ขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องบ่อโลหิตอสุราอยู่นั้นมันก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายในที่พักถึงหน้าประตู
เมื่อผีเทพสวรรค์ขวังต้าวได้เห็นว่าคนที่มาถึงนั้นคือใครเขาก็รีบก้มหัวลงคารวะ “ท่านก่วยถง!”
ผีเทพสวรรค์ก่วยถงนี้เป็นถึงเทพสวรรค์ขั้นปลายผู้มีดวงตาดำสนิทปิดสิ้นไร้สีขาวใด
ก่วยตงนั้นพยักหน้าตอบกลับมา “ขวังต้าว ท่านชางหมิงสั่งให้เจ้าพานายน้อยของเจ้าไปพบ”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นต้องผงะไปเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองถามความเห็นเย่หยวน
สวเย่หยวนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะตอบกลับไปแทน “ไม่ต้อง เจ้ารีบเก็บของไปกับข้า ข้ารีบ!”
เวลานี้จิตใจของเขานั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความกังวลคิดอยากไปให้ถึงที่หมายอย่างเร็วที่สุดมีหรือที่จะยอมเสียเวลามาพูดจาต่อรองใดๆ กับจักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิง?
เพราะยิ่งช้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะเป็นอันตรายแก่หวู่เฉินและมู่หลินเสวียมากเท่านั้น
หากให้พูดกันตามจริงแล้วตัวหวู่เฉินเองก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บจนสาหัสปานนี้หากมิใช่เพราะเขาต้องปกป้องมู่หลินเสวีย
แต่หากไร้ซึ่งการปกป้องจากหวู่เฉินตัวจิตของมู่หลินเสวียคงต้องสิ้นหายลงไปอย่างแน่นอนในวินาทีที่เกิดการปะทะพลัง
วันคืนที่ผ่านไปในเมืองอินทรีสวรรค์นั้นเย่หยวนไม่เคยจะได้ใช้มันอย่างมีความสุขเลย
เวลานี้เมื่อได้ยินข่าวเรื่องข่ายเงินแก่นโลหิตมาแล้วมีหรือที่เขาจะยังกล้ารอชักช้าใดๆ อีก?
แต่ทางผีเทพสวรรค์ก่วยถงกลับหรี่ตาลงมอง “เจ้ามนุษย์ ท่านชางหมิงเรียกเจ้าเข้าพบ เจ้ากล้าจะไม่ไว้หน้าท่านหรือ?”
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจตอบกลับใดๆ และหันไปสั่งขวังต้าวที่ยังยืนนิ่ง “ขวังต้าว!”
ทางตัวขวังต้าวที่ได้ยินก็สะดุ้งตัวได้สติรีบก้มหัวรับคำ “ขอรับ!”
เหล่ายอดฝีมือผีเต๋าทั้งหลายนั้นมันมีทั้งที่เติบโตฝึกฝนตัวขึ้นมาเองและเหล่าผีที่ถูกชุบเลี้ยงดูขึ้นมาให้เป็นยอดฝีมือ
เหล่าผีเต๋าที่ถูกคนอื่นชุบเลี้ยงมาย่อมจะไม่อาจขัดคำสั่งของอาจารย์ตนได้
คำสั่งของเย่หยวนนี้เองมันจึงมีอำนาจต่อขวังต้าวมากกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์คนไหนๆ!
เทพสวรรค์ก่วยถงเห็นว่าเย่หยวนไม่คิดสนใจเขาจึงได้ร้องกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เป็นเด็กที่ดีจริงๆ ท่านชางหมิงนั้นคิดเรียกเจ้าไปจะได้ประเมินค่าถูก! ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักรักษาหน้าผู้คนแล้วก็อย่าได้หวังว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะเกรงใจเลย!”
จู่ๆ อากาศภายในบ้านพักนี้มันก็เย็นลงอย่างชัดเจน
คลื่นลมหยินพุ่งพวยออกมาจากพื้นดินพุ่งใส่ร่างของเย่หยวน
ผีเทพสวรรค์ก่วยถงเบิกตากว้างปล่อยคลื่นพลังจิตรุนแรงออกมาพุ่งเข้าใส่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน
“ทำนองผีฟุ่มเฟือย ฟังคำข้า! เด็กน้อย เจ้าจงตบหน้าตนเองไปจนกว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะบอกให้หยุด!” ก่วยถงสั่ง
เมื่อได้เห็นผีเทพสวรรค์ก่วยถงลงมือเช่นนั้นทางผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็จ้องร้องกล่าวออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว “ท่านก่วยถง โปรดมีเมตตาด้วย!”
“หึ!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเย่หยวนก็พ่นลมออกมาทางจมูกด้วยท่าทางเยาะเย้ย!
การพ่นลมนี้เย่หยวนได้ผสานมันเข้ากับพลังของเสียงเทพมังกร
“อึก!” ก่วยถงนั้นต้องร้องออกมาพร้อมทรุดลงพร้อมๆ เสียงพ่นลมนี้ของเย่หยวน ร่างกายของเขาในเวลานี้มันดูเบาบางลงไปกว่าก่อนหน้ามาก
แม้ว่าผีเทพสวรรค์นั้นจะไม่ได้มีร่างกายที่เป็นเนื้อหนังแต่เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับเทพสวรรค์ได้แล้วมันก็ย่อมจะมีร่างกายวิญญาณที่แข็งแรงไม่แพ้เนื้อหนังใด
แต่เวลานี้ร่างกายที่คงอยู่ได้อย่างหนักแน่นนั้นกลับจางลงจนแทบกลับไปมีสภาพของผีร้ายตามเดิม
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ผีเทพสวรรค์ก่วยถงมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
คลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนนั้นไม่ได้รุนแรงมากมายนัก อย่างน้อยๆ มันก็ยังเทียบระดับของเขาไม่ได้
เมื่อได้เจอคู่มือเช่นนี้แล้ววิชาทำนองผีฟุ่มเฟือยมันย่อมจะสำเร็จเต็มร้อย เหตุใดการปล่อยจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนง่ายๆ เช่นนี้มันกลับทำให้ตัวเขาบาดเจ็บแทนได้?
ผีเทพสวรรค์ก่วยถงนั้นต้องเบิกตากว้างออกมา!
ที่ด้านข้างเองตัวขวังต้าวก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
เขานั้นย่อมจะเข้าใจถึงฝีมือของก่วยถงดี ต่อให้จะเป็นขุนพลเทพสวรรค์ทั้งหลายใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยหลิงนั้นก็ยังไม่อาจเทียบเคียง
ทำนองผีฟุ่มเฟือยนั้นมันเป็นวิชาพันธนาการที่แม้แต่เหล่าเทพสวรรค์ด้วยกันยังสลัดหลุดยาก แต่เย่หยวนกลับทำลายมันลงด้วยลมหายใจเดียว
และมันไม่ใช่แค่การสลัดวิชานั้นออก แต่ตัวผีเทพสวรรค์ก่วยถงยังได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อยด้วย!
นายน้อยของเข้าเก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของผีเทพสวรรค์ก่วยถงพร้อมกล่าว “ต่อให้จะเป็นโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ยังไม่อาจควบคุมเจตจำนงของข้าได้ คนอย่างเจ้านี้แค่ใช้วิชาผีน้อยๆ ก็คิดจะควบคุมข้าหรือ? เจ้ารู้จักคำว่าไม่ประมาณตนหรือไม่?”
ผีเทพสวรรค์ก่วยถงต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง!
เพราะลมหายใจของเย่หยวนเมื่อสักครู่นี้มันได้ส่งแรงปะทะเหมือนตัวเขาถูกเขาทั้งลูกกดทับใส่
มันเป็นเพราะแบบนั้น ตัวเขาจึงได้รับบาดเจ็บปานนี้
แต่เหตุใดเทพสวรรค์เผ่ามนุษย์คนหนึ่งกลับมีเจตจำนงและจิตที่มั่นได้ปานนั้น?
แม้ว่าตัวเย่หยวนจะพูดกล่าวถึงนามของโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลใดๆ แต่ตัวก่วยถงย่อมจะไม่คิดว่ามันเป็นความจริง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังเข้าใจได้ว่าจิตของเย่หยวนนี้มันคงเหนือล้ำกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิงเสียด้วยซ้ำ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันไม่ได้เหนือล้ำไปแค่เล็กน้อย!
ความตื่นตะลึงนี้มันเหนือเกินกว่าจะเอาคำใดมาอธิบาย
“ขวังต้าว!” เย่หยวนรีบเร่งบอกทำให้ขวังต้าวต้องสะดุ้งตัวขึ้นอีกครั้งและเก็บของที่จำเป็นทุกอย่างทันที
เย่หยวนนำพาตัวผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเดินออกมาจากคฤหาสน์น้ำฮวยไพศาลทั้งๆ อย่างนั้น
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็เกิดคลื่นพลังเย็นเยือกสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหัวดักทางไปของเย่หยวนไว้
คลื่นพลังผีเย็นเยือกนี้มันหนักแน่นหากเป็นเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปแล้วพวกเขาคงแข็งตายกันเป็นแน่
ภายในคฤหาสน์น้ำฮวยเยือกนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยหลิงต้องยิ้มออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังนี้
“หึ ชางหมิงมันคงไม่ได้รู้ถึงความน่ากลัวของเจ้าเด็กคนนี้! เสียหน้าต่อหน้าคนทั้งเมือง ข้าอยากเห็นเสียจริงๆ ว่าวันหน้าเจ้าจะยังมีหน้าไปพบใครได้!”
เรื่องราวก่อนหน้านี้ในคฤหาสน์น้ำฮวยเยือก เขาได้สั่งการลงไปอย่างหนักแน่นว่าห้ามพูดกล่าวแพร่งพรายมันออกไป
เจ้าเด็กคนนี้มันเหมือนหนามแหลม จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยหลิงรู้ดีว้เย่หยวนคงไม่ยอมก้มหัวให้แก่จักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิงง่ายๆ
และแน่นอนว่าผ่านไปอีกยังไม่ถึงครึ่งวันสองฝ่ายนี้ก็แตกหักจากกันเสียแล้ว
จักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิงมองดูเย่หยวนด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเด็กมนุษย์ เจ้ากล้าพาตัวคนของจักรพรรดิผู้นี้ออกไป นอกจากจะไม่คิดมาบอกกล่าวแล้วยังทำร้ายลูกน้องของข้าจนบาดเจ็บอีก! เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวหน้าซีดขาวลงพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านชางหมิง นายน้อยเขา…”
เย่หยวนยกมือขึ้นหยุดตัวขวังต้าวไว้ก่อนจะหันไปหาที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิง “อ่า ในเมื่อเจ้ามาแล้วข้าก็ขอบอกตรงนี้เลยแล้วกัน ขวังต้าวจะติดตามข้าไปนับแต่วันนี้ บอกลากันเสียเถอะ ขวังต้าว ไปกัน!”
การที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ปรากฏตัวออกมามันย่อมทำให้คนทั้งหลายในเมืองต้องหันมาสนใจ พวกโม่ชาทั้งหลายเองก็เป็นหนึ่งในชาวมุงทั้งหลายนั้น
เมื่อได้เห็นภาพนั้นผีทั้งหลายก็ต้องเบิกตากว้าง
เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังจนเกินทน!
คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมันคือจักรพรรดิเทพสวรรค์!
“หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะไม่รู้จักโลก? นั่นมันจักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิงเลยนะ! ทั้งๆ อย่างนั้นมันก็ยังกล้าจะทำตัวโอหังเช่นนี้?”
“เจ้าคิดว่าเช่นนั้น? แต่ข้าว่ามันดีเลยล่ะ จะได้เห็นเสียทีว่ามันใช้วิชาความสามารถใดกันแน่ในการพาตัวผีเทพสวรรค์ขวังต้าวออกมาจากคฤหาสน์น้ำฮวยเยือก!”
“หึๆ ข้าว่าข้ารู้แล้ว! จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยหลิงนั้นคงตั้งใจปล่อยผีเทพสวรรค์ขวังต้าวออกมาให้เจ้าเด็กคนนี้ก่อเรื่องแน่!”
…
จักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิงหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินพร้อมตะคอกลั่น “หึๆ เป็นเด็กที่โอหังดีจริงๆ หรือเจ้าคิดว่าจักรพรรดิผู้นี้จะไม่กล้าลงมือทำอะไรเจ้า? ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าคิดรนหาที่ตายแล้วจักรพรรดิผู้นี้ก็จะส่งเจ้าไปเอง!”
“หยุด!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิงยังกล่าวไม่ทันจบปากของเย่หยวนก็พูดสวนขึ้นมาใช้วิชาเวลาชะงัก!
ในวินาทีนี้แนวคิดยอดเต๋าลงปกคลุมทำให้แม้แต่ตัวชางหมิงก็ยังต้องชะงักลง!
ก่อนหน้านั้นที่เย่หยวนยังอยู่แค่อาณาจักรพิภพโกลาหลขั้นต้น เขาก็ยังสามารถใช้เวลาชะงักนี้หยุดสุดยอดมารนรกจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างม่านหย่าไว้ได้
เวลานี้เขายิ่งก้าวขึ้นมาถึงขั้นกลางแล้ว
พลังของเวลาชะงักนี้มันจะรุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนสักกี่เท่ากัน?
“ขวังต้าว ไปเถอะ!” เย่หยวนดึงตัวขวังต้าวที่ยังยืนมึนพุ่งผ่านมิติหายไปในทันที
ในวินาทีต่อมาเวลาชะงักนั้นก็ได้คลายลงทิ้งไว้แต่ใบหน้าเปี่ยมความตกตะลึงของจักรพรรดิเทพสวรรค์ชางหมิง
“คำบัญชาเต๋าสวรรค์ แนวคิดแห่งห้วงมิติ! เป็นเด็กมนุษย์ที่น่ากลัวนัก! ดูท่าขวังต้าวมันจะได้นายที่เหนือล้ำเสียแล้ว!”
………………………..