ชิ้ง!
ทวนศึกสีน้ำเงินเข้มที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าพุ่งยิงแหวกอากาศ เกิดเสียงดังชิ้ง พลังเข่นฆ่าคับฟ้า
ก่อนหน้านี้ผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์คนนี้ก็เคยใช้กระบวนท่านี้เช่นกัน แทงทะลุเข้าที่ไหล่เจ้าคางคก อีกนิดเดียวก็เกือบโจมตีเจ้าคางคกหัวแบะ
และเวลานี้เขาก็ใช้วิธีการเดียวกัน หมายจะแทงทะลุศีรษะหลินสวิน!
เพียงแต่การแทงครั้งนี้ ยามห่างจากหัวคิ้วของหลินสวินสามชุ่นกลับชะงักกึกโดยพลัน ไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีกสักเสี้ยว
หืม?
นัยน์ตาเลี่ยอวิ๋นไห่หดรัด ความคึกคะนองและโหดเหี้ยมที่เดิมทีฉายตรงมุมปากก็พลันแข็งทื่อในจังหวะนี้ด้วยเช่นกัน
ทวนศึกของเขาถูกมือใหญ่ที่เรียวยาวขาวกระจ่างข้างหนึ่งกำไว้แน่น
หนำซ้ำ พลังเข่นฆ่าที่สั่งสมบนทวนศึกทั้งหมดก็ถูกสลายไปหมดสิ้น!
แย่แล้ว!
ในใจเลี่ยอวิ๋นไห่พลันสั่นสะเทือนรุนแรง ระเบิดพลังทันใด ไม่ถอยกลับรุกขึ้นหน้า หมายจะฝืนดันทวนศึกเข้าไปเสียบทะลุหัวคิ้วที่ห่างแค่สามชุ่น
ตูม!
แต่หลินสวินเคลื่อนไหวนานแล้ว ฝ่ามือที่กำทวนศึกไว้เริ่มออกแรง พลังดุเดือดพุล่งพล่านระเบิดออกมาราวกับกระแสน้ำเชี่ยว
จากนั้นง่ามนิ้วของเลี่ยอวิ๋นไห่แหวกขาด ร่างกายราวกับถูกวัวป่าบรรพกาลบดขยี้ ถูกซัดลอยคว้างออกไปเสียงดังปึงหนึ่งครา
สวบ!
และขณะเดียวกันหลินสวินก็สะบัดมือขว้างทวนศึกออกไป ราวกับสายฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่เจิดจ้าหนาใหญ่สายหนึ่งแทงทะลุผ่านอกเลี่ยอวิ๋นไห่ ทะลวงเป็นรูโชกเลือดขนาดเท่าปากชาม
ซ่า!
เลือดสดสาดกระจาย เลี่ยอวิ๋นไห่ตายอนาถ เขาเป็นคนแรกที่พุ่งเข้ามา แต่ยามนี้ร่างของเขาที่ปกติจะพุ่งเข้าโจมตีเป็นนิสัย ตอนนี้กลับกระเด็นลอยออกไปอย่างแรง
สุดท้ายเกิดเสียงดังปึง กระแทกลงกับพื้นไม่ขยับเขยื้อน
“นี่…”
“แย่แล้ว!”
พวกอูหลิงเฟยต่างพากันหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ความฮึกเหิมและได้ใจในหัวพลันหายไป แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เลี่ยอวิ๋นไห่ ปีศาจแห่งยุคจากลัทธิบูชาจันทร์ ถูกฆ่าทั้งอย่างนี้หรือ
“บาดแผลของเขา…”
ทันใดนั้นเสวียนจิงกรีดเสียงร้องออกมา ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่ารอยแผลน่าสะพรึงบริเวณอกของหลินสวินสายนั้น ไม่รู้ว่าสมานกันตั้งแต่เมื่อไร นอกจากคราบเลือดที่เหลือทิ้งไว้ ถึงกับมองไม่เห็นรอยแผลจากการบาดเจ็บเลยสักนิด
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ในใจคนอื่นๆ ก็ปั่นป่วนไปพักหนึ่งเช่นกัน
ก่อนหน้านี้หลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัส เกือบถูกแหวกอกคว้านท้อง เพิ่งถูกพวกเขามองว่ามีโอกาสเลี้ยงให้เชื่อง แต่ละคนครึ้มใจหาใดเปรียบ ยื้อยุดแย่งชิงอยากเป็นคนแรกที่ฆ่าหลินสวินให้ตาย ใช้เรื่องนี้ล้างความอัปยศ ทำการแก้แค้น
ไหนเลยจะคาดคิด นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไรเอง อาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายถึงกับหายเป็นปกติแล้ว!
“กลิ่นอายของเขา… ถึงกับแกร่งกร้าวยิ่งกว่าเดิม!”
มีคนใจสะท้าน สัมผัสได้ว่าแม้หลินสวินดูเหมือนจะชุ่มเลือดทั่วร่าง แต่อานุภาพที่แผ่ซ่านออกมากลับน่าสะพรึงและแกร่งกล้ายิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
การเปลี่ยนแปลงนี้พาให้ในใจพวกเขาไหวสะท้านอีกครั้ง
ตู้ม!
หลินสวินไม่พูดพล่าม หลังจากสังหารเลี่ยอวิ๋นไห่ก็พุ่งทะยานออกมาเหมือนพายุคลั่งที่หอบม้วนฟ้าดิน ทั่วร่างเปล่งแสงเขียวเรืองรอง ท่วมท้นด้วยพลังแห่งมรรคดับดารากลืนกิน
พลังหมัดพุ่งซัด ราวกับมังกรคลั่งโผล่จากหุบเหว
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเพิ่งถูกการตายของเลี่ยอวิ๋นไห่ทำให้อึ้งค้าง รู้สึกไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้ยังถูกพลังหมัดปิดครอบ จึงตกใจจนอดร้องลั่นออกมาไม่ได้ พยายามขัดขืนเต็มกำลัง
ปึง!
ร่างกายเขาระเบิดเป็นจุณ ต่อให้ใช้ทุกสิ่ง ภายใต้หมัดที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินของหลินสวินนี้ก็ราวกับกระดาษว่าว ถูกฆ่าตายคาที่
หมัดเดียว เฉียบขาดเด็ดเดี่ยว เผด็จการไร้สิ้นสุด!
“ลงมือเร็วเข้า!”
มีคนร้องอุทาน สังหรณ์ใจว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเตือนสักนิด ในที่นี้ล้วนมีแต่บุคคลขอบเขตมกุฎ ไม่มีคนอ่อนแอสักคน ต่างตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที ล้วนบุกโจมตีโดยพลัน
เพียงแต่ในใจพวกเขายังคงสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ฟื้นตัวได้ไวปานนี้เชียวหรือ
ตูม โครม!
การต่อสู้ปะทุขึ้น
การประมือในระดับนี้น่าสะพรึงถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการปะทะดุเดือดของบุคคลขอบเขตมกุฎแห่งยุค แต่ละคนพลังต่อสู้เหนือธรรมดา
เพียงแต่สานการณ์กลับบังเกิดการพลิกผัน!
ที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้ ก็เพราะต้องช่วยอาหลู่กับเจ้าคางคก
แต่ยามนี้หลังจากกลืนของเหลววิญญาณปฐมอสนี กอปรกับพลังซ่อมแซมอันน่าตกใจของพลังมหามรรคไร้มรณะ ทำให้หลินสวินคืนสู่สภาพสมบูรณ์สูงสุดตั้งนานแล้ว!
หลินสวินซึ่งกล้ำกลืนความเคืองขุ่นเรื่อยมา เวลานี้ย่อมไม่ปรานีใดๆ
เขาเดือดคลั่งอย่างสมบูรณ์!
ปึง!
ท่ามกลางละอองแสงปลิวลอย มีเสียงกระหึ่มบาดหูดังออกมาสายหนึ่ง
จากนั้นเสียงแผดคำรามแสนดุดันหาที่เปรียบไม่ได้สายหนึ่งก็ดังก้อง
“คิดสังหารข้า? เจ้าก็ต้องตายด้วย!”
ครานี้เป็นหลันซางจากเผ่าวิญญาณสมุทร ถูกพลังหมัดของหลินสวินซัจนกระดูกเส้นเอ็นขาดสะบั้น เลือดออกเจ็ดทวาร หน้าตาบิดเบี้ยวเขียวคล้ำ
“ลำพังแค่เจ้า ยังคิดจะลากข้าไปตายด้วยหรือ ตาย!”
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงเยียบเย็นดุดันของหลินสวินก็ดังขึ้น
เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด ในครรลองสายตาของทุกคน หลินสวินที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดทั่วร่างไหลเวียนด้วยกลิ่นอายราวหุบเหวลึกอันน่าสะพรึง พลันเหยียบย่างกลางอากาศ ดาบหักก็โฉบพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน
พรึ่บ!
ดุจดั่งแสงสายหนึ่งจากส่วนลึกของฟ้าดาราที่เดี๋ยวเจิดจ้าเดี๋ยวมืดมน ลวงตาราวกับภาพมายา จากนั้น ศีรษะหนึ่งก็หลุดลอยออกไป
ศีรษะนั่นลอยขึ้นสูงยิ่ง บนใบหน้าเจือแววหวาดผวา ไม่ยินยอม สับสนและไม่อยากเชื่อ
ในแววตาสุดท้ายของเขา หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนเทพสังหารที่ไร้ทัดเทียมคนหนึ่ง แข็งแกร่ง ดุดันและเยือกเย็นปานนั้น
ปึ้ก!
ร่างไร้หัวล้มลงกับพื้น เลือดเนื้อกระจุยกระจาย
สัตว์ประหลาดยุคโบราณถูกตัดหัวไปอีกคนแล้ว!
ภาพเหตุการณ์นี้เสียดแทงประสาทรับรู้ของผู้คนไม่น้อยอีกครั้ง สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนไม่น่าดูอย่างที่สุด เจือแววตกใจแกมสงสัยอย่างลึกซึ้ง
ก่อนหน้านี้พวกเขายังแทบทนไม่ไหว อยากเป็นคนแรกที่ฆ่าหลินสวินตาย ใช้เรื่องนี้สร้างชื่อเสียง ล้างแค้นและลบความอัปยศในใจ
แต่ยามนี้ เผชิญหน้ากับหลินสวินที่คืนสู่สภาวะสูงสุด พวกเขากลับได้แต่รู้สึกใจสะท้าน หวาดหวั่นและไม่เข้าใจ
ไม่อาจจินตนาการได้เลย เหตุใดจู่ๆ สถานการณ์ถึงได้เปลี่ยนเป็นน่าอนาถเช่นนี้ พลิกผันเร็วเกินไปแล้ว!
ไม่มีใครกล้าประมาทเลินเล่อ ทุกคนล้วนสู้ไม่คิดชีวิต หลินสวินในเวลานี้ ในสายตาพวกเขาก็เหมือนสัตว์ร้ายอุทกภัยตัวหนึ่ง แผ่ภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อชีวิต
เขาตัวคนเดียว แม้จะอยู่ท่ามกลางการปิดล้อมของทุกคนแต่กลับไม่เคยถูกสยบ ตรงข้ามกลับเหมือนหุบเหวลึกที่เดือดปะทุกำลังพาดขวาง มีอานุภาพกลืนกินแปดทิศ ดับสิ้นความเวิ้งว้างโดยรอบ ทั่วร่างเปล่งประกายเจิดจรัส ดุจเทพมารที่ไม่อาจทัดเทียม เหยียดหยันและเผด็จการ
ท่วงท่าแข็งแกร่งปานนั้น พาให้คนไม่น้อยต่างใจสะท้าน!
พรึ่บ!
ไม่ทันไรหลินสวินก็คว้าโอกาส ทะยานตัวกระโจนขึ้นไป ร่างกายพุ่งปะทะใส่กลางอกชายหนุ่มชุดเหลืองอย่างจัง
กร๊อบๆ… เสียงกระดูกระเบิดแตกดังชัดในหู ผิวหนัง กระดูก รวมถึงอวัยวะภายในและสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณทุกอณูของชายหนุ่มชุดเหลืองคนนั้นล้วนแตกปะทุ ส่งเสียงโหยหวนออกมา
จากนั้นร่างของเขาถึงกับระเบิดแตกทั้งอย่างนั้น ฝนเลือดดุจน้ำตกสาดกระเซ็น!
สวบ!
แต่ก่อนหน้านี้อูหลิงเฟยและอีกหลายคนได้พุ่งไปหาอาหลู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าตั้งใจใช้ลูกไม้เดิมกำจัดศัตรู หมายจะใช้เรื่องนี้มาควบคุมหลินสวิน
เพียงแต่หลินสวินกลับไม่ได้คิดจะยื่นมือเข้าช่วยอีกสักนิด
และอาหลู่เองก็ไม่ได้หลบเช่นกัน เจ้าคนที่กำยำใหญ่หนาปานเทพเถื่อนคนนี้ ยามนี้กระตุกยิ้มเยาะหนึ่งครา ริมฝีปากส่งเสียงคำรามลั่นสะเทือนสวรรค์ออกมา…
“บิดาจะอัดไอ้เวรชาติชั่วอย่างพวกเจ้าให้เรียบ!”
ตูม!
บนผิวหนังปานหินผาทั่วร่างของเขาปรากฏเงามายาช้างเทพแล้วสายเล่าขึ้น ราวกับกำลังสยบมหาพิภพ สะท้อนไอเลือดเย้ยฟ้าที่แข็งแกร่งไร้สิ้นสุด
กระบองยักษ์เหล็กนิลท่อนหนึ่งตวัดกวาด ห้วงอากาศถูกซัดระเบิดป่นปี้ เสียงครวญแหลมปานจะฉีกทึ้งแก้วหู
เสียงดังปึงหนึ่งครา ชายหนุ่มคนหนึ่งปัดป้องไม่ทัน ถูกกระแทกลอยออกไปอย่างจังราวกับกระสอบทรายที่ลอยพุ่ง กระแทกใส่เสาทองแดงที่ห่างออกไปนอกพันจั้ง ทั้งตัวล้วนฝังติดอยู่บนเสาทองแดง
“แย่แล้ว! เจ้านี่ก็ฟื้นพลังต่อสู้ด้วย!” สีหน้าอูหลิงเฟยทะมึนลง ภายในใจยิ่งรู้สึกไม่สงบมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไป!”
และเสวียนจิงยิ่งตรงไปตรงมา ถอยร่นโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด พุ่งไปทางด้านนอกตำหนักใหญ่
หลินสวินเดิมก็แข็งแกร่งหาใดเปรียบอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บก็ยังสำแดงพลังต่อสู้ที่เรียกได้ว่าพลิกฟ้า ยามนี้เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้ว ใครจะกำราบได้กัน
ส่วนอาหลู่ก็แข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน หากไม่เป็นเช่นนี้ ก่อนที่หลินสวินจะมาถึงคงถูกพวกเขาปิดล้อมโจมตีและฆ่าตายไปแล้ว
และยามนี้แม้แต่อาหลู่ก็ยังฟื้นคืนพลังต่อสู้โดยสมบูรณ์ นี่ทำให้หลินสวินเหมือนเสือติดปีก พาให้สถานการณ์เกิดการพลิกผันรุนแรงไปด้วย ไม่มีทางสู้ต่อไปได้อีก!
“คิดหนีเรอะ เคยถามปู่เจ้าบ้างหรือไม่!”
ทันใดนั้นเจ้าคางคกก็บุกโจมตีแล้ว ทั้งร่างเป็นสีทองอร่าม ส่งเสียงคำรามลั่นออกมาแล้วโถมไปทางเสวียนจิง ทั่วร่างเดือดพล่านด้วยไอสังหารไร้ที่สิ้นสุด
ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะหลินสวินเข้าช่วยเหลือ เขาก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ตอนนี้อาศัยความช่วยเหลือจากของเหลววิญญาณปฐมอสนีฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ มีหรือเขายังจะออมมือ
ระเบิดปะทุออกมาตรงๆ แล้ว!
ตูม!
ท่ามกลางตำหนักใหญ่ การต่อสู้ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์ชนปะทะ แสงสมบัติเดือดพล่าน
เพียงแต่ แน่นอนว่าสถานการณ์ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
หลินสวิน เจ้าคางคก อาหลู่ ทั้งสามคนร่วมมือกัน พลานุภาพดุจสายรุ้ง บุกฆ่าท่ามกลางศัตรูแข็งแกร่ง แต่ละคนสำแดงพลังต่อสู้ที่แทบจะวิปริตอออกมา
สิ่งที่หลินสวินใช้คือพลังสังหารที่แข็งแกร่งที่สุด ใช้มรรคดับดารากลืนกินสำแดงวิชาแห่งตน กวาดขวางทั่วลาน
ส่วนเจ้าคางคกและอาหลู่ด้อยกว่าเสียที่ไหน ฝ่ายแรกเป็นทายาทเผ่าคางคกทองสามขา สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ชื่อเสียงเรืองรอง ครอบครองเคล็ดวิชากลืนตะวันคายจันทรา ยอดวิชาที่สะเทือนอดีตสะท้านปัจจุบัน
ด้านอาหลู่ก็มีแนวโน้มว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสายเลือดเทพยุทธ์คชสารมังกรบรรพกาล ครอบครองวิชาดาวเหนือสยบโลกา ทั้งก้าวเดินบนเส้นทางแห่งกายหยาบบรรลุอริยะ ความแข็งแกร่งของพลังเรียกได้ว่าวิปริต
สามคนร่วมกันบุกโจมตี อานุภาพดุจผ่าลำไผ่ ง่ายดายเสมือนหักทำลายหญ้าแห้งไม้ผุ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
พรึ่บๆๆ!
เพียงเวลาสั้นๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งเจ็ดแปดคนชะตาดับ ล้วนตายอนาถยิ่ง ยามพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ละคนล้วนเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ เหยียดหยันหยิ่งทระนง
แต่พอตายไป ทั้งหมดล้วนมลายหายลับ กลายเป็นความว่างเปล่า
เมื่อย้อนมองในลานอีกครั้ง ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ เดิมทีมีผู้แข็งแกร่งยี่สิบหกคนจากขุมอำนาจแตกต่างกัน สามารถเข้าสู่ตำหนักเพลิงเทพแห่งนี้ได้ก็พอรู้ถึงความไม่ธรรมดาของพวกเขาแล้ว
แต่ยามนี้ คนที่ยังยืนอยู่ในลานเหลืออยู่เพียงแปดคนเท่านั้น!
หรือกล่าวได้ว่า ผู้แข็งแกร่งมากกว่าครึ่ง เวลานี้ไม่ล้มตายก็เสียพลังต่อสู้ บาดเจ็บปางตาย
ยามนี้แม้แต่อูหลิงเฟยก็ยังขลาดกลัว หมุนตัวแล้วหนีทันที
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ล้วนถูกทำให้ตกใจจนขวัญเสียตั้งนานแล้ว ต่างพากันเผ่นหนีโดยไม่ลังเลใดๆ
เดิมทีเทพมารหลินคนเดียวก็น่ากลัวเกินพอแล้ว ยามนี้ดันมีผู้ช่วยโผล่มาอีกสองคน นี่ไม่มีทางสู้ต่อไปได้เลยสักนิด
“จะไปไหน!”
หลินสวินตวาดลั่น เรียกดาบหักออกมา ไล่ตามขึ้นไปพร้อมกับเจ้าคางคกและอาหลู่
พรึ่บ!
ชายหนุ่มที่ถือเคียวสีเลือดถูกดาบหักฟันเป็นสองท่อน
และพร้อมกันนั้น อาหลู่กับเจ้าคางคกรวมพลังกันสังหารผู้แข็งแกร่งอีกคน
จนกระทั่งไล่ล่าสังหารมาถึงหน้าตำหนักนั่น สิ่งที่ทำให้อูหลิงเฟยและผู้แข็งแกร่งอีกห้าคนสิ้นหวังคือ ประตูบานใหญ่ของตำหนักที่ปิดสนิทนั้นดันไม่สามารถเปิดออกได้!
ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไรล้วนไม่สามารถสั่นคลอนได้สักเสี้ยว
“ไม่…!”
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
เสียงคำรามเดือดจัดดังก้องขึ้น พวกอูหลิงเฟยจวนจะเสียสติ ตาแทบถลนเบ้า
ตีหัวจนแตกก็คิดไม่ถึงว่าตำหนักเร้นลับแห่งนี้ ถึงกับมีแต่สภาพที่เข้ามาได้แต่ออกไม่ได้!
ห่างออกไปหลินสวิน เจ้าคางคกและอาหลู่ได้พุ่งเข้ามาราวกับเทพสังหารแล้ว
……………………