บทที่ 756
แล้วเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังร้อนรุ่มในใจ มือทั้งสองข้างก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ไหน ได้แต่จับปลายนิ้วตัวเองเล่นไปมา
เย่เฉินก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า หนุ่มสาววัยกลางคนทั้ง2คนนี้ จะต้องมีความทรงจำอะไรสักอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการ “ทำกับข้าว” หรือไม่ก็ “การกลับบ้านไปด้วยกัน”
พอลก็เห็นเหมือนกันว่า มันชักจะแหลกๆ แต่เขาก็ไม่อาจจะเสียมารยาทพูดอะไรออกมา ก็เลยได้แต่พูดกับเย่เฉินว่า “คุณเย่ครับ พวกเราไปที่ห้องอาหารกันก่อนเถอะ”
พูดไป เขาก็พูดกับหานเหม่ยฉิงว่า “แม่ครับ แม่นั่งเครื่องบินมา10กว่าชั่วโมงแล้ว คงจะเหนื่อยมาก ถ้าแม่จะคุยกับคุณอาเซียวล่ะก็ ก็เข้าไปนั่งคุยในห้องอาหารเถอะครับ”
หานเหม่ยฉิงก็เพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้ เมื่อครู่ที่เธอคิดนั้น ก็เป็นเรื่องในอดีตกับเซียวฉางควน รวมไปถึงเรื่องราวครั้งแรกที่เธอทำกับเซียวฉางควน
เธอที่มีอายุเข้าใกล้50แล้ว อยู่ดีๆ หน้าก็แดงขึ้นมา แล้วก็รีบพูดกับลูกชายว่า “เอ้อใช่ๆ ดูสิพวกเราเลอะเลือนกันไปหมดแล้ว รีบไปนั่งคุยกันข้างในห้องอาหารเถอะ!”
เซียวฉางควนก็รีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “ใช่ๆๆ พวกเราไปนั่งในห้องอาหารเถอะ ต้องโทษผมเอง ที่มัวแต่จะคุย ถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้”
เย่เฉินก็ส่ายๆ หัว ถึงขั้นถอนหายใจในใจ ดูเหมือนว่า2คนนี้จะเป็นถ่านไฟเก่าที่การคุขึ้นมาแล้วแน่ๆ !
อีกอย่างยิ่งเป็นถ่านไฟเก่าที่รอกันมา20กว่าปีแล้ว ถ้าให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันล่ะก็ แล้วให้พวกเขาได้มีโอกาสได้ติดไฟกันล่ะก็ เกรงว่าคงจะร้อนรุ่ม เผาไหม้กันเสียจนไหม้เกรียมเป็นแน่……..
……
เย่เฉินก็เดินนำทาง นำทุกคนไปยังโซนอาหารของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
ผู้จัดการของโซนอาหารก็ได้รับคำสั่งมาก่อนแล้ว พอเห็นเย่เฉิน ก็รีบเข้ามาต้อนรับ แล้วถามอย่างเคารพว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นสมาชิกของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงหรือเปล่าครับ? ”
เย่เฉินส่ายหัว แล้วพูดว่า “ผมไม่ใช่สมาชิก แต่ผมให้เพื่อนจองห้องอาหารไว้ให้แล้ว”
ฝั่งนั้นก็รีบถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ? แล้วจองห้องอาหารไว้ห้องไหน? ”
เย่เฉินตอบ “ผมแซ่เย่ แต่ว่าจองห้องไหนไว้ ผมไม่รู้ ผมจองห้องผ่านทางผู้จัดการเฉินของพวกคุณ”
ฝั่งตรงข้ามก็รีบโค้งคำนับ แล้วพูดว่า “ที่แท้คุณก็คือคุณเย่นี่เอง ห้องของคุณ ทางเราได้เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ เชิญตามมาเลย”
เย่เฉินก็ยิ้มๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “ขอบคุณมาก”
ผู้จัดการของโซนอาหารก็พาทั้ง4คนไปยังห้องอาหาร พอลก็ถามเย่เฉินอย่างสงสัยว่า “คุณเย่ครับ คุณรู้จักผู้จัดการทั่วไปเฉินของที่นี่หรือครับ? ”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วยิ้มพูดว่า “รู้จักครับ แต่ไม่สนิท”
พอลก็พูดขึ้นว่า “เหมือนว่าโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง จะเป็นกิจการของตระกูลเย่ในเย่นจิง ผู้จัดการเฉินของที่นี่ ก็คือตัวแทนของตระกูลเย่ในเย่นจิง”
เย่เฉินก็มองพอลอย่างตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าคนอเมริกาคนนี้ จะรู้เรื่องที่นี่เป็นอย่างดี
ก็เลยยิ้มถามเขาไปว่า “คุณพอลคงจะทำการบ้านหาข้อมูลในเมืองจินหลิงไม่น้อยเลยสินะครับ? ”
พอลก็พยักหน้าอย่างใจใหญ่ แล้วพูดว่า “ก่อนที่จะเตรียมย้ายกิจการมาที่จินหลิงนี้ ผมก็เริ่มทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในจินหลิงบ้างแล้ว เพราะบริษัทเป็นน้ำพักน้ำแรงของพ่อ ผมคงไม่ย้ายบริษัทไปยังสภาพแวดล้อมที่ไม่คุนเคย โดยไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย”
เย่เฉินก็ชื่นชมว่า “คุณพอลเป็นคนละเอียดมากครับ เป็นคนมองการณ์ไกล เชื่อว่าจะต้องรุ่งเรืองและโด่งดังในเมืองจินหลิงนี้อย่างแน่นอนครับ”
พอลก็ยิ้มๆ “คุณเย่กล่าวชมเกินไปแล้วครับ”
พูดจบ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วก็มองเย่เฉิน แล้วถามอย่างสงสัยว่า “คุณเย่ครับ คุณแซ่เย่ แถมยังรู้จักผู้จัดการเฉินของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงด้วย หรือว่าคุณจะเป็นคนในตระกูลเย่แห่งเย่นจิง? ”