวาง!
ยิ่งไปกว่านั้นทั่วร่างยังเริ่มปรากฏไอพลังน่ากลัวเอ่อล้นออกมาปานเพลิงไฟ!
“ไอ้หนูปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ดูเหมือนเจ้าหากไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตาสินะ?!”
ทันใดนั้นเซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหว มันเลือกจะลงมือเข่นฆ่าสังหารออกมาทันที คนคล้ายกลับกลายเป็นมังกรพิโรธโจนทะยานออกไปอย่างดุร้าย สองตามองเพ่งไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง!
และเซียนอมตะเสเพลที่ลงมือผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่พูดว่าต้วนหลิงเทียนพาทุกคนมาหาที่ตาย!
ขณะเดียวกันมันก็เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!
“เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์…”
เมื่อชายวัยกลางคนปะทุพลังลงมือป้อนกระบวนท่าสังหาร เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่ปิดล้อมอยู่ย่อมสัมผัสได้ถึงระดับพลังของมันทันที
อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนอมตะเสเพลเหล่านี้ไม่ได้แปลกใจอะไรทั้งสิ้น
เพราะสุดท้ายแล้วเซียนอมตะเสเพลที่ยังคงเฝ้ารอมาถึงวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเซียนอมตะเสเพลอันทรงพลังทั้งนั้น ที่อ่อนแอที่สุดก็คือเซียนอมตะเสเพล 6ทัณฑ์!
ดังนั้นจึงไม่มีใครแปลกใจที่เห็นชายวัยกลางคนระเบิดพลังขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ออกมา
ต้องทราบด้วยว่าในบรรดาเซียนอมตะเสเพลที่ปิดล้อมพวกต้วนหลิงเทียนอยู่ ไม่ได้มีเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์แค่คนเดียว!
ปง! ปง! ปง! ปง!
……
เสียงอากาศระเบิดดังสนั่นลั่นฟ้า ชายวัยกลางคนที่โจนทะยานมาปานมังกรพิโรธพลันยกหมัดขึ้นชกออกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าเล็งมาทางต้วนหลิงเทียน ทันใดนั้นมวลพลังขุมหนึ่งคล้ายหลอมรวมฟ้าดิน ผนึกควบก่อเกิดหมัดพลังพุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้ามาทางต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน!”
ทันทีที่ร่างชายวัยกลางคนอันตรธานหายไปจากสายตา หานเฉวี่ยไน่พลันสัมผัสได้ถึงสายลมอันวิปริตแปรปรวนได้ชัด! อีกทั้งคลื่นลมแรงหนึ่งกำลังพุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอัศจรรย์!!
ตระหนักได้ดังกล่าว หานเฉวี่ยไน่ย่อมทราบได้ทันทีว่าสมควรเป็นชายวัยกลางคนกำลังจู่โจมเล่นงานพี่ใหญ่ของนาง!
ถึงแม้นางจะมั่นใจในตัวพี่ใหญ่ แต่ใจหานเฉวี่ยไน่ก็อดเต้นไปไม่เป็นจังหวะด้วยความหวาดกลัว
“พลังของชายวัยกลางคนนั่น เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เซียนอมตะเสเพล 4 – 5 ทัณฑ์!”
จางยี่ก็สัมผัสได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนหาได้ง่ายดายไม่
ส่วนเซียนอมตะเสเพลรอบๆทั้งหลายก็ไม่มีใครคิดจะห้ามปรามหรือหยุดยั้งชายวัยกลางคนที่กำลังคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนสักคน
และเหตุผลที่พวกมันไม่คิดหยุดนั้น
ประการแรกเพราะวาจาเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนทำให้พวกมันมีน้ำโห
ประการที่สองต่อให้ชายวัยกลางคนฆ่าต้วนหลิงเทียนได้จริง แต่ต่อหน้าพวกมันก็อย่าได้หวังคิดหยิบชิ้นปลามันอย่างยอดสมบัติสวรรค์หนีไปได้
“ปฐมเวทย์กลืนกิน”
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนปะทุพลังออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนแต่แรก
เขาดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินปริมาณมหาศาลต่อหน้าต่อตาทุกคน
การใช้ปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ หากเป็นพวกจางยี่หรือหานเฉวี่ยไน่นั้นย่อมไม่อาจมองเห็นกระบวนการใดๆได้ทัน จะรู้ก็แค่อยู่ๆพลังวิญญาณฟ้าดินหายสาบสูญไปเท่านั้น
ทว่าเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายที่ปิดล้อมอยู่ ย่อมมองเห็นกระบวนการสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินของต้วนหลิงเทียนชัดถนัดตา!
‘ช่างเป็นเวทย์พลังสนับสนุนที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้!’
ภายในใจของเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เรียกว่าพากันตกตะลึงไม่น้อย!
เพราะในอดีตแม้พวกมันจะเคยเห็นเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกผ่านตากันมาอยู่บ้าง หากแต่พลังอำนาจของเวทย์พลังสนับสนุนที่พวกมันเคยเห็น ต่างอ่อนด้อยกว่าเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกมามาก!
วินาทีต่อมาทุกสายตาพลันเห็นว่า ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบหยิบกระบี่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และทันทีที่ถ่ายทอดพลังลงไป ใบกระบี่แต่เดิมที่ใสปานผลึกแก้วบัดนี้มันส่องแสงสว่างออกมาอย่างงดงาม พาลให้สองตาทั้งหลายลุกวาวขึ้นมาทันที!
“กระบี่เซียนอมตะ!”
เพียงเพราะทั้งหมดมองออกได้ทันทีว่านั่นคือยอดสมบัติสวรรค์!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
หมัดพลังของชายวัยกลางคนพุ่งจี้เข้ามาทุกขณะ!ยามมันแหวกฟ้าผ่าอากาศหมายถล่มซัดระเบิดร่างต้วนหลิงเทียนสภาวะประหนึ่งอุกกาบาตถล่มโลกก็ไม่ปาน ฟังจากเสียงที่ดังขึ้นลั่นฟ้า ยังรุนแรงไม่ต่างใดจากห่าพิรุณกระหน่ำเท! เห็นชัดว่าชายวัยกลางคนไม่คิดออมรั้งยั้งมือแม้แต่น้อย!
หมัดพลังเปล่งแสงสว่างจ้า ผ่านพ้นไปที่ใดคงเหลือไว้แต่คลื่นพลังขู่ขวัญ!
จังหวะนี้…
เหล่าเซียนอมตะเสเพลคนอื่นๆที่ปิดล้อมพวกต้วนหลิงเทียนอยู่ก็ตระหนักได้ทันที ว่าชายวัยกลางคนลงมือด้วยอำมหิตไร้ปราณีแล้ว…ถึงขั้นใช้ออกด้วยทุกสิ่งอย่างไม่คิดออมรั้ง!
ดูท่ามันคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายทันที!!
“ใจกระบี่เหิน”
“13 กระบี่บงกชฟ้า”
เผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนที่ปะทุพลังทั้งหมดยิงหมัดเข่นฆ่าสังหารเข้ามา สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีเล็กน้อย ทันใดนั้นเองมวลพลังทั่วร่างพลันปะทุออกปานจุดระเบิดผนึกควบลงสู่ตัวกระบี่ พร้อมสำแดงเวทย์พลังจู่โจมออกไปทันที
ฟั่ฟฟฟ!!
เสียงหอนของกระบี่ที่พุ่งแหวกฟ้าไปด้วยความฉับไวราวประกายแสงสายหนึ่ง ทำให้เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายถึงกับอดชักสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาไม่ได้!
เพราะกระบี่เซียนอมตะในมือต้วนหลิงเทียน คล้ายมีพลังอันลี้ลับดั่งมือแห่งทวยเทพคอยนำพา มันแหวกทะลวงอากาศไปด้วยความเร็วเหนือล้ำ ราวกับเข่นฆ่าสังหารได้แม้ศัตรูห่างออกไปนับพันลี้!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ ฟุ่ฟฟฟฟฟ!!
…
ทันใดนั้นสรุเสียงฉับไวชุดหนึ่งพลันดังขึ้น
เรียกว่าหลังจากเสียงหอนของกระบี่แหวกฟ้าคราแรกแล้ว อยู่ๆก็ปรากฏเสียงกระบี่ตัวดฟันอากาศฉับไวดังขึ้นอีกหลายครั้ง
เหล่าตัวตนเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มีโสตประสาทรับฟังยอดเยี่ยมที่สุดหยีตาลงโดยพลัน พวกมันฟังออกว่านี่เป็นเสียงตวัดกระบี่ด้วยความเร็วสูง กระทั่งยังตวัดออกไปหลายกระบี่ในชั่วพริบตา!!
สำหรับเซียนอมตะเสเพลที่อ่อนด้อยกว่านั้น พวกมันไม่อาจจำแนกได้ออกว่าเป็นเสียงที่ดังขึ้นซ้อนทับกันหลายครั้ง ในหูเพียงได้ยินเสียงกระบี่แหวกอากาศพุ่งไปเท่านั้น…
ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่า ยามต้วนหลิงเทียนใช้กระบวนท่าออกไป มีเพียงเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เท่านั้น ที่พอจะมองเห็นเงากระบี่ของเขาได้คร่าวๆ!
กระบี่เซียนอมตะที่พุ่งแหวกฟ้าไปฉับไว อยู่ๆก็ตวัดกระบี่ยิงรังสีกระบี่ออกมาสายหนึ่ง
และพริบตาต่อจากนั้นมันก็ตวัดกระบี่ยิงส่งรังสีกระบี่ออกไปอีกหลายชุดติดต่อ กระทั่งพวกมันยังไม่อาจมองได้ทันว่าที่แท้เป็นการตวัดกระบี่กี่ครากันแน่!!
แต่เป็นธรรมดาว่าถึงแม้พวกมันจะไม่อาจมองได้ออก แต่พวกมันมั่นใจได้เรื่องหนึ่งก็คือ…
กระบี่เซียนอมตะได้ตวัดซัดรังสีกระบี่ออกไปไม่ต่ำกว่า 5 กระบวนท่า!
“นิ…นี่มันเวทย์พลังหรือวรยุทธ์เซียนอมตะกันแน่?!”
เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเห็นก็แต่เพียงรังสีกระบี่หลายสาย พุ่งเข่นฆ่าสังหารนำกระบี่ที่เหินบินมาด้วยพลังสภาวะทะลวงเจาะอันน่าพรั่นพรึงเท่านั้น!
และพริบตาที่จะปะทะกับหมัดพลังกระบี่เซียนอมตะที่พุ่งตามหลังรังสีพลัง ก็รังสีกระบี่หลายสายที่ว่าผสานหลอมรมเป็นหนึ่ง ก่อเกิดเป็นหนึ่งรังสีกระบี่อันมากล้นไปด้วยพลังอำนาจน่าพรั่นพรึง!
ฟุ่ฟฟฟฟ!!
เสียงหอนของกระบี่ดังขึ้นอีกครา
และเสียงหอนของกระบี่ครานี้มันดังสนั่นลั่นยิ่งกว่าครั้งใด ราวกับจะทะลวงแก้วหูผู้คนให้ทะลุได้โดยง่าย!
ในห้วงเวลาพริบตานั้นรังสีกระบี่ที่รวมเป็นหนึ่ง ก็ได้พุ่งทะลวงความว่างเปล่าไปด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง!
ปงงง!!
และรังสีกระบี่ที่ว่าประหนึ่งปากกระหายเลือดของอสูรกายดึกดำบรรพ์ก็ไม่ปาน มันกลืนหมัดพลังชั่วชีวิตของชายวัยกลางคนจนหายไปได้อย่างง่ายดาย!!
“ปะ..เป็นไปไม่ได้!!”
จนเมื่อหมัดพลังที่อัดแน่นไปด้วยพลังชั่วชีวิตจนมีสภาวะประหนึ่งอุกกาบาตถล่มโลกถูกพลังกระบี่กลืนหายไปหมดสิ้นแล้ว ชายวัยกลางคนค่อยคืนสติ ตอนนี้สีหน้าแววตาของมันแตกตื่นทั้งไม่อยากจะเชื่อ สภาวะร่างที่พุ่งโจนทะยานตามพลังหมัดกลายเป็นอ่อนโทรมลงทันใด
สึบบบบ!!
ทว่าทันใดนั้นเองประหนึ่งภูตผีบังตาก็ไม่ปาน กระบี่เล่มหนึ่งไม่ทราบผุดโผล่ขึ้นมาตรงหน้าของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่วินาทีสุดท้ายของมัน รู้สึกเสมือนกระบี่เล่มนี้เป็นดั่งสว่านเจาะทะลวงที่ร้ายกาจที่สุดในโลกหล้า ชำแรกหว่างคิ้วทะลุหลังหัวของมันไปก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด
พรูด!
โลหิตพุ่งทะลักออกมาเป็นสาย ก่อนที่ร่วงไปสักพักก็เริ่มสลายเป็นละอองพลังหายไปในสวรรค์และโลก
ชายวัยกลางคนที่ร่างสะท้านไปกลางหาวบัดนี้สองตากลายเป็นไร้ประกาย ร่างที่ควบรวมสร้างจากพลังวิญญาณร่วงตกจากฟ้า ก่อนจะแตกสลายเป็นละอองแสงหายสาบสูญไปในสวรรค์และโลกปานธุลีต้องลม…
ตายคาที่!
และแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนถูกฆ่าตายตก
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
เหล่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ทั้งหลายไม่เว้นจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่พากันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
ครู่ต่อมาพอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตายังทำเหมือนมองดูสัตว์ประหลาด!
เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนกลับตกตายอย่างไร้หนทางต่อต้าน?
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…กลับแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้! ดูเหมือนว่าการปิดด่านคราวนี้จะทำให้พลังฝีมือของพี่ใหญ่เพิ่มพูนขึ้นไปอย่างมาก!!”
ถึงแม้ก่อนหน้าหานเฉวี่ยไน่จะรู้สึกคลุมเครือว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง สมควรจัดการเซียนอมตะเสเพลเหล่านี้ได้!
แต่พอมาเห็นด้วยสองตาตัวเอง นางก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกตกใจ
“น้องหลิงเทียน…พึ่งใช้ 13 กระบี่บงกชฟ้างั้นเหรอ!?”
แม้จางยี่จะไม่อาจแลเห็นได้แม้แต่เงากระบี่สักท่า แต่มันยังได้ยินเสียงของกระบี่ดังขึ้นชัดเจน และให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรจากความรู้สึกตอนได้ชมดู 13กระบี่บงกชฟ้าในแผ่นศิลาเลย!
“มัน…มันฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์งั้นเหรอ?!”
“นี่มัน…อายุไม่ถึงร้อยปีแน่หรือไร มันเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะจริงๆ?”
“นี่มันจะไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือ ครึ่งก้าวเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อยปีแต่ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ที่ลงมือเต็มกำลังได้ในการลงมือครั้งเดียว?”
…
เมื่อเหล่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง นอกจากความตกใจและไม่อยากจะเชื่อที่ฉายชัดบนสีหน้าแววตาแล้ว ก็มีแต่ความหวาดกลัวเท่านั้น
ที่แท้เป็นพวกมันดูเบาต้วนหลิงเทียนเกินไป!
เพราะสุดท้ายแล้วครึ่งก้าวเซียนอมตะที่อายุไม่ถึงร้อยปีมันจะแน่ได้สักแค่ไหน?
ทว่าความจริงที่อุบัติขึ้นตรงหน้าในทันทีทันใดคล้ายเรื่องตลกฉากใหญ่…ชายหนุ่มอายุไม่ถึงร้อยปีผู้นี้ มิคาดหลังออกจากสมบัติสถานระดับสวรรค์กลับเผยพลังอำนาจมากพอจะเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 6ทัณฑ์ได้อย่างรวบรัดหมดจด!
พวกมันลองถามตัวเองดูก็ตอบได้เต็มปาก ว่าหากเอาพวกมันไปแทนชายวัยกลางคนที่พึ่งตกตายไปเมื่อครู่จะเป็นอย่างไร…เห็นทีคงถูกส่งไปเมืองผีดุจเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน!
“อาศัยกระบวนท่าจู่โจมของมันที่สำแดงออก…พลังของมันก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าแล้ว”
และนี่คือเสียงในใจของเหล่าเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ที่ชมดูเรื่องราวอยู่รอบๆ
หนึ่งกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก มากพอจะทำให้พวกมันตระหนักถึงถัยคุกคาม!
“ตอนนี้…พวกเจ้ายังคิดว่ามีคุณสมบัติให้พวกเราต้องถอยหนีอยู่อีกหรือไม่?”
หลังเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ ทั้งรับกระบี่ที่วกกลับมาเข้ามือแล้ว ต้วนหลิงเทียนเพียงคอนกระบี่ชี้ลงข้างตัว สองตากวาดมองไปทางเหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบด้วยความเฉยเมย กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
เหล่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ทั้งหลายเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมองมา พวกมันก็พากันก้มหน้าหลบต้วนหลิงเทียนทันที
มีเพียงเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ที่ขวัญกล้าเท่านั้นถึงมองสบตากับต้วนหลิงเทียนอย่างไม่เกรงกลัว
เพราะสุดท้ายแล้วในสายตาของพวกมัน ที่นี่อย่างไรก็ยังมีเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์อีกหลายคน หรือต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญารับมือการกลุ้มรุม?
“ฮึ่ม!”
และตอนนี้เองชายชราที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์คนหนึ่งพลันพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น
มันคืออาวุโสฉีของเหอร่วนที่ตกตายด้วยน้ำมือจางยี่ในโถงพระราชวังใต้ดิน
และมันก็เป็นคนที่เรียกม่านแสงสะท้อนลักษณ์ออกมา ให้เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายได้รู้ความเป็นไปในพระราชวังใต้ดิน จนทำให้ทั้งหมดพบว่า…
พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ยังคงอยู่ในพระราชวังใต้ดิน!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนทั้งหมดเฝ้ารออยู่ไม่ไปไหน
“แล้วเจ้าคิดว่า…อาศัยพลังที่เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของเจ้าคนเดียว สามารถรอดพ้นไปภายใต้จมูกของพวกเราได้งั้นรึ?”
ชายชรามองไปทางต้วนหลิงเทียนพลางกล่าววออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น