ได้ยินคำพูดมิสเตอร์ฟูล หัวใจอัลเจอร์พลันสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย มันรู้สึกแบบเดียวกับเมื่อครั้งเคยสวดวิงวอนถึง ‘วายุสลาตัน’ บนเกาะปาซู
ในตอนที่ทักทายเดอะฟูลเมื่อสักครู่ มันไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย ทุกสิ่งดูคล้ายเดิม แต่ในวินาทีนี้ มันตระหนักได้อย่างชัดเจนว่ามิสเตอร์ฟูลเปลี่ยนไป
นี่เป็นความรู้สึกจากสัมผัสวิญญาณที่อัลเจอร์มิอาจอธิบายเป็นถ้อยคำ เพียงรู้สึกว่าบุคคลที่ถูกสายหมอกรายล้อมเบื้องหน้า อัดแน่นไปด้วยความน่าสะพรึงยิ่งกว่าในอดีตนับหมื่นเท่า ประโยคที่ดูเหมือนธรรมดากลับข่มขวัญดวงวิญญาณได้โดยสมบูรณ์
มิสเตอร์ฟูลฟื้นคืนพลังขึ้นมาอีกระดับแล้ว… หลังจากเดอะเวิร์ลเดินทางไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งและช่วยชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ออกมา พลังอำนาจของพระองค์ก็เพิ่มพูน… ตอนนี้เทียบได้กับลำดับ 0 แล้ว? หากไม่ใช่เพราะเส้นทางลูกเรืออ่อนไหวต่อตัวตนระดับสูงเป็นพิเศษ เราคงไม่มีทางตระหนักได้… อัลเจอร์ที่เตรียมจะกล่าวบางสิ่งในตอนแรก หลงลืมทั้งหมดไปในพริบตา
เดอะสตาร์เลียวนาร์ดมองไปรอบตัวและพบว่าสมาชิกคนอื่นยังคงเงียบ จึงชิงกล่าวหยั่งเชิง
“จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้จนถึงปัจจุบัน หน่วยงานของผมสามารถยืนยันได้ว่ามีศึกระหว่างทวยเทพเกิดขึ้นจริง ตัวตนที่ปรากฏเหนือท้องฟ้าสูงของกรุงเบ็คลันด์ในช่วงเวลาดังกล่าวประกอบด้วยเทพธิดารัตติกาล เทพสงคราม และพระแม่ธรณี สำหรับผลลัพธ์ของการต่อสู้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว มีใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง?”
ในชุมนุมทาโรต์เมื่อสัปดาห์ก่อน เลียวนาร์ดเคยหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุย และเป็นคนบากหน้าถามมิสเตอร์ฟูลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
น่าเสียดายที่มิสเตอร์ฟูลเพียงตอบว่า พระองค์กำลังเพ่งความสนใจไปที่ดินแดนเทพทอดทิ้ง และมิได้มอบข้อมูลใดกลับมา
“ฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องราวถึงลงเอยเช่นนี้ สองแม่ลูกเทพสงครามกับพระแม่ธรณีน่าจะรุมเทพธิดารัตติกาลและเอาชนะได้ง่ายดาย” แคทลียาไม่เก็บซ่อนความสงสัย
แฮงแมนอัลเจอร์ถอนสายตากลับและกล่าวหลังจากเรียบเรียง
“ผมได้รับรายงานหนึ่งเรื่อง ทันทีที่ศึกระหว่างทวยเทพจบลง ฝ่ายเฟเนพ็อตก็เปลี่ยนข้างทันที”
“นี่หมายความว่า…” จัสติสออเดรย์คล้ายกับจับประเด็นได้
ทันใดนั้นเอง เดอะซันเดอร์ริคยกมือขึ้นพูด
“ผมพอจะทราบเหตุผล”
“เจ้าเนี่ยนะ?” เดอะมูนเอ็มลินทำเสียงไม่เชื่อ เพราะต้องไม่ลืมว่า เดอะซันถูกกักขังไว้ในดินแดนเทพทอดทิ้งมาเป็นเวลานาน ข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอกล้วนรับรู้ผ่านชุมนุมทาโรต์ แล้วจะเข้าใจศึกระหว่างทวยเทพดีกว่าคนที่อยู่ข้างนอกได้อย่างไร
อัลเจอร์ที่ทราบมาตลอดว่าเดอะซันเป็นคนเถรตรง ถามกลับด้วยความตื่นเต้นปนอยากรู้อยากเห็น
“เพราะเหตุใด?”
เดอร์ริคจ้องทุกคนและกล่าวอย่างใจเย็น
“พวกคุณต้องสาบานต่อหน้ามิสเตอร์ฟูลว่าจะไม่เปิดเผยความลับนี้”
“ไม่มีปัญหา” เฮอร์มิทแคทลียาขานรับเป็นคนแรก
หลังจากทุกคนสาบานต่อหน้าเดอะฟูล เดอร์ริคผงกศีรษะรับ
“พระแม่ธรณีมิใช่ราชินีคนยักษ์โอมีเบล่า… โอมีเบล่าตัวจริงเสียชีวิตไปนานแล้ว พระศพของท่านอยู่ที่เมืองเงินพิสุทธิ์”
ข้อมูลดังกล่าวเปรียบดังระเบิดที่หล่นลงมากลางหัวใจสมาชิกทุกคน ภายในใจพลันปั่นป่วนรุนแรง
แฮงแมน จัสติส และคนที่เหลือต่างกล่าวคำใดไม่ออกเป็นเวลานาน ประหนึ่งถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก แต่ละคนแน่นิ่งเป็นรูปปั้นหิน
ผ่านไปสักพัก เดอะสตาร์เลียวนาร์ดถามด้วยสีหน้ายากจะทำใจเชื่อ
“คุณแน่ใจนะ?”
ทันทีที่กล่าวจบ มันเริ่มรู้สึกผิดกับคำถามตัวเองทันที เพราะแค่เมืองเงินพิสุทธิ์มีศพของราชินีคนยักษ์โอมีเบล่า ข้อมูลดังกล่าวก็แทบจะเป็นความจริงแน่นอนแล้ว
ออเดรย์ ฟอร์ส และซิลต่างหันไปมองบุคคลบนเก้าอี้สุดขอบโต๊ะทองแดงยาวทันที และพบว่าดวงตาของเดอะฟูลกำลังยิ้มโดยไม่เปลี่ยนท่านั่ง
การแสดงออกดังกล่าวมีความหมายโดยนัยว่าพระองค์เห็นพ้องกับเดอะซันน้อย… ออเดรย์พยักหน้ารับแผ่วเบาพลางกล่าว:
“ข้อมูลนี้สามารถอธิบายได้หลายสิ่งที่พวกเราคาใจ… แต่ถ้าพระแม่ธรณีไม่ใช่ราชินีคนยักษ์ แล้วทำไมเทวทูตโชคชะตาโอโรเลอุสถึงเชื่อว่าพระองค์คือโอมีเบล่า? แล้วทำไมเทพสงครามถึงยังร่วมมือกับเธอ? พระองค์เป็นใครกันแน่?”
ได้ยินชุดคำถามจากมิสจัสติส แฮงแมนอัลเจอร์พลันเกิดความซาบซ่าน
หัวข้อสนทนาภายในชุมนุมทาโรต์ ในที่สุดก็ถูกยกระดับจากราชาเทวทูตเป็นเทพแท้จริง!
ก่อนหน้านี้ แม้พวกมันจะเคยยับยั้งการจุติของเทพมารและเรียนรู้ประวัติศาสตร์เทพแท้จริงมาบ้าง แต่ก็เลี่ยงการถกเถียงในประเด็นที่เกี่ยวกับเทพแท้จริงมาโดยตลอด เนื่องด้วยความกลัวที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกว่า บทสนทนาดังกล่าวอาจส่งอิทธิพลไปถึงโลกความจริง
แต่ในปัจจุบัน สมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างขจัดความกลัวที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจออกไปโดยไม่รู้ตัว
เฮอร์มิทแคทลียามิได้คิดลึกขนาดนั้น เพียงเพ่งความสนใจไปที่คำถามของมิสจัสติสพลางกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“บางทีพระแม่ธรณีอาจปลอมตัวเป็นโอมีเบล่ามาตลอด และสามารถตบตาเทวทูตโชคชะตากับเทพสงครามได้อย่างแนบเนียน…”
“เป็นไปได้ยังไง…” ซิลพึมพำตามความเคยชิน
เมจิกเชี่ยนฟอร์สสูดลมหายใจยาว:
“น่าสะพรึงชะมัด”
ทันใดนั้นเอง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้เงียบงันมาตลอดเปิดปากพูด
“ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้… จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพธิดารัตติกาลและเทพแท้จริงตนอื่นช่วยกันปกปิดเรื่องนี้?”
…แผนการสมคบคิดที่ยาวนานกว่าสองถึงสามพันปี… ดวงตาแฮงแมนอัลเจอร์พลันแข็งทื่อ ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเทพธิดารัตติกาลและพระแม่ธรณีจากก้นบึ้งดวงวิญญาณ
สมาชิกชุมนุมทาโรต์เงียบไปอีกครั้ง จนกระทั่งเดอะสตาร์เลียวนาร์ดทวนคำถามของจัสติส
“แล้วใครคือพระแม่ธรณี?”
ขณะกล่าว มันชำเลืองไปทางเดอะเวิร์ล ไคลน์·โมเร็ตติ พลางรอฟังคำตอบจากอดีตเพื่อนร่วมงานรายนี้
ทันใดนั้นเอง ทุกคนได้ยินเสียงเคาะโต๊ะที่ห่างหายไปนาน
เสียงเคาะโต๊ะของมิสเตอร์ฟูล
จัสติสออเดรย์และคนที่เหลือรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที สายตาทุกคู่จดจ้องไปยังตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงเพื่อรอฟังคำตอบ
เดอะฟูลไคลน์หัวเราะในลำคอ
“ข้าจะช่วยบอกใบ้”
หลังจากมองไปรอบตัว ชายหนุ่มกล่าวต่อ
“ข้อแรก เหตุใดโบสถ์พระแม่ธรณีถึงชอบที่จะเปลี่ยนผีดูดเลือดให้เป็นสาวก? ข้อที่สอง เส้นทางธรณีและจันทราเป็นเส้นทางใกล้ชิดกัน… ข้อที่สาม มีข่าวลือว่าในยุคสมัยที่สอง ลิลิธ เทพธิดาบรรพกาลผู้เป็นตัวแทน ‘ดวงจันทร์’ เสียชีวิตเนื่องจากการทรยศของราชาคนยักษ์… ข้อที่สี่ ลิลิธยังคงตอบสนองต่อคำวิงวอนของผีดูดเลือดเป็นครั้งคราวราวกับมิได้ร่วงหล่นไปโดยสมบูรณ์”
หลังจากผ่านไปสี่คำใบ้ สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคนรวมถึงเอ็มลินต่างได้คำตอบเดียวกัน:
ตัวตนที่แท้จริงของพระแม่ธรณีคือลิลิธ ต้นตระกูลผีดูดเลือด!
ดวงตาเอ็มลินพลันเบิกกว้าง เหยียดหลังตั้งตรงตามสัญชาตญาณ ความคิดยุ่งเหยิงปั่นป่วน
เดอะสตาร์เลียวนาร์ดผงะในตอนต้น ก่อนจะพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เมื่อสองสามวันก่อน โบสถ์เทพธิดารัตติกาลประกาศเลิกใช้งานชื่อ ‘สตรีสีชาด’ และเปลี่ยนสัญลักษณ์การวิงวอน จากการวาดพระจันทร์สีแดงเป็นจุดดวงดาว…”
ในฐานะอาวุโสใหญ่แห่งเหยี่ยวราตรี เลียวนาร์ดมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการอ่านเอกสาร
“เทพธิดารัตติกาลใช้อำนาจในขอบเขตจันทราเป็นเครื่องต่อรอง?” แคทลียากล่าวในสิ่งที่ล่องลอยอยู่ในความคิดทุกคน
ทันใดนั้นเอง พวกมันไม่สงสัยในตัวตนที่แท้จริงของพระแม่ธรณีอีกต่อไป
“ขอบคุณสำหรับคำใบ้ค่ะ” จัสติสออเดรย์ทำความเคารพเดอะฟูลทันที
หลังจากทุกคนทำความเคารพมิสเตอร์ฟูล พวกมันหันมาจ้องเดอะมูนเอ็มลินที่กำลังแข็งทื่ออยู่ในตำแหน่ง
พระแม่ธรณีคือท่านต้นตระกูล… ท่านต้นตระกูลคือพระแม่… เราไม่เคยเปลี่ยนความเชื่อ… เข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงยังไปที่วิหารฤดูเก็บเกี่ยวทั้งที่การชี้นำของหลวงพ่อเสื่อมอำนาจแล้ว… นั่นเป็นเพราะสัมผัสวิญญาณของเราร้องเตือนว่า พระแม่ธรณีคือท่านต้นตระกูล! เป็นเหตุให้ท่านต้นตระกูลโปรดปรานเราและเลือกเราเป็นผู้กอบกู้เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด… ความคิดมากมายแล่นผ่านเอ็มลิน จนกระทั่งมันพบคำอธิบายที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับพฤติกรรมก่อนหน้าของตน
มันเชื่อว่าตนเป็นผีดูดเลือดที่เคร่งศาสนาที่สุดแล้ว!
ชำเลืองไปทาง ‘เอิร์ล’ สักพัก เมจิกเชี่ยนฟอร์สยิ้มอย่างสนใจ
“มิสเตอร์มูน บางทีคุณอาจได้เป็นอาร์ชบิชอปของโบสถ์พระแม่ธรณีในอีกไม่ช้า… ไม่สิ อาจได้เป็นตัวแทนผีดูดเลือดที่คอยประสานงานกับโบสถ์พระแม่ธรณีอย่างเป็นทางการ”
นักเขียนสตรีรายนี้เริ่มแต่งนิยายเรื่องใหม่ในหัว
“ทำไม?” เดอะมูน เอ็มลิน ถามด้วยความฉงน
มันเชื่อว่าต้นตระกูลจะรักษาสถานภาพเดิมของผีดูดเลือดโดยไม่ได้ผนวกรวมเข้ากับโบสถ์พระแม่ธรณีโดยตรง
เดอะสตาร์เลียวนาร์ดยิ้มพลางกล่าว
“เนื่องจากเทพธิดารัตติกาลยกเลิกชื่อ ‘สตรีสีชาด’ หมายความว่าในอีกไม่ช้าพระแม่ธรณีก็คงมีชื่อที่คล้ายคลึงกันเพิ่มเข้ามา สิ่งนี้ไม่มีทางเล็ดลอดสายตาโบสถ์อื่นไปได้”
เดอะมูนเอ็มลินเริ่มเข้าใจสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของโบสถ์รัตติกาลต้องการจะสื่อ มันพยักหน้าแผ่วเบาพลางจินตนาการภาพต่างๆ
เหล่าพี่น้องที่เคยหัวเราะเยาะเพราะเอ็มลินนับถือพระแม่ธรณี กำลังต่อแถวเพื่อรอรับศีลจากตน
คิดถึงตรงนี้ เอ็มลินมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อดไม่ได้ที่จะเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก สมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครหยิบยกประเด็นใดออกมาสนทนา
ไม่กี่วินาทีถัดมา อัลเจอร์ทำลายความเงียบและกล่าวอย่างใจเย็น
“สมาชิกส่วนใหญ่ของพวกเราเป็นครึ่งเทพกันหมดแล้ว กว่าจะเลื่อนลำดับคงใช้เวลานาน นอกจากนั้นแต่ละคนก็ยังมีอำนาจในองค์กรที่ตัวเองสังกัด ความต้องการด้านตะกอนพลัง สูตรโอสถ และสมบัติปิดผนึกอาจลดลงมากจนทิ้งระยะห่างนานนับปี ดังนั้น ผมขอเสนอให้ทิศทางของชุมนุมทาโรต์เปลี่ยนไปเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประชุมความร่วมมือลับ”
ออเดรย์ แคทลียา เลียวนาร์ด และคนที่เหลือพยักหน้าพร้อมกับเป็นนัยเห็นด้วยกับคำพูดของมิสเตอร์แฮงแมน
ทันใดนั้นเอง เดอะฟูลไคลน์มองกวาดพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง
“เมื่อเรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนเทพทอดทิ้งถูกสะสาง พลังของข้าได้ฟื้นฟูกลับมาหลายส่วน หากใครสนใจ พวกเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนวัตถุระดับสูงกับข้าได้”
มันแสร้งเยือกเย็นขณะเอ่ยถึง ‘ข้อเท็จจริง’ ที่พลังของตนฟื้นตัวกลับมา แม้จะเป็นสิ่งที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์พอจะเดากันหมด
ขณะจัสติสออเดรย์และคนที่เหลือพยายามคาดเดาว่ามิสเตอร์ฟูลอยู่ในระดับใดแล้ว ไคลน์เสริมด้วยรอยยิ้ม
“วัตถุระดับสูงเหล่านั้นประกอบด้วย: สถานะเทพสมุทร รวมถึงความแข็งแกร่งและระดับตัวตน”
………………………