ตอนที่ 1144 พลิกเปลี่ยนถึงขีดสุด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตู้ม!

ห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยง เงาร่างหลินสวินดุจมังกรคลั่งโผล่จากเหว ความเร็วว่องไวถึงขีดสุด พุ่งโถมไปทางพวกอูหลิงเฟย

มองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าทุกจุดที่เขาเคลื่อนผ่านห้วงอากาศดุจดั่งถูกกลืนกิน ดับสลายจมดิ่ง ภายในนั้นยังตามมาด้วยแสงมรรคอันโชติช่วง

ตลอดทางมีผู้แข็งแกร่งบุกโจมตีขวางกั้นไม่ขาดสาย แต่ล้วนถูกซัดสะเทือน เงาร่างซวนเซลอยออกไปในพริบตาโดยไม่มีข้อยกเว้น

นี่ทำให้ผู้คนตกใจขวัญผวา ต่างพากันไม่กล้าเชื่อ!

ไกลออกไปหลินสวินก็ยังมาช้าไปหนึ่งก้าวอยู่ดี

บรรดาผู้แข็งแกร่งเจ็ดแปดคนอย่างพวกอูหลิงเฟยบุกโจมตีพร้อมกัน เชี่ยวชาญทั้งความเร็ว ความแม่นยำ และความโหดเหี้ยม กลุ่มหนึ่งพุ่งไปทางอาหลู่ อีกกลุ่มพุ่งไปทางเจ้าคางคก

สถานการณ์สุ่มเสี่ยง!

อาหลู่กับเจ้าคางคกล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้ก็ทำได้แค่ฝืนตัวไว้ เผชิญหน้ากับการโจตมีระดับนี้ย่อมยากจะต้านทานไหวเป็นแน่

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่อันตรายหาใดเปรียบ หลินสวินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด ความเคียดแค้นทั้งมวลล้วนกลายเป็นไอสังหารเยียบเย็น

ชิ้ง!

ดาบหักส่งเสียงครวญกระจ่างกังวานหาใดเปรียบ ก่อนพริบไหวลับหายกลางอากาศ

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!

ไม่เที่ยงแท้ ย่อมไม่อาจระบุจำนวน ไม่อาจคาดเดาราวกับโชคชะตา ลี้ลับสุดหยั่งดั่งผลกรรมก็ไม่ปาน

อริยบุคคลบรรพกาลถึงกับกล่าวว่า ‘เมื่อไม่เที่ยงแท้มาเยือน หมื่นวิชาล้วนดับสิ้นวายวอด’!

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็เป็นแบบเดียวกัน ในฐานะกระบวนเฉือนสุดท้ายของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ยามเมื่อกระบวนนี้สำแดงเดชออกมา ก็เหมือนตัวแปรมากมายมาเยือน มีอานุภาพที่เทพผีต่างผวา

กระบวนเฉือนนี้ แก่นอัศจรรย์ที่ซ่อนแฝงไว้ทั้งหมดไม่อาจใช้คำว่าน่าสะพรึงและคลุมเครือตามนิยามของโลกปุถุชนมาบรรยายได้ หากแต่เกี่ยวโยงถึงโอกาสแห่งตัวแปรมหามรรค เรียกได้ว่าพลิกฟ้า

และหลินสวิน ยามนี้เพิ่งจะหยั่งถึงแก่นอัศจรรย์เพียงน้อยนิดของมันเท่านั้น

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ กระบวนเฉือนนี้ก็เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาครอบครองในตอนนี้!

และตอนนี้ กระบวนเฉือนนี้พุ่งปราดไปทางบรรดาผู้แข็งแกร่งที่บุกฆ่าอาหลู่พวกนั้น

ขณะเดียวกันหลินสวินก็ตะโกนลั่น “เจ้าคางคก มานี่!”

เจ้าคางคกไม่ต้องคิดมากความใดๆ ใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่โถมไปหาหลินสวินอย่างไม่ลังเลสักนิด

นี่คือความไว้เนื้อเชื่อใจแบบไม่มีเผื่อแต่อย่างใด ต่อให้การโจมตีแสนแข็งแกร่งพวกนั้นจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาก็ไม่เคยขมวดคิ้วนิ่วหน้า

ผู้แข็งแกร่งที่ปิดล้อมเจ้าคางคกมีทั้งหมดสี่คน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนมองเจ้าคางคกไปรวมกลุ่มกับหลินสวินตาปริบๆ

ล้วนบุกฆ่าเต็มกำลังโดยไม่ลังเล!

ทุกอย่างต่างรวดเร็วเกินไป เร็วจนห่างเพียงชั่วแล่น ชั่วระยะเผาขน

พรึ่บ!

ตรงไหล่เจ้าคางคกถูกแทงจ้วงเป็นรูโบ๋ เลือดสดสาดกระเซ็น

นี่เป็นการโจมตีจากเลี่ยอวิ๋นไห่ผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์ เดิมทีนึกว่าจะสามารถแทงทะลุหน้าผากเจ้าคางคกได้ กลับเกิดการคลาดเคลื่อนไปเสี้ยวหนึ่ง

ที่ทำให้เขาแปลกใจสุดๆ ก็คือ ภายใต้สถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ เด็กหนุ่มชุดเขียวที่เห็นได้ชัดว่าเหมือนตะเกียงน้ำมันเหือดแห้งคนนี้ถึงกับระเบิดพลังแฝงที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา หลังจากได้รับบาดเจ็บไม่เพียงไม่ถอยร่น ตรงข้ามกลับมุ่งฝ่าไปทางฝั่งหลินสวินต่อ

ตูม!

ขวานยักษ์เล่มหนึ่งแทบจะฟันฉับลงมาในเวลาเดียวกัน หมายจะผ่าเจ้าคางคกออกเป็นสองส่วน

การโจมตีนี้หากใช้ได้ผล เจ้าคางคกต้องตายสถานเดียวไร้ทางรอด

“เชี่ย แม่งเอ๊ย ไสหัวไป!”

ดุจดั่งสัตว์ร้ายติดบ่วงที่เจียนจะหมดหวัง เจ้าคางคกแผดเสียงคำราม ตบฝ่ามือหนึ่งออกไป กลืนตะวันคายจันทรา

แต่เขาขาดเจ็บสาหัสเกินไป การโจมตีนี้ถึงแม้จะต้านพลังโจมตีของขวานยักษ์ได้ แต่กลับสะเทือนจนริมฝีปากกระอักเลือดยกใหญ่ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียวยิ่งขึ้น

แต่ว่าร่างของเขาหยิบยืมพลังสะท้อนกลับนี้ พุ่งไปทางฝั่งหลินสวินด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าเมื่อครู่เสียอีก

“ตาย!”

เพียงแต่ที่ทำให้เจ้าคางคกหมดหวังคือดาบศึกเล่มหนึ่งที่พุ่งตามหลังแต่มาถึงก่อน สาดประกายทองที่เจิดจ้าบาดตา ฟันฉับลงมา

ทุกอย่างล้วนเร็วเกินไปแล้ว!

จากแทงทะลวงไหล่เจ้าคางคก กระทั่งถูกขวานยักษ์ซัดสะเทือน เรื่อยมาจนถึงถูกดาบศึกโจมตีในตอนนี้ ต่างแทบจะเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงยอมรับชะตาตั้งนานแล้ว

แต่เจ้าคางคกไม่ใช่

หลินสวินก็ไม่ใช่!

ในช่วงสำคัญที่เกือบไปเยือนแดนมรณะนี้ ร่างกายเจ้าคางคกพลันพริบไหว กลายร่างเป็นคางคกทองสามขาขนาดเท่าฝ่ามือโดยพลัน

ส่วนหลินสวินก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลงมือ ใช้พลังทั้งหมดโคจรก้าวย่างชือน้ำแข็ง ความเร็วพุ่งกระฉูดขึ้นหลายโข

จากนั้นเจ้าคางคกก็พุ่งเข้าสู่อ้อมอกหลินสวิน

หลินสวินกลับถูกดาบศึกสีทองอร่ามนั่นฟันเข้าที่กลางอก ฉีกแหวกเป็นรอยแผลน่าสยดสยองสายหนึ่ง เนื้อปลิ้นหนังปริ เห็นแกนกระดูกรำไร

นี่ยังเป็นเพราะมีพลังป้องกันที่สกัดไว้ได้ หาไม่ เพียงแค่ดาบเล่มนี้ก็เพียงพอจะฟันเขาขาดเป็นสองท่อนแล้ว!

หืม?

คนที่ถือดาบศึกเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเย็นชาคนหนึ่ง บุกฆ่าเจ้าคางคกไม่ได้ กลับทำร้ายหลินสวินบาดเจ็บแล้ว นี่ทำให้เขาอึ้งงันอยู่บ้าง จากนั้นก็ดีใจยกใหญ่!

ฝ่ามือเขาออกแรงเพิ่ม หมายจะแหวกอกหลินสวินออก

ตูม!

หลินสวินตบฝ่ามือหนึ่งใส่ดาบศึกอย่างแรง ร่างกายเบี่ยงถอยไปด้านข้าง หลบเลี่ยงเคราะห์สังหารครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด

เขาพาเจ้าคางคกพุ่งตัวไปหาอาหลู่โดยไม่รีรอแต่อย่างใด

ในเวลาเดียวกันนั้น เหตุการณ์ทางด้านอาหลู่แม้จะร้ายแรงแต่ก็ยังนับว่าปลอดภัยเช่นกัน

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ที่หลินสวินโจมตีออกไปก่อนหน้านี้ ชั่วอึดใจเดียวก็พาดขวางตรงหน้าอาหลู่ สลายการโจมตีจากพวกอูหลิงเฟย

หนำซ้ำอาหลู่ยังเป็นผู้หลอมกาย เส้นทางที่ก้าวเดินเป็นเส้นทางแห่งกายหยาบบรรลุอริยะ ถึงจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่ยังมีพลังต่อสู้อยู่ อาศัยจังหวะนี้เขาผินหน้าพลันเผ่นหนี ถือโอกาสพุ่งเข้ามารวมกลุ่มกับหลินสวิน!

สถานการณ์สิ้นหวังจึงถูกคลี่คลายไปเช่นนี้

ตั้งแต่พวกอูหลิงเฟยลงมือ แยกตัวกันพุ่งใส่อาหลูกับเจ้าคางคก เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ที่พวกหลินสวินรวมกลุ่มกัน เป็นชั่วพริบตาสั้นๆ แต่กลับบังเกิดสถานการณ์สุ่มเสี่ยงถึงขีดสุด!

ถึงขั้นที่คลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียว ก็เป็นไปได้ว่าอาจเกิดผลลัพธ์อีกอย่าง เรียกได้ว่าอกสั่นขวัญผวา!

ช่วงระหว่างความเป็นความตายสยดสยองยิ่งยวด

ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้มีหรือจะไม่เป็นเช่นนี้

……

สำหรับผลลัพธ์นี้ เห็นได้ชัดว่าทำให้พวกอูหลิงเฟยประหลาดใจ

โดยเฉพาะพลังชั้นยอดที่หลินสวินระเบิดออกในจังหวะนั้น ทำเอาพวกเขาต่างรู้สึกหวาดหวั่นขวัญผวา

แต่ไม่นานพวกเขาก็ยิ้มแล้ว รู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

สาเหตุก็เพราะ แม้ก่อนหน้านี้หลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

บริเวณหน้าอกของเขามีรอยดาบชุ่มเลือดชวนสยอง บริเวณนั้นเนื้อปริหนังปลิ้น กระดูกโผล่รำไร เลือดยังคงไหลออกมาข้างนอกไม่หยุด

หนำซ้ำพลังดาบนี้ เห็นได้ชัดว่ายังสร้างอาการบาดเจ็บรุนแรงถึงขีดสุดให้แก่เขา!

“อ้อ รู้เช่นนี้แต่แรกพวกข้าคงจัดการขยะสองคนนี่ก่อนแล้ว”

อูหลิงเฟยสาวเท้าก้าวยาวๆ ออกมา สีหน้ากลับสู่ความสงบเยือกเย็นเช่นแต่ก่อน ยิ้มแย้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มกลับเห็นชาอย่างยิ่ง

ในสายตาเขา หลินสวินและอาหลู่ต่างบาดเจ็บสาหัส เจ้าคางคกยิ่งชีวิตแขวนบนเส้นด้าย สถานการณ์โดยรวมชัดเจนแล้ว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

“เมื่อครู่เพราะพวกเราเลินเล่อ คิดว่าสามารถบุกฆ่าเขาได้ แต่ใครก็ไม่อาจคาดคิดว่าเทพมารหลินนี่ตัวคนเดียวจะแกร่งกล้าปานนี้ แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจไม่ศิโรราบ”

เลี่ยอวิ๋นไห่จากลัทธิบูชาจันทร์สีหน้าไร้ความรู้สึก ถึงจะบอกว่ายอมศิโรราบ แต่สายตาที่เขามองหลินสวินกลับเปี่ยมด้วยไอสังหารอย่างไม่มีปิดบังสักนิด

“ไม่ว่าอย่างไร เทพมารหลินที่กล้าหาญชาญชัย อุทิศตนฝ่าความตายเพื่อสหาย นี่ช่างควรค่าให้พวกเราชื่นชมยิ่ง ทุกท่าน ข้าแนะนำให้ไว้ชีวิตเขาสักหน อบรมสั่งสอนเขาให้ดีสักหน ต่อไปจะต้องกลายเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีคนหนึ่ง อุทิศตนทุ่มแรงกายเพื่อพวกเราอย่างแน่นอน”

เสวียนจิงจากเผ่าโบราณแสงทมิฬกล่าวอย่างอวดดี วางท่าสูงส่ง กำชัยมั่นเหมาะ

ไม่ว่าคำพูดจะเป็นแบบใดล้วนแฝงแววฮึกเหิม เยียบเย็น รวมถึงลำพองตนและสะใจปานได้แก้แค้นสำเร็จ

อันที่จริงก่อนหน้านี้หลินสวินแข็งแกร่งเกินไป ทำให้พวกเขาตกใจแกมเดือดดาล พบแต่ความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ให้รู้สึกเสียหน้า อับอายจนกลายเป็นโกรธอยู่ภายในใจด้วยเหตุนี้

ตอนนี้ได้เห็นหลินสวินกลายเป็นพยัคฆ์ที่เพลี่ยงพล้ำ ภายในใจย่อมรู้สึกลำพองและสาแก่ใจอย่างบอกไม่ถูก

ขณะพูดการเคลื่อนไหวของพวกเขากลับไม่ได้อืดอาด พากันพุ่งเข้าใส่พวกหลินสวิน!

เพราะทุกคนต่างเข้าใจดีถึงหลักการการช่วงชิงชีวิตยามอีกฝ่ายเจ็บป่วย คู่ต่อสู้อย่างเทพมารหลิน หากให้โอกาสเขาได้หายใจ เป็นไปได้สูงว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้!

ตูม!

เวลานี้เงาร่างสายแล้วสายเล่าต่างแย่งกันพุ่งเข้ามา ล้วนอยากฆ่าหลินสวินให้ตายเป็นคนแรก เห็นเขาเป็นเป้าหมายที่จะเข่นฆ่าได้ตามอำเภอใจ

พวกเขากำลังเคลื่อนไหว หลินสวินเองก็กำลังเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน!

เขากับอาหลู่ถอยหลบไปทางส่วนลึกของตำหนักใหญ่อย่างรวดเร็ว สภาพที่บาดเจ็บร้ายแรงได้แต่หลบหนี ไม่ได้แข็งกร้าวและผงาดผยองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

เพียงแต่ใครก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ต้นจนจบนัยน์ตาดำของหลินสวินปรากฏเพียงความเยือกเย็นเป็นพิเศษ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสปานนี้ก็ไม่เคยไหวหวั่นสักเสี้ยว

ตูม!

การโจมตีทุกรูปแบบราวกับรุ้งพรั่งพรูอันเจิดจ้า สาดกระหน่ำเข้ามา

หลินสวินเอาแต่ถอยร่น

ตำหนักแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล ชายคาดั่งเวิ้งฟ้า ลำพังเพียงแค่เสาทองแดงแต่ละต้นก็สูงใหญ่ราวกับเสาค้ำสวรรค์ เมื่อคนยืนอยู่ภายในนั้นก็เหมือนมดตัวเล็กจ้อย

และเคราะห์ดีที่เป็นเช่นนี้ จึงจะเปิดโอกาสให้หลินสวินได้เคลื่อนย้ายหลบหนี

“หลินสวิน ไม่ไหว… เจ้า… หนีไป… คนเดียวเถอะ ข้า… ข้าไม่อยากเป็น… ตัวถ่วงของเจ้า”

เสียงของเจ้าคางคกโรยแรงหาใดเปรียบ

มันกลายร่างเป็นคางคกทองสามขาตัวเท่าฝ่ามือ ผิวภายนอกหม่นมัวแตกระแหง เต็มไปด้วยคราบเลือด

“พี่ใหญ่ เจ้าคางคกพูดถูก ท่านหนีไปเถิด ข้าจะทุ่มชีวิตบุกเบิกเส้นทางนองเลือดสายหนึ่งให้แก่ท่าน ท่านแค่ต้องจำไว้ ต่อไปช่วยพวกเราสองคนแก้แค้น ฆ่าเจ้าต่ำช้าพวกนี้ให้วายวอดก็พอแล้ว!”

อาหลู่ทำหน้าเคียดแค้นและเด็ดเดี่ยว คนเถื่อนนี่เมื่อก่อนปากจัดยิ่งนัก พิลึกกึกกือยิ่ง แต่ยามนี้กลับเห็นได้ชัดว่าเด็ดเดี่ยวปานนั้น กลิ่นอายในคำพูดพาให้ผู้คนสะเทือนอารมณ์

ริมฝีปากหลินสวินกระตุกหนึ่งครา ภายในใจคุกรุ่นเดือดพล่าน ริมฝีปากกลับยิ้มเย็นกล่าวว่า “อยากตายหรือ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก อีกเดี๋ยวพวกเจ้าทุกคนต้องฆ่าศัตรูพร้อมกับข้า!”

“จะเจ้า… ข้า… ข้ามีสภาพปานนี้แล้ว!” เจ้าคางคกคล้ายตื้นตันอย่างยิ่ง เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ถูกท่อนไผ่ขาวแวววาวราวกับหิมะท่อนหนึ่งขัดเอาไว้

เจ้าคางคกร้องอื้อคราหนึ่ง ก็รู้สึกถึงพลังร้อนระอุที่เดือดพล่านแน่นหนาทะลักลงสู่ลำคอ

และพร้อมกันนั้นริมฝีปากอาหลู่ก็ถูกยัดด้วยไผ่ท่อนหนึ่งเช่นกัน

เขาเบิกตากว้าง ไม่เข้าใจยิ่ง เวลาไหนแล้วพี่ใหญ่ยังไม่ยอมให้คนพูดอยู่อีกหรือ ซ้ำยังเอาท่อนไผ่มายัดใส่ปากพวกเขาอีก ช่าง… หืม?

ทันใดนั้นอาหลู่เองก็ตระหนักว่ามีกระแสร้อนระอุปะทุเดือดทะลักเข้าสู่ร่างกาย

นี่คือ ‘ของเหลววิญญาณปฐมอสนี’ ที่บรรจุอยู่ภายในไผ่อสนีหมื่นเคราะห์!

ไม่ว่าบาดแผลที่ได้รับจะหนักหนาปานใด ขอเพียงใช้ของเหลววิญญาณปฐมอสนี ก็สามารถฟื้นตัวสู่สภาพสูงสุดได้ภายในเวลาอันสั้นที่สุด เรียกได้ว่าเป็นวัตถุเทพชั้นเลิศในโลกหล้า

สมบัติเลอค่าระดับนี้ เป็นของชดเชยยามหญิงลึกลับผู้นั้นบุกถิ่นเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ใช้กำลังบังคับเอามา

ไม่มีใครรู้ จังหวะแรกหลังจากที่หลินสวินได้รับบาดเจ็บก็กลืนกินของเหลววิเศษชนิดนี้ลงไปแล้ว…

ตูม!

และในระหว่างขั้นตอนนี้ การบุกโจมตีจากพวกอูหลิงเฟยก็บีบกระชั้นเข้ามา พลังโจมตีดุดันเหี้ยมหาญอย่างที่สุด มีเค้าลางแห่งการฆ่าล้างทำลายสิ้น

สาเหตุที่พวกเขาเป็นเช่นนี้ หนึ่งก็เพื่อแก้แค้น สองคือหากฆ่าหลินสวินได้ เมื่อข่าวกระจายออกไปก็จะเป็นผลงานการต่อสู้อันเฉิดฉาย ที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนทั่วหล้าต่างตกใจ!

“เทพมารหลิน เจ้ายังจะดิ้นรนไปถึงเมื่อไหร่ ตายซะ!”

ทันใดนั้นเลี่ยอวิ๋นไห่จากลัทธิบูชาจันทร์พุ่งเข้ามาเป็นคนแรก สีหน้าขึงขัง นัยน์ตาเจือแววฮึกเหิมและโหดเหี้ยม

และเวลาเดียวกันนั้น หลินสวินชะงักเท้าโดยพลัน ไม่ถอยหลังอีกต่อไป แหงนหน้าขึ้นน้อยๆ นัยน์ตาเยียบเย็นจับจ้องเลี่ยอวิ๋นไห่ที่บุกสังหารเข้ามา

…………………….