มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1083

หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ เมื่อยกระดับผลการฝึกตนทุกแดนเล็กนั้น เงื่อนไขต่อจำนวนทรัพยากรก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

เพียงแค่ทรัพยากรของพิภพต่ำอย่างโลกแสงดาวนั้น ดูจะไม่สามารถหล่อเลี้ยงเขาได้ โดยเฉพาะในอนาคตที่เขาวางแผนจะบรรลุเป็นเทพมาร ต่อให้เอาทรัพยากรระดับสูงทั้งหมดของโลกโลกแสงดาวมากองอยู่ตรงหน้าเขา ก็เกรงว่าจะยังไม่เพียงพอให้เขาสามารถทะลุประตูแห่งกฎเกณฑ์ไปได้

ดังนั้นเมื่อนานมาแล้วในอดีต หลัวซิวก็วางแผนว่าเมื่อผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว ก็จะไปจากโลกแสงดาว ไปยังพิภพกลาง ออกสำรวจแดนที่กว้างใหญ่ขึ้น ตามหาโอกาสที่เหมาะสมกับตน

ก่อนที่เขาจะจากไป เรื่องแรกที่ต้องทำก็คือ ต้องกำจัดอุปสรรคให้สำนักไท่เสวียนเสียก่อน เช่นนั้นในช่วงเวลาที่เข้าไม่จากไปนั้น ก็สามารถอยู่ได้อย่างสงบไร้กังวล

ปิดขังครั้งนี้บรรลุถึงมหาจักรพ0รรดิยุทธ์ หลัวซิวใช้เวลาราวครั้งปี เมื่อเขาออกมา ทั่วทั้งแดนปริศนาเทพฟ้าก็ไม่มีนักยุทธ์คนอื่นอยู่แล้ว

และช่วงเวลานี้ก็ไม่ได้มีนักยุทธ์จากกองกำลังอื่น ๆ มารบกวนการฝึกตนของเขา เห็นได้ชัดว่าแก๊งรอบรู้ไม่ได้นำเรื่องที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ไปขายให้กองกำลังอื่น

หลัวซิวชูนิ้วออกมาขีดไปกลางอากาศ อนัตตาของแดนปริศนาเทพฟ้าก็ถูกแยกออก เขาก้าวเท้าเข้าไปในรอยแยกของอนัตตา จากนั้นก็หายตัวไปจากแดนปริศนาเทพฟ้าแห่งนี้ทันที

ตามแผนที่ของโลกแสงดาวเกณฑ์กฎที่ชายหัวโล้นให้เขามา หลัวซิวมายังพสุธาขนาดเล็กแห่งหนึ่งอันเป็นที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์ตำหนักดารา

พสุธาขนาดเล็กแห่งนี้มีรัศมีราว ๆ สามแสนลี้ อาณาจักรของมนุษย์ธรรมดาถูกสร้างขึ้นบนนั้น แต่บนท้องฟ้าเบื้องบนของพสุธาขนาดเล็กนี้ มีตำหนักมากมายลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ จัดวางตามลำดับทวยเทพ

หลัวซิวไม่ได้ปกปิดออร่าบนร่างเอาไว้ ตรงไปยังกลุ่มตำหนักที่กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า

“นั่นใครกัน?”

ตัวสำนึกหลายสายถูกกวาดเข้ามา ศิษย์ของตำหนักดารานภาแห่งโลกแสงดาวเกณฑ์กฎมีไม่มาก ทุกคนต่างมีผลการฝึกตนแดนเจ้ายุทธจักรเป็นอย่างต่ำ จำนวนผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์มีอยู่ราว ๆ สามสิบกว่าคน

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถาม หลัวซิวยังคงปิดปากเงียบ เดินหน้าเข้าไปยังตำหนักแห่งหนึ่งที่ต้องอยู่ภายในกลุ่มตำหนักมากมายนี้

“เจ้าคือใคร เหตุใดจึงบังอาจบุกรุกเข้ามาในตำหนักดาราของข้า?” นำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น กฎแสงดาราหลอมรวมเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ลอยขึ้นมา มองหลัวซิวด้วยสายตาเย็นชา

“ข้าคือหลัวซิวเจ้าสำนักไท่เสวียน มีความเกี่ยวข้องกับตำหนักดารานภาของเจ้า” หลัวซิวพูดตอบเสียงเบา

“หลัวซิว?”

ร่างของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ดารานภาปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นหลัวซิว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “เจ้ากล้าเข้ามาถึงแห่งนี้”

“มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว?”

หลัวซิวยิ้มออกมาบาง ๆ มองไปรอบ ๆ พูดพร้อมเสียงหัวเราะ “เจ้าคิดว่าจะคุยกับข้าดี ๆ หรือว่าจะสู้กันสักรอบเสียก่อนค่อยคุย?”

เจ้าศักดิ์สิทธิ์ดารานภาได้ยินคำพูดนี้ ก็พลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เผยสีหน้าดุร้ายออกมา “เจ้ากล้าเข้ามาที่นี่ ถือเป็นการรนหาที่ตาย มีเรื่องใดให้คุยงั้นหรือ?”

“เจ้าอย่าได้คิดว่ามีช่าจื่อเยียนแม่นางผู้นั้นคอยปกป้อง เจ้าก็สามารถลบล้างความชั่วที่เคยทำได้จริง ๆ โลกแสงดาวเกณฑ์กฎมีอาจารย์คอยดูแล ฆ่าเจ้าก็เหมือนฆ่ามดตัวหนึ่งเท่านั้น!”

เจ้าศักดิ์สิทธิ์ดารานภาหันไปทำความเคารพทางอนัตตา “เรียนเชิญท่านอาจารย์!”

“ปัง!”

ออร่าอันยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทรปรากฏขึ้น มีร่างปรากฏขึ้นทั่วทุกทิศทุกทาง ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ

หลัวซิวเหลือบมองคนเหล่านี้ นอกจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์ดารานภาแล้ว ที่ตำหนักดาราแห่งโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ ยังมีเทพมารอยู่อีกถึงแปดตน

“เป็นแค่ผู้น้อยคนหนึ่งกลับบังอาจถึงเพียงนี้?”

เสียงที่ฟังดูแก่ชราดังขึ้น จากนั้นตำหนักมากมายของตำหนักดาราต่างเปล่งประกายแสงออกมาพร้อม ๆ กัน แสงดาราหลอมรวมเป็นลายค่ายสัญลักษณ์จำนวนมาก รวมร่างเป็นค่ายใหญ่ค่ายหนึ่ง ขังหลัวซิวเอาไว้ภายใน

“ค่ายดาราแปดด้าน!”

เทพมารตนหนึ่งเผยสีหน้าเย้ยหยัน “นี่คือค่ายเทพที่สืบทอดมาแต่โบราณ ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าเป็นแค่ผู้น้อยคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้เป็นเทพมารถูกขังเอาไว้ก็สามารถตายได้อย่างไม่ต้องคาดเดา!”

คนผู้นี้นามว่าเหยียนโหมว คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนของตำหนักดารานภา เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ก็เป็นถึงเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานในโลกแสงดาว