บทที่ 1125 นักฆ่ามืออาชีพ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,125 นักฆ่ามืออาชีพ

การลอบสังหารเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่มีเวลาให้ตั้งตัว

แม้เขาจะมีพลังขั้นเซียนเหมือนกัน แต่การถูกลอบโจมตีอย่างกะทันหันเช่นนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่หนักหน่วงมากเกินไปอยู่ดี

เป็นอีกครั้งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงความสำคัญของพลังจิต

หากหลินเป่ยเฉินมีพลังจิตแข็งแกร่งมากกว่านี้ อย่างน้อยเขาก็จะรู้ตัวว่ามีผู้คนดักซุ่มรออยู่ที่เบื้องหน้า เช่นเดียวกับเหล่ามือสังหารที่โอบล้อมเข้ามาจากด้านหลัง

นับว่านักฆ่าขั้นเซียนแทบจะสามารถล่องหนหายตัวได้จริง ๆ

มือสังหารเหล่านี้ถูกฝึกฝนเรื่องการฆ่าคนมาตั้งแต่เยาว์วัย จุดตายบนร่างกายมนุษย์อยู่ตรงไหนบ้าง พวกมันย่อมทราบดี ยามลงมือปฏิบัติหน้าที่ พวกมันจะระเบิดพลังออกมาจนถึงขีดสุด เพื่อสามารถสังหารเป้าหมายให้ตกตายไปในกระบวนท่าเดียว

ยิ่งมีมือสังหารมากคน เคล็ดวิชาการลอบสังหารก็ยิ่งมากตาม…

อานุภาพในการโจมตีก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

เป็นเรื่องยากที่เป้าหมายจะรอดพ้นความตาย

พลังกดดันอันหนักหน่วงคุกคามเข้ามาจากรอบทิศทาง

ปฏิกิริยาตอบรับของหลินเป่ยเฉินเชื่องช้ามากเกินไป

แต่โชคยังดีที่ผู้อื่นไม่ได้เชื่องช้าตามไปด้วย

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ประกายไฟสาดกระจายในทางเดินอันมืดมิด

แขนโลหะสองข้างพลันยื่นออกมาจากเงาด้านหลังหลินเป่ยเฉิน และสามารถปัดป้องคมกระบี่ที่กำลังเข้าถึงตัวได้ทันเวลา

ยามที่คมกระบี่ของมือสังหารปะทะเข้ากับแขนโลหะทั้งสองข้างนั้นจะได้ยินเสียงของเนื้อโลหะกระทบกันดังเกรียวกราว

นี่ย่อมเป็นการคุ้มกันของกงกง องครักษ์เงา

ลมหายใจต่อมา กงกงก็ปรากฏตัวออกมาจากเงามืดราวกับเป็นวิญญาณตนหนึ่ง เขาเหวี่ยงแขนโลหะของตนเองพร้อมกับระเบิดเสียงคำรามดังลั่น เมื่อคลื่นพลังระเบิดออกมาจากแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ กลุ่มมือสังหารชุดดำก็ต้องรีบล่าถอยเว้นระยะห่างออกไป

“ช้าก่อน”

หลินเป่ยเฉินร้องตะโกน “เดี๋ยวข้าจัดการเอง”

กระบี่เงินปรากฏขึ้นในมือ ประกายเย็นเยียบสะท้อนกับแสงจันทร์ระยิบระยับ

เด็กหนุ่มต้องการลงมือเพื่อล้างอายให้ตนเอง

พวกมันคิดลอบสังหารเขาอย่างนั้นหรือ?

ต้องตายกันไปให้หมด

เมื่อกงกงได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนาย ร่างกายของเขาก็สลายกลายเป็นหมอกควัน กลืนหายไปกับเงาของหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง

ภาพที่เห็นนี้ทำให้บรรดามือสังหารชุดดำตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

พวกมันไม่เคยรับทราบข้อมูลมาก่อนว่าเป้าหมายมีองครักษ์คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ข้างกาย

“กระบี่ชำแหละเงา”

หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ขึ้นและตวัดฟันออกไป

วูบ!

ศีรษะของมือสังหารผู้หนึ่งลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ

กระบี่เงินในมือของหลินเป่ยเฉินนับเป็นกระบี่ที่คมที่สุดในโลกอย่างแท้จริง

ไม่มีอะไรที่มันจะตัดไม่ได้

มือสังหารผู้เผชิญหน้ากับกระบี่ของหลินเป่ยเฉินเป็นคนแรก ถูกตวัดฟันจนร่างกายแยกออกเป็นสี่ส่วน

“ศพที่หนึ่ง”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างเย็นชา

กริ๊ก!

ได้ยินเสียงกลไกอะไรบางอย่างทำงาน

ปรากฏว่ามือสังหารที่อยู่ทางซ้ายมือหมุนกายเปลี่ยนตำแหน่งและซัดอาวุธลับที่เป็นเข็มอาบยาพิษสีน้ำเงินเข้มออกมาชุดหนึ่ง

นี่คือเข็มอาบยาพิษที่มีไว้สำหรับใช้งานกับผู้มีพลังขั้นเซียนโดยเฉพาะ

ยาพิษที่ถูกชโลมไว้บนตัวเข็มมีอานุภาพสังหารร้ายกาจ

กลุ่มเข็มเหล่านั้นบินตรงเข้าไปที่ลำคอของเด็กหนุ่ม

เมื่อถูกเข็มอาบยาพิษชนิดนี้ทิ่มแทง ต่อให้ไม่ตาย อย่างน้อยก็สูญเสียพลังวรยุทธ์ไปชั่วชีวิต

และจากการโจมตีในระยะประชิดเช่นนี้ ไม่มีทางที่หลินเป่ยเฉินจะหลบรอด

ดวงตาของมือสังหารที่ยิงเข็มอาบยาพิษออกมาพลันเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต

แต่หลินเป่ยเฉินกลับส่งเสียงคำรามแผดก้องว่า “ฝันไปเถอะ”

เขาโคจรพลังปราณธาตุทองคำ ใช้ทักษะการควบคุมแร่โลหะทั้งหมดออกมา

แล้วบรรดาเข็มอาบยาพิษเหล่านั้นที่กำลังจะพุ่งเข้ามาปักลำคอของเขาก็หยุดชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะค่อย ๆ หันปลายของมันพุ่งย้อนกลับไปหาผู้เป็นเจ้าของ

มือสังหารทางซ้ายมือผู้นั้นยืนตัวแข็งทื่อ

เข็มอาบยาพิษจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะลวงเข้าสู่ร่างของมัน

ดวงตาบ่งบอกถึงความหวาดผวาในราตรีอันมืดมิด

“เป็นไปไม่ได้…”

มันร้องออกมาก่อนจะล้มกลิ้งลงไปบนพื้นดิน

มันฉีกหน้ากากและเสื้อผ้าของตนเองด้วยสองมือ ดิ้นทุรนทุรายราวกับถูกแมลงสัตว์กัดต่อย เสียงร้องโหยหวนก่อนจบชีวิตของมือสังหารผู้นี้ฟังดูน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง

“ศพที่สอง”

หลินเป่ยเฉินคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น สืบเท้าก้าวตรงไปข้างหน้า

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

วูบ!

เขาก็ตวัดกระบี่ไปทางด้านหลัง

กำแพงวายุพลันปรากฏขึ้นด้านหลังหลินเป่ยเฉิน

แล้วน้ำกรดพิษที่มือสังหารทางด้านหลังสาดใส่หลินเป่ยเฉินก็หายวับไปในกำแพงวายุ

และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้…

วูบ! วูบ! วูบ!

กระบี่สิบเล่มพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังหลินเป่ยเฉินสะท้อนประกายกับแสงดาวระยิบระยับ พวกมันล้วนเป็นกระบี่ที่เด็กหนุ่มขโมยมาจากสุสานกระบี่ทั้งสิ้น

และกระบี่เหล่านี้ก็พุ่งเข้าไปหาบรรดามือสังหารที่โอบล้อมอยู่ทางด้านหลัง

ในเวลาเพียงพริบตาเดียว หลินเป่ยเฉินก็ใช้พลังปราณธาตุทองคำควบคุมกระบี่เหล่านั้นจัดการกับกลุ่มนักฆ่ามืออาชีพได้อย่างอยู่หมัด

มือสังหารขั้นเซียนสี่คน ถึงแก่ความตายในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

มือสังหารที่เหลืออยู่อีกหนึ่งคนกลับสามารถปัดป้องกระบี่ทั้งสิบเล่มนั้นได้โดยไม่มีปัญหา

และลมหายใจต่อมา มันก็ยกกระบี่สีฟ้าเข้มในมือของตนเองฟันใส่หลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มรีบตีลังกาหลบหลีก

เงาร่างของมือสังหารผู้นั้นเร้นกายหายไปในความมืดมิดยามราตรีทันที

พลาดเพียงนิดเดียว มันก็สามารถหลบหนีไปไกลได้เป็นพันลี้แล้ว

นี่คือนักฆ่ามืออาชีพ

นี่คือมือสังหารระดับพระกาฬ หากไม่พบอันตรายถึงแก่ชีวิตจริง ๆ มันย่อมไม่กล้าละทิ้งภารกิจไปโดยพลการ

แทบไม่เคยมีใครรอดพ้นจากการสังหารในกระบวนท่าแรกของพวกมันมาก่อน

เพราะการโจมตีกระบวนท่าแรกคือการโจมตีที่รุนแรงที่สุด

เพราะการโจมตีในกระบวนท่าแรก มีอัตราการสังหารเป้าหมายได้สำเร็จมากที่สุด

สิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อม เลือกสถานที่ลงมือ เลือกเวลาในการลงมือ และเลือกผู้คนสำหรับการลงมือ

กับมือสังหารเหล่านี้ เมื่อการโจมตีในกระบวนท่าแรกไม่ประสบผลสำเร็จ สถานการณ์ของพวกมันก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ

ดังนั้น เมื่อเข้าตาจน มือสังหารจึงเลือกหลบหนีก่อนเป็นสิ่งแรก

หลินเป่ยเฉินไม่ได้ไล่ตาม

เพราะวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายร้ายกาจมากเกินไป

เขาไล่ตามไม่ทันแน่ ๆ

ครั้งนี้ เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าตนเองได้เผชิญหน้ากับนักฆ่าที่แท้จริง

นักฆ่าที่อันตราย

ยามที่หลบหนีไป มือสังหารผู้นั้นไม่ได้ทิ้งคำพูดใด ๆ ไว้สักคำ

ช่างร้ายกาจยิ่งนัก

หลินเป่ยเฉินหมุนตัวกลับ แล้วเดินไปหาซากศพของบรรดามือสังหารบนพื้น

พวกมันล้วนตายหมดสิ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ซากศพยังละลายอีกด้วย

ศพของมือสังหารเหล่านี้กลายเป็นเพียงแอ่งของเหลวสีดำบนพื้นดินเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินกำลังจะเดินเข้าไปที่แอ่งของเหลวเหล่านั้น แต่แล้วเขาก็หยิบยาขับพิษตรายินเคียวโกยตั๊กเพี่ยงออกมาอมไว้ใต้ลิ้นเม็ดหนึ่ง ก่อนจะสืบเท้าก้าวเข้าไปใกล้ ๆ

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะหลินเป่ยเฉินเห็นว่าแอ่งของเหลวเหล่านั้นกำลังมีหมอกควันระเหยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกมันถูกสายลมพัดพาไปทางบรรดาต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ข้างทาง ต้นหญ้าและวัชพืชเหล่านั้นก็ละลายกลายเป็นของเหลวสีดำไปทันที…

นี่ก็เป็นยาพิษอีกเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินแอบตกใจอยู่ไม่น้อย

มือสังหารเหล่านี้ ขนาดตายแล้วก็ยังฆ่าคนได้อีก

เด็กหนุ่มหันหน้ามองไปยังศพของมือสังหารที่ถูกตัดศีรษะเป็นคนแรก

โชคดีที่ศพนี้ไม่ละลาย

หลินเป่ยเฉินใช้กระบี่เขี่ยหน้ากากออกไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย

เมื่อหน้ากากหลุดออกไปแล้ว เขาจึงได้พบว่ามือสังหารผู้นี้ไม่มีใบหน้า

ไม่มีดวงตา ไม่มีจมูก ไม่มีคิ้ว ไม่มีปาก ไม่มีอะไรเลยทั้งนั้น

“ไม่มีจมูกกับไม่มีตา แล้วหายใจกับมองเห็นได้ไงวะเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินสวมใส่ถุงมือ ก่อนเริ่มลงมือตรวจค้นซากศพนั้น

นอกจากชุดพรางตัวสำหรับยามราตรีแล้ว เขาก็ไม่พบอะไรจากศพของอีกฝ่ายเลย

ในถุงเก็บของวิเศษไม่มีอะไรอยู่เลยทั้งสิ้น

“เพราะแบบนี้ไงล่ะ เราถึงเกลียดพวกมือสังหารมากที่สุด เวลาออกมาปฏิบัติภารกิจ พวกมันไม่คิดจะพกอะไรติดตัวบ้างเลยหรือไง”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความฉุนเฉียว

ทันใดนั้น เขาก็เริ่มคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง

จดหมายของอาจารย์ติงฉบับนั้นใช่ของจริงหรือไม่?

การลอบสังหารในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไร้แบบแผน

แต่มันถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก

มิหนำซ้ำ มือสังหารเหล่านี้ยังมีพลังอยู่ในขั้นเซียน ไม่ใช่จะว่าจ้างกันมาได้ง่าย ๆ สักหน่อย

ดูเหมือนจดหมายฉบับนั้นจะเป็นกับดักล่อให้เขามาที่นี่

เพราะแบบนี้เองสินะ ในจดหมายถึงกำชับให้เขาออกมาโดยไม่ให้ผู้ใดพบเห็น และถนนสายนี้ก็เป็นเพียงถนนสายเดียวที่จะทอดนำไปสู่สุสานกระบี่โดยไม่ต้องใช้ถนนสายหลัก

หมายความว่าจดหมายฉบับนั้นไม่ได้เขียนโดยอาจารย์ติง

หลินเป่ยเฉินมั่นใจมาก

แต่ปัญหาก็คือ ลายมือในจดหมายคือลายมือของอาจารย์ติงชัด ๆ

ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงกลับมาลังเลอีกครั้งว่าจดหมายเป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่

แต่ยังมีอีกหนึ่งคำถามสำคัญ

ดูเหมือนผู้ที่วางแผนการลอบสังหารในครั้งนี้จะรู้จักตัวเขาเป็นอย่างดี แถมยังรู้เรื่องของอาจารย์ติงกับสุสานกระบี่ในเมืองไป๋หยุนอีกด้วย

ใครกันนะที่อยากฆ่าเขาถึงขนาดนี้?

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

เขาโคจรพลังปราณธาตุดิน กลบฝังซากศพและแอ่งของเหลวมีพิษลงไป จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกมา

ทิศทางที่เด็กหนุ่มมุ่งหน้าไปไม่ใช่สุสานกระบี่

แต่เป็นคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง