ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 922 การนัดสู้ระหว่างจักรพรรดิ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ครู่หนึ่งก่อนหน้านี้ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอที่เข้าฌานอยู่ในเขากว่างเฉิง ได้ทำลายคอขวดที่ติดมาโดยตลอดสำเร็จแล้ว!

หลังจากจุดลมปราณสำคัญและจุดลมปราณหลักทั่วร่างประสานเสียงกับดวงดาวที่แท้จริงในจักรวาล ได้เห็นเทวะสำแดง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็หลอมจุดลมปราณซ่อนเร้นจุดหนึ่งเป็นเทวะสำเสร็จ

การก้าวเท้านี้ทำให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอได้เลื่อนไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย

ก้าวเข้าไปในโลกใบใหม่

แม้ว่าร่างจริงจะอยู่นอกโลกซ้อนโลก ถูกกั้นไว้ด้วยมิติเวลาหนาหนัก ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกลดอ่อนลงมาก แต่ว่าการเพิ่มระดับและการทำลายด่านของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอยังรู้สึกถึง

สิ่งที่สำคัญเป็นพิเศษก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอได้สัมผัสกับวิถีการเลื่อนระดับ และความเข้าใจในพริบตาที่หลอมจุดลมปราณซ่อนเร้นเป็นเทวะของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก เป็นเหตุให้พลังฝึกปือของเขาได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวง

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์ที่หลอมร่างแยกออกมาได้ แม้จะไม่ค่อยมีอยู่อย่างแพร่หลาย แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย

แต่คนที่หลอมร่างแยกซึ่งมีระดับสูงกว่าร่างจริงของตัวเองออกมามีอยู่น้อยนิดเต็มที หายากดุจขนหงส์เกล็ดกิเลน

และเยี่ยนจ้าวเกอเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้

แม้ว่าจะฝึกฝนวรยุทธ์ที่คล้ายกัน ทว่าแต่ละคนมักจะพบเจอเส้นทางที่แตกต่างกันไป มากบ้างน้อยบ้าง

เรื่องนี้ต่างใช้ได้กับทั้งร่างจริงและร่างแยกของจอมยุทธ์

ประสบการณ์ในนี้ มีค่าให้พิจารณาสำหรับอีกฝ่าย แต่ก็อาจก่อให้เกิดอุปสรรค ทำให้สับสนกว่าเดิม

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีการสั่งสมก่อนหน้าเปี่ยมล้นเกินไป

หลังจากได้จุดอัคคีดาว ก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้หยุดย่างก้าว

หลังจากสงครามบนทะเลหวงเจียจบลง เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้ผ่อนคลายการฝึกฝนของตัวเอง

คัมภีร์พลิกฟ้าเป็นหนึ่งในสามสามคัมภีร์กำเนิดก่อนของคัมภีร์นภาต้นกำเนิด มีความน่าอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด

ปกติแล้วแม้จะไม่ได้ตั้งใจโคจรเคล็ดวิชา ขณะหายใจก็จะเกิดการสั่งสมพลัง ทำให้เคล็ดวิชายิ่งมายิ่งล้ำลึก

คล้ายกับฝึกฝนอยู่ทุกชั่วโมงทุกนาทีทุกวินาที

ดังนั้นตามปกติแล้ว ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั่งนิ่งหรือเคลื่อนไหว แม้จะไม่แตกต่างอะไรกับคนอื่น แต่ความจริงการสั่งสมของเขายิ่งมายิ่งเปี่ยมล้นทีละน้อยๆ

ตอนที่อยู่ในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย แม้ว่าจะไม่ได้เจอจักรพรรดิแพร ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับบิดาของเขาก็ไม่ได้รีบร้อน พากันฝึกฝนอย่างปลอดโปร่ง

มาถึงตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอได้หลอมจุดลมปราณหลักและจุดลมปราณสำคัญทั่วร่างของตัวเองเป็นเทวะ ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ห่างจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกแค่เพียงหน้ากระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น

และตอนนี้เมื่อได้รับการชี้แนะจากการเปิดจุดลมปราณซ่อนเร้นในร่างของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก เยี่ยนจ้าวเกอก็เจาะกระดาษหน้าต่างชั้นสุดท้ายได้ในทันที

ในขณะที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็ก้าวสู่ขั้นนั้นเช่นเดียวกัน

ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนระดับ เขาทำต่อหน้าฟู่ถิง ทั้งไม่มีคนอื่นคุ้มครอง

ฟู่ถิงไม่ได้มุ่งร้ายต่อเขา กลับยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ ช่วยเยี่ยนจ้าวเกอระวังมิติรอบๆ ให้

ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนระดับเสร็จ เขาเห็นฟู่ถิงถอนใจชมเชย “คุณชายเยี่ยนเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน ฟู่ถิงนับถือนัก”

“เป็นเพราะวาสนาอยู่บ้าง แม่นางฟู่ชมกันเกินไป ยังต้องตอบคุณที่แม่นางฟู่ช่วยคุ้มครอง” เยี่ยนจ้าวเกอมองฟู่ถิง “ถ้าข้ามองไม่ผิด อีกไม่นานแม่นางฟู่ก็จะหลอมจุดลมปราณหลักและจุดลมปราณสำคัญทั้งหมดเป็นเทวะได้แล้ว”

ฟู่ถิงเอ่ย “จะยืดไม้ไผ่ร้อยคืบให้ยาวขึ้นอีกมักยากที่สุดเสมอ ยิ่งไปถึงด่านสุดท้าย ความยากยิ่งมาก”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า

ถ้าหากแบ่งการฝึกปรือวรยุทธ์ออกเป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ทุกขั้นตอนจะมีจุดเริ่มต้นและจุดจบยากลำบากที่สุด

หากเริ่มต้นดี อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้อง ตรงกลางจะค่อนข้างง่ายดาย ต่อให้จะต้องเสียเวลา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพราะการสั่งสมที่จำเป็น เพียงทำตามลำดับขั้นตอนก็จะลุล่วงด้วยดี

เยี่ยนจ้าวเกอพอเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายสำเร็จ คนทั้งสองก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

เมื่อพลังฝึกปรือรุดหน้าขึ้นอีกขั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็อยู่ในมิติที่สับสนได้อย่างอิสระมากขึ้น เส้นทางในการกลับไปยังโลกซ้อนโลกของคนทั้งสองก็สะดวกขึ้นเช่นกัน

หลังจากเดินทางได้อีกสักระยะ เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงก็มีความรู้สึกว่าในที่สุดพวกเขาก็เข้าใกล้โลกซ้อนโลกแล้ว

วันนี้เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงออกจากกระแสปั่นป่วนของมิติ ด้านหน้าพลันสว่างไสว เป็นบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์สายหนึ่ง

หลังจากจำแนกสภาพแวดล้อมรอบๆ แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็พลันยิ้มขึ้น

โลกซ้อนโลกอยู่ตรงหน้านี้เอง

พวกเขากลับมาสำเร็จแล้ว

แม้จะไม่รู้ว่าประตูอีกด้านของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าตั้งอยู่ตรงไหนบนโลกซ้อนโลก ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็กลับโลกซ้อนโลกได้แล้ว

กระนั้นในตอนนี้เอง บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่อยู่ด้านหน้าก็พลันสั่นไหว

จากนั้นก็มีคนพุ่งออกมาจากด้านใน มาถึงมิติต่างแดนที่กว้างใหญ่ไพศาล

ครั้นเขาพบพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก็อดงงงันไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นอีกฝ่ายเป็นบุรุษอาภรณ์ดำที่มีอายุราวๆ ห้าสิบปี สภาวะเป็นระเบียบมั่นคง ตั้งตระหง่านดุจขุนเขา

บุรุษอาภรณ์ดำมองฟู่ถิง ประหลาดใจเล็กน้อย “ฟู่บัวแดง ตอนนี้ท่านกำลังจะกลับโลกซ้อนโลกหรือ”

เขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง ลังเลเล็กน้อย “ท่านผู้นี้…หรือจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง”

ฟู่ถิงจำบุรุษอาภรณ์ดำผู้น้้นได้ “ที่แท้เป็นประมุขพรรคหลิวจากพรรคเขาหยก”

นางแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน “คุณชายเยี่ยน ท่านนี้คือประมุขพรรคเขาหยกบนเขากระท่อมฟ้าในเขตมหานภากลาง หลิวเซี่ยงถง”

“ประมุขพรรคหลิว ท่านนี้คือคุณชายเยี่ยนจ้าวเกอ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับประสานมือคารวะ “ประมุขพรรคหลิว ยินดีที่ได้พบ”

เขตมหานภากลางตั้งอยู่ที่ใจกลางโลกซ้อนโลก ที่ที่คนรู้จักมากที่สุดย่อมเป็นเขาคุนหลุน

กระนั้นอาณาเขตในเขตมหานภากลาง นอกจากเทือกเขาคุนหลุนแล้ว ยังมีภูมิภาคอื่นอยู่อีก เขากระท่อมฟ้าเป็นหนึ่งในนั้น

ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อพรรคเขาหยกมาก่อน แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเคยได้ยินชื่อเขากระท่อมฟ้านานแล้ว

หลิวเซี่ยงถงที่อยู่เบื้องหน้าได้ปีนขึ้นสะพานเซียนแล้ว มีพลังไม่ธรรมดา

ทว่าตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ คิดจะยืดหยัดในเขตมหานภากลางไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

ถ้าไม่มีความสามารถมากพอ ก็ต้องมีที่พึ่งที่แข็งแกร่ง

ดูจากลักษณะในตอนนี้ บางทีที่พึ่งของพรรคเขาหยกอาจจะเป็นผาบัวแดงแห่งยอดเขาอัศจรรย์ก็ได้กระมัง

ทว่าทันทีที่หลิวเซี่ยงถงเห็นตนกับฟู่ถิงเตรียมจะกลับโลกซ้อนโลก เขาก็คล้ายกับมีท่าทางตกใจ

ฟู่ถิงสังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน “ประมุขพรรคหลิว เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ ก่อนหน้านี้ข้าไปยังมิติต่างแดน ไม่ได้ติดต่อกับทางโลกซ้อนโลกมาระยะหนึ่ง วันนี้เพิ่งจะกลับมา”

“เช่นนี้ก็ยากจะกล่าวโทษแล้ว” หลิวเซี่ยงถงกล่าวเสียงทุ้มว่า “ทวนพระอังคาร อาวุธเซียนของราชันพระอังคาร หนึ่งในเก้านพเคราะห์ ได้นัดสู้กับจักรพรรดิแพรบิดาของท่าน วันต่อสู้คือวันนี้”

“เพื่อไม่ให้โลกซ้อนโลกได้รับผลกระทบและถูกทำลาย ทั้งสองจึงได้นัดสู้กันในมิติต่างแดน มีคนไม่น้อยรีบรุดไปชมดู ข้าน้อยก็เป็นหนึ่งในนั้น”

เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงได้ยินต่างมองหน้ากันเอง

หลิวเซี่ยงถงถอนใจ “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาวุธเซียนอย่างทวนพระอังคารจะมีความนึกคิดเป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์ กลายเป็นจักรพรรดิอีกคนหนึ่ง”

เขามองฟู่ถิง “ว่ากันว่าเขาฉวยโอกาสตอนจักรพรรดิแพรบิดาของท่านไม่อยู่ ทำลายสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยของพรรคท่าน จากนั้นก็โจมตีเขาโถงทองของประมุขอาคเนย์”