ตอนที่ 1688

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันกลับมาเล่าให้จักรพรรดินีฟังซึ่งจักรพรรดิรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ความรู้สึกล้ำค่าที่สุดของนางคือความรักที่มีให้หลิงฮันซึ่งนางไม่ยอมตัดความรู้สึกนี้ไปแน่นอน

การตัดขาดสวรรค์และปฐพีนั้นเป็นไปได้ว่าจะยากลำบากกว่าตัดความรู้สึกของตนเองหลายร้อยเท่า แต่หากทำสำเร็จไม่เพียงแค่นางจะรักษาความรู้สึกที่มีให้หลิงฮันเอาไว้ได้ แต่นางยังจะมีพลังต่อสู้ไร้เทียมทานในระดับโลกียนิพพานอีกด้วย

สถานการณ์ในกองกำลังนั้น เมื่อไม่มีติงหู่อยู่ ชีวิตของหลิงฮันก็สะดวกสบายขึ้น เพียงแต่สมาชิกคนอื่นๆก็ยังไม่สบายใจและรักษาระยะห่างกับเขาอยู่ดี เนื่องจากบางทีในอนาคตพวกเขาอาจจะได้เข้าร่วมกับกองกำลังพยัคฆ์ขาวที่เป็นกองกำลังของตระกูลติง

การฝึกฝนดำเนินต่อไป แต่ในห้าวันต่อมา จู่ๆพวกหลิงฮัน เม่าซูอวี่และคนอื่นๆก็ถูกเรียกตัวพร้อมกัน คนที่ถูกเรียกตัวนั้นนอกจากติงเซี่ยวเฉินแล้ว อีกเก้าคนล้วนแต่เป็นหัวหน้ากลุ่มทุกคน

ล้งเกาเฟยนั่งกวาดสายตามองทั้งสิบคนก่อนจะกล่าว “ที่เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้เพราะข้าต้องการให้พวกเจ้าเข้าร่วมการประลองของกองกำลัง คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าคือกองกำลังมังกรคราม กองกำลังพยัคฆ์ขาวและกองกำลังหงส์เพลิง”

“ถูคัง” ล้งเกาเฟยมองไปยังถูคัง “รายละเอียดที่เหลือเจ้าเป็นหน้าที่ของเจ้า”

“ขอรับ!” ถูคังกล่าวตอบรับอย่างสุภาพก่อนจะอธิบายรายละเอียดการประลอง

ที่แท้เรื่องก็คือเมืองระดับหนึ่งดาวทั้งสองร้อยสามสิบเจ็ดเมืองภายใต้การปกครองของนิกายจันทราหม่นแสงนั้น จะมีการประลองกันทุกๆหลายร้อยหรือพันปี แต่ละเมืองจะส่งตัวแทนสิบคนเดินทางไปเข้าร่วมการประลองยุทธที่จัดขึ้นในเมืองจันทราหม่นแสง ผู้เข้าร่วมประลองจะถูกจำกัดพลังบ่มเพาะเอาไว้ที่ระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น

นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทุกคนต้องการเข้าร่วมกองกำลังธุลีจันรทรา หากทำผลงานในการประลองได้ดีและเข้าตาผู้อาวุโสของนิกายจันทราหม่นแสง พวกเขาก็มีโอกาสได้ย้ายไปอยู่ในเมืองสองดาว และในอนาคตก็ยังมีโอกาสยกระดับได้เข้าร่วมกับตระกูลฟู่ซึ่งเป็นขุมอำนาจในเมืองสามดาวอีกด้วย

แต่เดิมแล้วการคัดเลือกผู้เข้าร่วมการประลองยุทธจะคัดเลือกมาจากกองกำลังทั้งสามอย่างกองกำลังพยัคฆ์ขาว กองกำลังมังกรครามและกองกำลังหงส์เพลิง การคัดเลือกตัวแทนจะเริ่มจากให้สองกองกำลังสู้กันก่อน และกองกำลังที่ชนะจะได้ปะทะตัดสินกับกองกำลังที่สาม

แต่ครั้งนี้เพื่อความยุติธรรม เบื้องบนจึงตัดสินให้เพิ่มกองกำลังเข้าไปอีกหนึ่งให้เป็นการปะทะสองต่อสองก่อนจะไปตัดสินกองกำลังที่ชนะเลิศ แต่ไม่ว่าอย่างไรกองกำลังใดที่ได้สู้กับกองกำลังสำรองอย่างพวกหลิงฮันก็ถือว่าได้เปรียบกว่าอยู่ดี

กองกำลังทั่วไปจะพ่ายแพ้กองกำลังย่อยได้อย่างไร?

แต่หลิงฮันกลับไม่คิดเช่นนั้น บางทีในกองกำลังทั่วไปอาจจะมีอัจฉริยะอยู่บ้าง แต่คนเหล่านั้นจะเทียบกับเขาได้?

น่าเสียดายที่จักรพรรดินีไม่สามารถเข้าร่วมประลองได้ คนที่จะได้ไปประลองคัดเลือกตัวแทนมีเพียงผู้นำกลุ่มสิบคนเท่านั้น

แต่แล้วทำไมติงเซี่ยวเฉินถึงอยู่ที่นี่ได้?

ผู้นำกลุ่มของติงเซี่ยวเฉินบอกว่ารู้สึกอาการไม่ค่อยดี จึงได้ตำแหน่งเข้าร่วมประลองให้แก่เขา

รู้สึกอาการไม่ดีอะไรกัน เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของตระกูลติงไม่ผิดแน่

หากสามารถเอาชนะการประลองในฐานะตัวแทนของเมืองธุลีจันรทราได้ แต่ละคนจะได้รับศิลาดวงดาวร้อยก้อนเป็นรางวัล ยิ่งถ้าได้ตำแหน่งที่สูงในการลองของนิกายจันทราหม่นแสง รางวัลที่ได้รับจะล้ำค่ายิ่งกว่านี้อีก

ตระกูลทั้งสามกล่าวไว้ว่าหากได้อันดับหนึ่งในการประลอง แต่ละคนจะได้รับแร่โลหะกึ่งนิรันดร์หนึ่งดาวเป็นรางวัล!

อย่าได้คิดว่าแร่โลหะกึ่งนิรันดร์หนึ่งดาวนั้นไม่มีค่า กว่าจะได้แร่โลหะกึ่งนิรันดร์หนึ่งดาวต้องผสานรวมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างสมบูรณ์ และคนที่จะผสานได้ก็ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับโลกียนิพพานที่แข็งแกร่ง

ที่สำคัญคือใช่ว่าจอมยุทธระดับโลกียนิพพานทุกคนจะทำได้ จอมยุทธระดับโลกียนิพพานผู้นั้นจะต้องมีฝีมือหลอมสร้างที่เชี่ยวชาญ ด้วยสาเหตุนี้แร่โลหะกึ่งนิรันดร์จึงล้ำค่าเป็นอย่างมาก

ดูตัวอย่างเช่นแม้แต่ติงเซี่ยวเฉินก็ยังรู้สึกโลภและต้องการของรางวัล

แต่คำถามคือพวกเขาจะเอาชนะกองกำลังทั่วไปเพื่อเป็นตัวแทนได้อย่างไร? กองกำลังทั่วไปนั้นฝึกฝนมาก่อนพวกหลายล้านปีและเข้าใจกลยุทธ์การต่อสู้เป็นกลุ่มเป็นอย่างดี อีกฝ่ายสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่แม้จะเป็นการร่วมโจมตีกันสิบคน แต่แล้วพวกเขาล่ะ?

พวกเขาเพิ่งเข้าร่วมกองกำลังได้ไม่กี่วันจะไปฝึกฝนกลยุทธ์อะไรได้? ยิ่งกว่านั้นจอมยุทธที่โดดเด่นในกองกำลังทั่วไป ใครบ้างจะไม่ไร้เทียมทานในระดับสร้างสรรพสิ่ง?

ระดับสร้างสรรพสิ่งนั้น เมื่อควบแน่นดวงดาวได้ถึงหมื่นล้านดวง สะสมปราณก่อเกิดเพียงพอและมีความเข้าใจในระดับพลังอย่างถ่องแท้จะสามารถทะลวงผ่านสู่ระดับโลกียนิพพานได้

แต่ก็แน่นอนว่าหลังจากควบแน่นดวงดาราครบหมื่นล้านดวงแล้วก็ยังควบแน่นดวงดาราเพิ่มขึ้นอีกได้ ก็เหมือนกับระดับวารีนิรันดร์ที่ทะลวงผ่านได้ตั้งแต่ดวงดาราหนึ่งล้านดวงแต่ก็ยังขัดเกลาไปจนถึงดวงดาราสิบล้านดวง เส้นทางที่ยากลำบากนี้มีเพียงอัจฉริยะที่จะสามารถก้าวเดิน

ด้วยเหตุนี้ กองกำลังสำรองเช่นพวกเขาจะเอาชนะกองกำลังที่ฝึกฝนกลยุทธ์และบ่มเพาะพลังมาก่อนแล้วหลายร้อยล้านปีได้อย่างไร?

ติงเซี่ยวเฉินและเม่าซูอวี่ส่ายหัว ทั้งสองไม่คิดว่าจะมีโอกาสชนะแม้แต่น้อย

หลังจากเตรียมเล็กๆน้อย พวกเขาทั้งสิบคนก็ออกเดินทางไปยังค่ายที่พักของกองกำลังหลัก

ถึงแม้กลุ่มของพวกเขาจะเหมือนเข้าร่วมการคัดเลือกพอเป็นพิธี แต่อีกสามกองกำลังไม่ใช่ ทั้งสามกองกำลังเลือกผู้เข้าร่วมประลองอย่างเคร่งครัดเนื่องจากกลุ่มที่จะได้ไปประลองที่นิกายจันทราหม่นแสงนั้นเปรียบเสมือนหน้าตาของเมืองธุลีจันรทรา

การคัดเลือกว่ากองกำลังใดจะถูกเลือกนั้นจะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน ในระหว่างสามวันนี้พวกหลิงฮันทั้งสิบคนได้ปรึกษาวางแผนกันบ้างพอสมควรแม้จะมีความหวังอันริบหรี่ก็ตาม

แต่แค่ระยะเวลาสามวันจะช่วยลับคมอะไรได้?

ยิ่งหลิงฮันกับติงเซี่ยวเฉินมีความขัดแย้งกันอยู่แล้ว การจะใช้กลยุทธ์โจมตีผสานยิ่งไม่ต้องพูดถึง

สามวันต่อมา กลุ่มของพวกเขาเข้าร่วมการประลองคัดเลือกด้วยใบหน้ามืดมน

ทั้งสี่กลุ่มจากสี่กองกำลังจับฉลากตัดสินกลุ่มที่จะต้องสู้ด้วย ผลจับฉลากคือกองกำลังมังกรครามได้ปะทะกับกองกำลังหงส์เพลิง ในขณะที่กองกำลังพยัคฆ์ขาวได้ปะทะกับกองกำลังสำรอง

เมื่อเห็นผลลัพธ์จับฉลาก คนของตระกูลติงและกองกำลังพยัคฆ์ขาวก็หัวเราะชอบใจ ได้ปะทะกับกองกำลังสำรองย่อมหมายถึงพวกเขาเป็นผู้ชนะการประลองคัดเลือกนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากกองกำลังมังกรครามหรือกองกำลังหงส์เพลิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ยอมแพ้ ทั้งสองกองกำลังก็ต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะก็สมควรได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถต่อกรกับกองกำลังพยัคฆ์ขาวได้

การประลองคัดเลือกเช่นนี้ไม่อยู่ในสายตาของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งแต่ก็ยังมีรองแม่ทัพสามคนมาควบคุมสถานการณ์ รองแม่ทัพจากตระกูลติงที่มาคือติงหู่ เขากวาดสายมามองมายังหลิงฮันด้วยจิตสังหารโหดเหี้ยม

เหตุใดนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเช่นเขา ถึงกำจัดจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งตัวจ้อยทิ้งไม่ได้เสียที?

ฮึ่ม หากเจ้าหนูนี่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีหน้าไปพบใครได้อย่างไร?

“เริ่มการประลองได้”

ทั้งสี่กลุ่มขึ้นลานประลองพร้อมกัน แต่ละกลุ่มมีตัวแทนสิบคน กฎของการประลองนั้นง่ายมาก ทั้งสองฝ่ายต้องสู้กันจนในกลุ่มไม่เหลือใครที่สามารถสู้ต่อได้

“พวกข้าขอยอมแพ้” ติงเซี่ยวเฉินกล่าวขึ้นมาทันที ในเมื่อคู่ต่อสู้เป็นกองกำลังที่ถูกปกครองโดยตระกูลติง เขาก็ย่อมต้องการให้กองกำลังพยัคฆ์ขาวได้รับชัยชนะไปด้วยสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด