ตอนที่ 1324 โกรธเสียจนระเบิด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีหยุดฝีเท้าลง เห็นได้ชัดเลยว่าองค์รัชทายาทเป่ยกงนั้นดูเหมือนว่าจะรู้จักเรื่องในตระกูลของพวกนางดี

“ล้างแค้น?” ดวงตาของมู่เฉียนซีพลันหม่นหมองลง

เป่ยกงจั๋วกล่าว “เมื่อสิบเก้าปีก่อนหน้า ตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงได้ฟื้นคืนอิทธิพลขึ้นมา แต่ผู้ที่ขึ้นครองบัลลังก์นั้นกลับมิใช่ผู้ที่เป็นหนึ่งในใต้หล้า มู่เฟิงอวิ๋นผู้ที่ถูกเรียกว่าดาวรุ่งที่เจิดจรัสที่สุด กลับกลายเป็นผู้ทรยศที่ลอบสังหารญาติมิตร ได้ถูกทั้งราชสำนักไล่ตามฆ่า ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด จะอยู่หรือตายก็ไม่รู้”

“คาดว่าเจ้าเองก็รู้จักบิดาของเจ้าดี เขาไม่ใช่คนเช่นนั้นอย่างแน่นอน เขาถูกผู้อื่นใส่ร้าย เจ้ายอมที่จะให้บิดาของเจ้าล่วงลงจากหมู่เมฆสู่โคลนตมและปีนขึ้นมาไม่ได้ตลอดไปหรือ?”

เจ้ามีสายเลือดตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงที่บริสุทธิ์ที่สุด มีเลือดที่บริสุทธิ์ของตระกูลจากดินศักดิ์สิทธิ์ เป็นสตรีที่สูงส่งที่สุดในตระกูลมู่ เจ้ายินยอมพร้อมใจที่จะอยู่ในโลกทั้งสี่ทิศที่อยู่ตำแหน่งเบื้องล่างนี้ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะถูกมู่หลินหลางตามฆ่าอีกหรือ?”

“มีแต่เพียงข้าที่เป็นเชื้อพระวงศ์เป่ยกงเท่านั้นที่จะสามารถกลายเป็นผู้ปกป้องเจ้าได้ และกลายเป็นมิตรสหายในการล้างแค้นที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า”

เป่ยกงจั๋วกล่าวอย่างดุเดือดเลือดพล่านและเชื่อมั่นว่าไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเย็นชาต่อการล้างแค้นของตระกูลได้ และไม่มีผู้ใดจะสามารถไม่ตื่นใจเมื่อต้องเผชิญกับตำแหน่งอันสูงส่งเช่นนั้น

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป่ยกงจั๋วนั้นผิดมหันต์เสียแล้ว บิดาของนางนั้นไม่มีสำนึกที่ดีแม้แต่น้อย เขาทำตัวเป็นเถ้าแก่ที่ทิ้งร้านเอาไว้ ส่วนอาเล็กนั้นก็หนีไปเร็วนัก อารองเองก็สูญเสียความทรงจำไป ดังนั้นนางจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวของตนเองเลยแม้แต่น้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รู้เกี่ยวกับตัวตนของนาง นางจะต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจมันอย่างช้า ๆ

ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าทำไมเฟิงอวิ๋นซิวและเหลิ่งหนิงจือมักจะเข้าใจผิดว่านางเป็นมู่หลินหลางแล้ว เพราะว่ามีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่ แต่ความเหมือนกันนั้นก็ทำให้ผู้คนสับสน

ถึงอย่างไรเสียเป่ยกงจั๋วกับเสี่ยวไป๋นั้นก็คล้ายกันเพียงเก้าส่วน คนที่สนิทคุ้นเคยนั้นก็สามารถที่จะจำได้

ใจของกู้ไป๋อีพลันหนักอึ้ง เขานั้นไม่เคยสนใจเรื่องของซวนเทียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่นึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตของซีเอ๋อร์นั้นจะซับซ้อนเช่นนี้

สิ่งที่เป่ยกงจั๋วกล่าวมาทั้งหมดนั้นมันช่วยอะไรไม่ได้

แต่ที่กล่าวมาก็มิผิด ทั้งแดนซวนเทียน ตระกูลที่สามารถจะต่อกรกับราชวงศ์ตงหวงได้ก็มีแต่ตระกูลเป่ยกงเท่านั้น

แต่แน่นอนว่ามู่เฉียนซีจะไม่เลือกตัวเลือกที่เป่ยกงจั๋วคาดหวัง

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “เรื่องการล้างแค้นนั้นบิดาของข้ามีแผนการของเขาเอง ข้าทำเงินให้ดี ๆ และเลี้ยงชีพตัวเองให้อยู่รอดก็พอแล้ว ไม่ต้องให้องค์รัชทายาทเป่ยกงมาเป็นกังวล”

คำตอบของมู่เฉียนซีทำให้ใบหน้าอันอบอุ่นที่หมื่นปีไม่เคยยอมเปลี่ยนนั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นแข็งทื่ออย่างที่สุด ถึงขั้นที่เผยสีหน้าท่าทางของอาการที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา

“เจ้าว่าอะไรนะ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ฟังเจ้าพูดแล้ว พ่อของข้าก็เก่งกาจถึงเพียงนั้น ไฉนเลยจะต้องการให้ข้าช่วย คนกำลังทำ ฟ้ากำลังดู ถ้าหากว่าพ่อของข้าถูกเล่นสกปรกจริง ในที่สุดคนเหล่านั้นก็ต้องถูกเก็บกวาดเองนั่นแหละ”

มู่เฉียนซีพูดกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจจริง ๆ

ยังไม่เคยพบกับบิดา เรื่องการล้างแค้นของตระกูลนั้นอยู่ห่างไกลกับนางมากนัก นี่ยังไม่ใช่เวลาที่นางควรจะเป็นกังวลใจ

ตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำก็คือทำในเรื่องของการเป็นหมอให้ดีก็พอแล้ว รักษาคำสาปของจิ่วเยี่ยให้หาย ทำให้อารองฟื้นฟูขึ้นมา และทำให้เจ้าปีศาจหิมะตื่นขึ้นมา

เป่ยกงจั๋วจ้องมองมู่เฉียนซีอย่างไม่ละสายตา และคิดอยากที่จะหาจุดพิรุธออกมาจากใบหน้าอันสงบนิ่งนั้นของนางให้ได้

แต่ปรากฏว่ามันไม่มีเลย!

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความคิดของนาง

เป่ยกงจั๋วกล่าว “แม่นางมู่คงไม่รู้ว่ามู่หลินหลางที่อยู่ในแดนเทียนซวนตอนนี้นั้นสามารถเรียกลมฝนได้อย่างไร และมีตำแหน่งที่ได้รับความเคารพนับถือเช่นไร”

คาดว่าที่สาวน้อยไม่ยอมตอบรับคงเป็นเพราะว่าอายุยังน้อย อีกทั้งยังกระหายที่จะใช้ชีวิตในโลกทั้งสี่ทิศเล็ก ๆ นี้อยู่ และไม่รู้เลยว่าฐานันดรของนางนั้นแสดงถึงอะไร

มู่เฉียนซีกล่าว “คนผู้อื่นจะมีอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าใช้ชีวิตของข้าเองอย่างเป็นอิสระเป็นตัวเองก็พอแล้ว องค์รัชทายาทเป่ยกง ข้าพบว่าเจ้านี่พูดจาไปเรื่อยเปื่อยเป็นพิเศษเลยนะ หากเจ้าไม่มีเรื่องอะไรละก็ข้าจะไปแล้ว”

เมื่อได้รับข่าวสารที่ควรจะรู้แล้ว หากอยากจะรู้มากไปกว่านี้ก็เกรงว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่ก็คงจะไม่ยอมพูดแล้ว

“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เป็นที่รักที่ชอบของคนอื่น เจ้ายอมที่จะสละเกียรติยศและความรุ่งเรืองไปจนหมดสิ้น อย่างไรก็จะไม่ยอมกลายเป็นคู่หมั้นของข้า”

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “นั่นก็แน่นอนแล้ว คู่หมั้นของข้านั้นเก่งกาจกว่าเจ้ามากนัก เจ้าสักหนึ่งหมื่นคนก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้ แต่ว่าเจ้าก็ไม่ต้องโทษตัวเองไป อย่างไรเสียในโลกนี้เขาก็เป็นหนึ่งเดียวไม่มีที่สอง”

นอกจากมู่เฟิงอวิ๋นแล้ว ทั่วทั้งใต้หล้ายังจะมีผู้ใดสามารถเทียบกับเป่ยกงจั๋วได้

เป็นถึงบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเทียนซวน แต่สตรีผู้นี้กลับมิให้ค่าเขาแม้แต่เพียงเสี้ยวเดียว

หากว่าจิ่วเยี่ยอยู่ในที่นี้ด้วยและได้ยินมู่เฉียนซีชื่นชมเช่นนี้ จะต้องปีติยินดีเป็นอย่างมากแน่นอน

ปัง! มู่เฉียนซีได้ยินเหมือนว่ามีเสียงสิ่งของอะไรกระแทกตกแตก ไม่นานนักภาพนั้นก็ฉายขึ้นมา

ปัง ปัง ปัง เป่ยกงจั๋วได้ทุบทำลายของตกแต่งภายในห้องไปในทันที

“ฝ่าบาท เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ไสหัวไป”

ในตอนนี้ใบหน้าอันอบอุ่นจอมปลอมนั้นได้ถูกมู่เฉียนซีฉีกออกเสียแล้ว

ดวงตาอันอบอุ่นคู่นั้นของเป่ยกงจั๋วสาดแววอันมืดมนออกมา “มู่เฉียนซี เจ้ากล้าดีนัก เดี๋ยวพวกเราค่อย ๆ เล่นกันไป จะต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าจะทำให้เจ้ายอมมาเป็นผู้หญิงของข้าอย่างยินยอม”

เป่ยกงจั๋วถูกมู่เฉียนซีรังเกียจก็ได้ระเบิดออกมาดั่งพายุถล่ม ส่วนในใจของกู้ไป๋อีเองก็รู้สึกเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมากเช่นกัน

ในตอนที่กล่าวถึงคู่หมั้นของนาง เขาก็รู้สึกได้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของซีเอ๋อร์นั้นกำลังแผดเผาหัวใจของเขา

สามารถรู้สึกได้เลยว่านางชอบจริง ๆ ชอบคนผู้นั้นมากจริง ๆ

รู้อยู่แก่ใจ คู่หมั้นที่ซีเอ๋อร์กล่าวถึงนั้นก็คือหวงจิ่วเยี่ยกระมัง

มู่เฉียนซีเบ้ปากกล่าว “มาโกรธเคืองอะไรกัน เดิมทีมันก็เป็นความจริงอยู่แล้วแต่กลับไม่ยอมรับ”

กู้ไป๋อีกล่าว “เป่ยกงจั๋วนั้นหยิ่งผยองมาโดยตลอด ไม่สามารถเห็นผู้ใดดีเด่นเกินตนได้ก็เลย…”

มู่เฉียนซีได้แทงจุดตายของเป่ยกงจั๋วเข้าไปอย่างจัง ดังนั้นแล้วเป่ยกงจั๋วจึงได้ระเบิดออกมา

กู้ไป๋อีค่อนข้างกังวลใจ เขากล่าวขึ้น “แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมานั้นเป่ยกงจั๋วผู้นี้โหดเหี้ยมนัก ความต้องการในการครอบครองค่อนข้างแรงกล้า ข้ากลัว…”

การถูกเป่ยกงจั๋วจดจำเอาไว้นั้นจะต้องเป็นเรื่องที่วุ่นวายเป็นอย่างมากเรื่องหนึ่งเป็นแน่ เขามีประสบการณ์อย่างล้ำลึก

มู่เฉียนซีกล่าว “กล้าจดจำข้าก็ลองดูได้ สู้ไม่ได้ก็จะทำให้โมโหตาย ไม่ก็วางยาพิษให้ตายไปเสีย”

“แต่ว่าเสี่ยวไป๋ เจ้า…” มู่เฉียนซีมองไปยังเสี่ยวไป๋ที่เป็นพี่ชายขององค์รัชทายาทเป่ยกง เหตุใดจึงมาอยู่ที่โลกทั้งสี่ทิศนี้?

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว กู้ไป๋อีเองก็อยากที่จะอธิบายให้ชัดเจน

ในตอนนี้เองที่ทะเลสาบน้ำแข็งนั้นก็ได้ปรากฏลำแสงสีขาวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

เป่ยกงจั๋วได้ฟื้นฟูลักษณะของผู้สุขุมและอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะแสดงอย่างสมบูรณ์แบบสักเท่าไร มู่เฉียนซียิ่งมองดูก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

แม้ว่าจะใช้ใบหน้านี้ที่เหมือนกันกับเสี่ยวไป๋ก็ไม่สามารถเอาความรู้สึกดี ๆ คืนมาได้เลยแม้แต่น้อย

เขามองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ในเมื่อแม่นางมู่ชอบพอในคู่หมั้นของเจ้าเช่นนั้น กระนั้นแล้วข้าก็จะไม่บีบบังคับในส่วนที่ทำผู้อื่นลำบากใจแล้ว แต่อย่างไรเสียแม่นางมู่ก็เป็นสตรีผู้ที่หานให้ความสำคัญ ข้าเองก็ไม่อยากให้แม่นางมู่ถูกคนใจไม้ไส้ระกำดั่งเช่นมู่หลินหลางรังแก”

มู่เฉียนซีกระพริบตาแล้วกล่าว “ดังนั้นองค์รัชทายาทเป่ยกงจึงเกิดความเมตตากรุณาเป็นอย่างมากขึ้นมาและเตรียมที่จะช่วยเหลือ? เช่นนั้นก็ขอบคุณเป็นอย่างมาก ขอให้ส่งยอดฝีมือมาช่วยเหลือเยอะ ๆ ก็แล้วกัน”

ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันได้โต้ตอบมู่เฉียนซีก็กล่าวต่อทันที “เป็นน้องชายก็ควรจะเชื่อฟังพี่ชายใช่หรือไม่ ส่งยอดฝีมือทั้งหมดของเจ้ามาก็คงจะจัดการเจ้าเฒ่านั่นและไอ้บัดซบไป๋อู๋ห่ายไปได้อย่างหมดจดอย่างแน่นอน”