ตอนที่ 1687 อะไรคือตัดผ่านนิพพาน

Alchemy Emperor of the Divine Dao

‘เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ’

นี่ไม่ใช่คำเชยชมจากคนทั่วไป แต่เป็นคำชมจากปรมาจารย์สามนิพพาน!

หลิงฮันกล่าวตอบกลับไปด้วยท่าทางนอบน้อม “ผู้อาวุโสชมข้าเกินไป”

เม่าไต้หัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว การถ่อมตัวเกินไปก็ไม่ต่างจากการยกตนข่มท่าน”

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “รุ่นเยาว์ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง ในระดับพลังเดียวกัน รุ่นเยาว์ไม่เคยพบเจอใครที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้มาก่อน”

เม่าไต้ชะงักก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังกว่าเดิม “ฮ่าๆๆ เป็นรุ่นเยาว์ที่น่าสนใจจริงๆ” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “รุ่นเยาว์ทั้งหมดที่ข้าเคยพบเจอ มีเพียงเจ้าคนเดียวที่กล้าพูดต่อหน้าข้าเช่นนี้”

“เป็นเพราะผู้อาวุโสดูเป็นมิตร รุ่นเยาว์ถึงได้กล้าพูดออกไปตรงๆ” หลิงฮันกล่าว

เม่าไต้พาดมือไว้ด้านหลังและกล่าว “เดินเล่นเป็นเพื่อนข้าสักครู่”

หลิงฮันก้าวเท้าตามอีกฝ่ายไป แน่นอนว่าเขาไม่ได้เดินแนบข้างเม่าไต้แต่เดินตามจากด้านหลังโดยเว้นระยะเล็กน้อย

“เจ้าทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งด้วยดวงดาราสิบล้านดวง?” จู่ๆเม่าไต้ก็เอ่ยถาม

หลิงฮันลังเลเล็กน้อยแต่ก็กล่าวตอบ “ขอรับ” ท่าทางของเม่าไต้นั้นดูเป็นมิตรที่ไม่ประสงค์ร้ายใดๆ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งด้วยแล้ว ตอบตามจริงไปจะดีเสียกว่า

ร่างของเม่าไต้หยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเดินตามปกติ เขากล่าว “ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจออัจฉริยะที่ขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะของระดับวารีนิรันดร์จนบรรลุขีดกำจัดสูงสุดตัวเป็นๆ หนุ่มน้อย ข้าขอเปลี่ยนคำชมเชอเมื่อครู่ เจ้าไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดาแต่เจ้าเหนือมนุษย์มนาเป็นอย่างมาก!”

หลิงฮันหัวเราะ ในเมื่อเม่าไต้เอ่ยชมขนาดนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวอีกต่อไป เนื้อแท้แล้วเขาเป็นคนที่หยิ่งทะนงเป็นอย่างมาก ในระดับพลังเดียวกัน มีเพียงทายาทของขุมอำนาจระดับสูงอย่างเช่นหูหนิวเท่านั้นถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้

“หนุ่มน้อย เจ้ารู้รึไม่ว่าโลกียะนิพพานคืออะไร?” เม่าไต้เปลี่ยนเรื่องคุย

โลกียะนิพพาน? ไม่ใช่ว่ามันคือการละความรู้สึกทางโลกเพื่อบรรลุเป็นนิรันดร์หรอกรึ?

หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “คือการตัดขาดความรู้สึกที่สำคัญที่สุดของตนเอง”

เม่าไต้พยักหน้าและกล่าว “สวรรค์และปฐพีช่างไม่แยแสและไร้ความเมตตา หากต้องการชีวิตอันเป็นนิรันดร์เราต้องยอมจ่ายค่าตอบแทนที่มีค่าที่สุดเป็นการแลกเปลี่ยน แต่เดิมความรู้สึกที่มีค่าที่สุดของข้าคือความรักที่มีต่อภรรยาและบุตรสาว เพียงแต่หลังจากที่ตัดผ่านนิพพานไปถึงสามครั้ง ตอนนี้ข้าแทบจะไม่รับรู้เลยว่าความรักที่เคยมีให้ภรรยาและบุตรสาวเป็นความรู้สึกอย่างไร”

ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกรักใครสักคนเป็นอย่างมากแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับนึกความรู้สึกที่เคยมีไม่ออก

หลิงฮันเข้าใจแล้วว่าทำไมเจียงอู๋ซางถึงเลือกที่จะยอมทิ้งความหวังในการล้างแค้นแทนที่จะทะลวงผ่านระดับโลกียะนิพพาน นั่นเป็นเพราะหลังจากตัดนิพพานแล้ว อีกฝ่ายจะไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป

“การบรรลุระดับโลกียะนิพพานคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ข้าไม่อาจกลับไปแก้ไขได้” เม่าไต้ถอนหายใจ เขามองไปยังหลิงฮันก่อนจะกล่าว “หนุ่มน้อย เจ้ามีบางอย่างที่สำคัญต่อตัวเจ้าเป็นอย่างมากหรือไม่? สิ่งสำคัญที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากลืมเลือน?”

“ข้ามี!” หลิงฮันพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

จะต้องมีวิธีบรรลุระดับโลกียนิพพานวิธีอื่นอยู่อีกแน่ อย่างเช่นนี้วิธีที่จะตัดความรู้สึกที่เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญออกไป

เม่าไต้มองไปยังหลิงฮันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย “คนส่วนใหญ่คิดว่าหากจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานมีเพียงต้องละทิ้งความรู้สึกทางโลกอย่างเดียว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าไม่จำเสมอไปที่ต้องทำแบบนั้น”

แววตาของหลิงฮันส่องประกายตื่นเต้นขึ้นมาและรีบกล่าวทันที “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ!” เขาด้มโค้งสุดตัว หากเขาสามารถบรรลุระดับโลกียนิพพานได้โดยไม่จำเป็นต้องตัดความรู้สึกทางโลก สำหรับเขาคำชี้แนะของเม่าไต้ในวันนี้จะล้ำค่ายิ่งกว่าทักษะระดับราชานิรันดร์เสียอีก

เท่าไต้หัวเราะก่อนจะกล่าว “การตัดความรู้สึกคือวิธีทั่วไป แต่วิธีสำหรับอัจฉริยะแท้จริงคือการตัดขาดสวรรค์และปฐพี!”

ตัดขาดสวรรค์และปฐพี!

หลิงฮันอ้าปากค้างเล็กน้อย การบรรลุระดับโลกียนิพพานคือการผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และปฐพี หากตัดขาดจากสวรรค์และปฐพีแล้วจะบรรลุระดับโลกียนิพพานได้อย่างไร

เม่าไต้อธิบาย “วิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีคือวิธีที่ข้าพบเห็นมาจากโบราณสถาน ในอดีตมีอัจฉริยะไร้ที่เปรียบใช้วิธีนี้ในการบรรลุระดับโลกียะนิพพาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสวรรค์และปฐพีใช้เพียงพลังของตนเอง ตัวข้าคือสวรรค์ ตัวข้าคือปฐพี สรรพสิ่งตัวข้าเป็นผู้กำหนดแต่เพียงผู้เดียว!”

เมื่อใดยินประโยคสุดท้าย หลิงฮันก็รู้สึกราวกับโลหิตในร่างเดือดพล่าน

“แต่การตัดนิพพานความรู้สึกทางโลกก็ยากราวกับไต่ขึ้นสวรรค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การตัดขาดกับสวรรค์และปฐพีนั้นยากขึ้นไปอีกหลายเท่า” แววตาของเม่าไต่เปลี่ยนเป็นขึงขัง “โอกาสเสียชีวิตจากการพยายามตัดขาดกับสวรรค์และปฐพีเองก็มีมาก”

หลิงฮันเผยสีหน้าหนักแน่นและกล่าว “ขอขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ รุ่นเยาว์ตัดสินใจแล้วว่าจะลองวิธีนี้”

เม่าไต้พยักหน้าและกล่าวต่อ “เจ้าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงข้าจึงไม่ต้องการให้เจ้าให้ทำผิดพลาดเหมือนข้า ข้าหวังให้ข้าก้าวข้ามข้าและทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก! เจ้าที่ทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งด้วยระดับวารีนิรันดร์สมบูรณ์แท้จริงนั้น ต่อให้บรรลุระดับโลกียนิพพานแล้วก็ยังสมควรไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน”

“แต่หากเจ้าทะลวงผ่านระดับโลกียะนิพพานด้วยวิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพี เจ้าจะไม่เพียงไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน แต่จะไร้เทียมทานข้ามระดับ!”

เรื่องเช่นนี้ยากจะจินตนาการถึง เพียงเพิ่งบรรลุเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพานแต่กลับแข็งแกร่งพอที่จะโค่นนิรันดร์สองนิพพาน!

ในดินแดนแห่งเซียนจะมีกี่คนที่ทำได้?

“เท่าที่ข้ารู้ ในบริเวณใกล้เคียงเมืองธุลีจันรทรา มีเขตแดนลี้ลับอยู่เจ็ดแห่งที่สามารถใช้ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้ ในหมู่เขตแดนลี้ลับทั้งเจ็ด หุบเหวสืบสานนิพพานคือสถานที่ที่ใกล้จะเปิดออกเร็วที่สุดและมีอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีหนาแน่นที่สุด จากการคำนวณของข้าที่นั่นมีพลังอำนาจรุนแรงพอที่จะช่วยเจ้าตัดขาดสวรรค์และปฐพีได้สำเร็จ”

“เพียงแต่เวลาที่หุบเหวสืบสานนิพพานจะเปิดนั้นคืออีกสองปีข้างหน้า เวลาแค่นี้คงไม่เพียงพอที่เจ้าจะบรรลุเป็นราชาเซียนสูงสุดได้ทัน”

“และเวลาที่หุบเหวสืบสานนิพพานจะเปิดในครั้งต่อไปคืออีกสิบล้านปี”

เม่าไต้ส่ายหัวเสียดาย หากต้องการตัดขาดสวรรค์และปฐพี สิ่งจำเป็นคืออำนาจของสวรรค์และปฐพีที่หนาแน่นซึ่งมีเพียงที่หุบเหวสืบสานนิพพานเท่านั้น

“แต่จะอย่างไรดินแดนแห่งเซียนก็กว้างใหญ่ไพศาล เอาไว้หลังจากบรรลุระดับสร้างสรรพสูงสุด เจ้าค่อยออกตามหาเขตแดนลี้ลับสำหรับบรรลุระดับโลกียนิพพานที่มีพลังหนาแน่นเทียบเท่าหุบเหวสืบสานนิพพานก็ได้”

หลิงฮันกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอย่างสุภาพอีกครั้ง สำหรับหลิงฮันข้อมูลนี้มีประโยชน์และล้ำค่ามาก มันสามารถช่วยแก้ปัญหาที่เขาคิดไม่ตกได้พอดี

“ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว” เม่าไต่สะบัดมือก่อนจะกล่าวทิ้งท้าย “หากเจ้าพบเจอปัญหาใดก็มาหาข้าได้”

ประโยคทิ้งท้ายนี้แสดงให้เห็นว่าเม่าไต้ประเมินหลิงฮันเอาไว้สูงขนาดไหน

หลิงฮันโค้งคำนับ แม้อีกฝ่ายจะกล่าวเช่นนั้นแต่หลิงฮันก็ไม่คิดจะรบกวนเม่าไต้เมื่อพบเจอปัญหา

การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นนั้นสมควรทำตอนตกอยู่ในวิกฤติที่เข้าตาจนอย่างแท้จริงเท่านั้น