ตอนที่ 2455

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,455 : หมื่นศาสตราสยบ!

 

“นี่มันอะไรกัน!?”

 

“กระบี่ของข้า!”

 

“ดาบข้า!”

 

 

ในขณะที่ชายชราอันเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของนิกายหลีเยี่ยนจากระนาบคงสิงคลายมือที่กุมดาบอย่างช่วยไม่ได้ จนดาบเซียนอมตะของมันเหินบินแหวกฟ้าหลุดออกจากมือไป มันก็ถูกเสียงอุทานที่ดังขึ้นโดยรอบดึงดูดความสนใจของมันที!

 

และพอชายชราหันไปมองมันก็เห็นชัดว่า

 

บรรดาผู้ชมที่อยู่โดยรอบ ผู้ใดที่ไม่ได้เก็บอาวุธประจำกายไว้ในแหวนมิติ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธที่ถือไว้หรือสะพายไว้กลางหลังตอนนี้ล้วนสั่นไหว และพุ่งหลุดออกมาจากตัวหมดสิ้น!

 

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

 

และภายใต้สายตาของทุกคน ไม่เพียงดาบเซียนอมตะในมือของชายชราเท่านั้น แต่อาวุธของทุกคนที่ไม่ได้เก็บไว้ในแหวนยามนี้ กำลังหลุดออกจากเจ้าของและพุ่งแหวกฟ้าออกไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!

 

และทิศทางที่อาวุธทั้งหลายพุ่งไป ก็คือทิศทางที่กระบี่อันก่อเกิดขึ้นมาจากรังสีกระบี่นับหมื่นเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน!

 

ตอนนี้กระบี่อันงดงามตระการตาเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน ประหนึ่งแม่เหล็กอันมีพลังดูดรั้งมหาศาล สามารถดึงดูดศาสตราของทุกคนให้เข้ามาราวมีพลังลี้ลับฉุดดึง! แถมยังตัดการเชื่อมต่อระหว่างตัวเจ้าของกับศาสตราทิ้งไปอีกด้วย!!

 

“นิ…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?!”

 

“กระทั่งดาบเซียนอมตะในมือผู้เฒ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ผู้นั้น ยังถูกมันช่วงชิงไป!!”

 

“วิ…วิธีนี้จะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ!?”

 

“มัน…มันยังเป็นผู้คนอยู่หรือไม่!?”

 

 

ตอนนี้ทุกคนได้แต่มองเหล่าศาสตราที่คล้ายถูกครอบงำด้วยพลังลี้ลับจากกระบี่เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนก หนังศีรษะของพวกมันกลับกลายเป็นชาด้าน!

 

ต้องทราบด้วยว่าในบรรดาศาสตราที่ถูกดึงดูดไปนั่น มีกระทั่งดาบเซียนอมตะ!

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นดาบเซียนอมตะที่อยู่ในมือของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!!

 

“นี่…มันเป็นไปได้อย่างไร!?”

 

ชายชราที่ร่างยังคงถลันเข้าหาต้วนหลิงเทียนหากแต่ไร้ซึ่งสภาวะเหี้ยมหาญใดๆแล้ว ก็ได้แต่หยุดร่างลงกลางหาวด้วยความสับสน

 

ตลอดชีวิตมันไหนเลยจะเคยพบเคยเห็นฉากเรื่องราวพิสดารตรงหน้า!?

 

“หมื่นศาสตราสยบ…นี่มิใช่หมื่นศาสตราสยบในตำนานหรือไร!?”

 

หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทั่วร่าง เมื่อเห็นว่ากระบี่ที่ก่อตัวขึ้นอย่างอลังการเหนือศีรษะของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้กำลังดูดรั้งมวลหมู่ศาสตราทั้งหลายให้มาอยู่ใต้บัญชาอย่างว่าง่ายราวกับพวกมันยอมจำนนศิโรราบ!

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน…กลับสามารถบรรลุถึงขอบเขตสุดท้ายของยอดใจกระบี่ที่ท่านบรรชนฟงชิงหยางทิ้งไว้ได้สำเร็จแล้ว!”

 

“ในบันทึกเล่าไว้ว่า ท่านบรรพชนฟงชิงหยางยามเมื่อแตกฉานขอบเขตสุดท้ายของยอดใจกระบี่อันเป็นขอบเขตที่ 5 ที่ท่านคิดค้นขึ้น สามารถทำให้ศาสตรานับหมื่นทั่วหล้ายอมจำนน…ต่อให้เป็นยอดสมบัติสวรรค์อันใดต่อหน้าท่านก็จำต้องสยบสิ้น!!”

 

ตั้งแต่ที่เห็นความมั่นใจอันเหลือล้นของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่ก็พอจะคาดเดาอะไรได้ออกบ้างแล้ว

 

ทว่านั่นเป็นเพียการคาดเดาเท่านั้น

 

แต่นางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางจะบรรลุถึงขอบเขตที่ 5ของยอดใจกระบี่ ‘ใจกระบี่รวมหนึ่ง’ ได้สำเร็จแล้ว กระทั่งยังบรรลุเคล็ดวิชา หมื่นศาสตราสยบ!

 

“นิ…นี่มันเคล็ดวิชาเทพอันใดกัน!?”

 

จางยี่อดไม่ได้ที่จะชมดูเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยสองตาตะลึงลาน

 

เพราะเรื่องราวที่อุบัติขึ้น อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันไปอย่างสิ้นเชิง!

 

ตอนแรกพอเห็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของนิกายหลีเยี่ยนแห่งระนาบคงสิงคิดปะทะกับต้วนหลิงเทียนโดยมียอดสมบัติสวรรค์ประเภทดาบในมือ มันก็อดไม่ได้ที่จะกังวลในความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน เพราะมันคิดว่าพลังของต้วนหลิงเทียนอย่างดีก็แค่ทัดเทียมกับอีกฝ่ายเท่านั้น…

 

แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่ายังไม่ทันได้ต่อยตีอันใด ดาบเซียนอมตะในมือของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นั่นก็ถูกฉกชิงไปจากมือเสียแล้ว!

 

“เคล็ดวิชานี้ของน้องหลิงเทียน ดูเหมือนจะทรงพลังยิ่งกว่า กายกระบี่รวมหนึ่ง ที่เคยใช้ออกเสียอีก…”

 

ถึงแม้จางยี่จะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนใช้กลเม็ดอันใด แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการประเมินสถานการณ์ของมัน

 

“จริงสิ! ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่า ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มาจากระนาบเซียน…นี่เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่?!”

 

ทันใดนั้นสตรีชราในชุดสีเทานางหนึ่งที่ถือไม้เท้าในมือ อดไม่ได้ที่จะอุทานถามผู้คนโดยรอบออกมา

 

“ใช่”

 

“มีอันใดหรือแม่เฒ่า เรื่องนี้มีปัญหาอะไรหรือ?”

 

“แม่เฒ่า ใช่ท่านล่วงรู้อะไรมาหรือไม่?”

 

 

ทันทีที่หญิงชราดังกล่าวอุทานถามเรื่องนี้ออกมา ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะหยีตาลงคล้ายตระหนักใดได้

 

การที่อยู่ๆแม่เฒ่านางนี้กล่าวถามเรื่องนี้ออกมา 9ใน 10 ส่วนล้วนสมควรเกี่ยวข้องกับวิธีผีสางที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกตอนนี้เป็นแน่!

 

“มีบันทึกลายลักษณ์อักษรของท่านบรรพชนในสำนักข้าที่ส่งต่อกันมาแต่โบราณ…ทว่าตอนแรกข้าคิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องเหลวไหลเท่านั้น…แต่ตอนนี้ดูท่าเรื่องราวกลับมิได้เหลวไหลอย่างที่คิด ล้วนเป็นความจริงทุกประการ!!”

 

ภายใต้สายตามองถามของทุกคน สตรีชราค่อยๆกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง

 

และเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาจำนวนมากที่มองมา แม่เฒ่าพลันกล่าวต่อออกมาว่า “ในบันทึกที่ท่านบรรพชนส่งให้สืบต่อกันมาในสำนักข้าจากรุ่นสู่รุ่น…ได้บันทึกเรื่องราวประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออกเมื่อครั้งที่แล้วเอาไว้…”

 

“ยามนั้นตอนที่ปรากฏตัวผู้สืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน ก็มีผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์มากมาย…พวกท่านที่มาจากสำนักใหญ่เอง หากปีนั้นมีบรรพชนเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ด้วย ก็สมควรล่วงรู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่?”

 

ขณะกล่าวถามออกมา แม่เฒ่าก็กวาดตามองไปทุกคนทั่วๆ

 

“เรื่องนี้ข้าน้อยทราบ! เห็นว่าตอนนั้นฟงชิงหยางได้สำแดงเคล็ดวิชาประหลาดหนึ่ง สามารถฉกชิงศาสตราในมือเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่กลุ้มรุมคิดช่วงชิงสมบัติ หลังจากนั้นก็ดั่งใช้หอกคืนสนองก็ไม่ปาน อาศัยศาสตราของพวกมันเข่นฆ่าพวกมันทิ้ง!!”

 

ไม่นานก็มีคนกล่าวตอบ

 

“ใช่แล้ว! เป็นคนผู้นั้น!”

 

“ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาเช่นกัน!”

 

 

หลายคนเริ่มพยักหน้า พวกมันเองก็พอจะรู้มาบ้างไม่มากก็น้อยว่าในปีนั้นตอนที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก เป็นผู้ใดที่ได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนไปครอง

 

เป็น ฟงชิงหยาง จากระนาบเซียน!

 

“บันทึกที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของสำนักข้า ได้บันทึกการลงมือของฟงชิงหยางเอาไว้อย่างละเอียด ว่าหลังกลับออกมาจากมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนแล้ว ได้เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่คิดช่วงชิงสมบัติอย่างไร!”

 

กล่าวถึงจุดนี้ แม่เฒ่าดังกล่าวก็หันไปมองกระบี่พลังวิจิตรเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาครั่นคร้าม ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “ท่านบรรพชนที่บันทึกเรื่องราวไว้ของสำนักข้า ยามนั้นตัวท่านก็เป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์คนหนึ่ง…และได้อยู่ในเหตุการณ์พอดี”

 

“ท่านลงบันทึกไว้ว่า…ฟงชิงหยางได้สำแดงวรยุทธ์เซียนอมตะอันทรงพลังหนึ่ง นมีอำนาจช่วงชิงศาสตราของเหล่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่คิดกลุ้มรุมปล้นท่านไปดื้อๆ จากนั้นก็ใช้ศาสตราของพวกมันเข่นฆ่าพวกมันเอง!!”

 

กล่าวถึงจุดนี้ สองตาของหญิงชราอดไม่ได้ที่จะทอประกายสว่างจ้า

 

โอ! อา!!

 

สิ้นคำกล่าวของหญิงชรา ผู้คนโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความแตกตื่น

 

เพราะตอนนี้กาลเวลามันก็ได้ล่วงเลยไปกว่าแสนปีแล้วหลังจากที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออกเป็นครั้งสุดท้าย ถึงแม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีนั้นจะถูกบันทึกไว้และส่งต่อกันมา หากแต่ก็ไม่ได้มีรายละเอียดลงไว้มากนัก

 

เช่นเดียวกับสิ่งที่หญิงชราพึ่งกล่าวบอก พวกมันก็ไม่ได้รู้เลย

 

พวกมันรู้เพียงว่าฟงชิงหยางได้เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่คิดปล้นชิงของหลังกลับออกมาจากมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนเท่านั้น

 

ส่วนสังหารด้วยวิธีใด ไม่ได้มีลงบันทึกเอาไว้

 

“ฟงชิงหยาง…ต้วนหลิงเทียน…ล้วนแล้วมาจากระนาบเซียนทั้งคู่”

 

ตอนนี้เองสายตาหญิงชราที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง

 

“และตอนนี้วิธีที่ต้วนหลิงเทียนใช้ ก็ไม่ต่างใดจากวิธีการลงมือที่ฟงชิงหยางใช้ออกเมื่อปีนั้น…ข้าจึงสงสัยว่านี่สมควรเป็นทักษะเดียวกัน!!”

 

“ต้วนหลิงเทียน…สมควรมีอันใดเกี่ยวข้องกับฟงชิงหยางในปีนั้นแน่นอน!!”

 

กล่าวถึงจุดนี้ หญิงชราก็ปล่อย ‘ประเด็นสำคัญ’ออกมาทันที และนั่นก็เป็นอะไรที่ทำให้หัวใจของผู้ที่ได้รับฟังสะท้านจนเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!

 

“อาวุโสท่านนี้ นับว่าสายตาแหลมคมนัก”

 

และในขณะที่ทุกคนกำลังสะท้านจนร่างสั่น ต้วนหลิงเทียนก็หันไปยิ้มกล่าวกับสตรีชราด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “เป็นอาวุโสท่านกล่าวถูกแล้ว…สิ่งที่ข้ากำลังใช้อยู่ตอนนี้เป็นข้าได้รับสืบทอดมาจากผู้อาวุโสฟงชิงหยางจริงๆ”

 

“กล่าวไปในระดับหนึ่ง…ข้าก็คือผู้สืบทอดของอาวุโสฟงชิงหยาง ยังเป็นผู้สืบทอดมรดกวิชาของท่านเป็นรุ่นแรกที่พึ่งปรากฏตัวขึ้น”

 

วาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน เป็นการยืนยันคำพูดของหญิงชราอย่างชัดเจน!

 

“ที่แท้เป็นเช่นนั้น!”

 

เมื่อได้รับคำยืนยันจากต้วนหลิงเทียน หญิงชราก็สรุปได้ทันทีว่านางคาดเดาเรื่องราวได้ถูกต้องตรงเผง!

 

“สวรรค์ช่วย! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้คือผู้สืบทอดฟงชิงหยางในปีนั้นหรือ!?”

 

“นิ…นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”

 

“ครั้งสุดท้ายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก เป็นฟงชิงหยางได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนไป…และคราวนี้ที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออกอีกครา ก็มีทายาทของฟงชิงหยางปรากฏตัวขึ้น! ไฉนข้าพเจ้าคิดว่าแดนลับต่างสวรรค์นี้จงใจเปิดขึ้นเพื่อต้อนรับพวกมันโดยเฉพาะเลยเล่า?”

 

“หากมิใช่ว่าแดนลับต่างสวรรค์และมรดกของต้าหลัวจินเซียนถูกตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างต้าหลัวจินเซียนรวมกันสร้าง…ข้าคงไม่วายสงสัยว่าที่แท้นี่ใช้มรดกสถานที่ฟงชิงหยางทิ้งไว้ให้ผู้สืบทอดหรือไม่เป็นแน่!”

 

 

หลังจากที่ได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้สืบทอดฟงชิงหยาง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

 

อีกทั้งพอได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้สืบทอดที่พึ่งปรากฏขึ้นรุ่นแรก พวกมันก็ยิ่งทวีความประหลาดใจไปกันใหญ่!

 

“ไป!”

 

และในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจและอื้ออึงกับเรื่องราวที่ได้รับทราบ เสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นในหูของพวกมันอย่างประจวบเหมาะ ดึงสติของพวกมันให้กลับมาอยู่กับตัวทันที

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ กระบี่พลังอันวิจิตรที่ลอยล่องเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนก็ลอยสูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มวลหมู่ศาสตราที่ถูกมันดูดรั้งมาจะเริ่มหมุนวนด้วยความเร็วสูง จนก่อเกิดแสงพลังส่องสว่างตระการตาดั่งตะวันดวงที่สอง ยังเจิดจ้าถึงขั้นที่ทุกคนจำต้องหยีตาลง

 

และทันใดนั้นเองมวลหมู่ศาสตราที่หมุนคว้างเร็วรี่เป็นประกายแสง ก็เปลี่ยนทิศทาง ไม่หมุนวนสืบต่อ หากแต่พุ่งทะยานออกมาประหนึ่งดาวตก! จี้ตรงเข่นฆ่าสังหารไปทางชายชราเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จากระนาบคงสิงที่ยังคงอื้ออึงกับเรื่องราวเบื้องหน้า!!

 

“แย่แล้ว!!”

 

กว่าชายชราจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงหน้าของมันก็ปรากฏประกายแสงสว่างวาบขึ้น!

 

เป็นประกายแสงจากมวลหมู่ศาสตราทั้งหลายที่พุ่งมา และท่ามกลางเหล่าประกายแสงทั้งหลายยังมีประกายแสงสายหนึ่งที่เจิดจ้าเป็นพิเศษ!!

 

ประกายแสงดังกล่าว เป็นประกายแสงจากดาบเซียนอมตะของตัวมันเอง!!

 

วูบ!

 

เผชิญหน้ากับประกายแสงหลายสายที่พุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้ามา สีหน้าชายชราซีดลงโดยพลัน แววตายังฉายชัดออกมาถึงความหวาดกลัวจับใจ

 

ซู่มมม!!

 

พลังทั่วร่างของมันปะทุลุกโชนออกมาดั่งเพลิงไฟอีกครั้ง และมันไม่คิดจะต้านทานรับมืออะไร เพียงคิดจะหลบหนีให้พ้นประกายแสงอันน่ากลัวเหล่านั้น!

 

“มันสายไปแล้ว…”

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่หน้าชายชราเปลี่ยนสีและปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาลุกโชนดั่งเพลิงไฟท่วมร่าง ต้วนหลิงเทียนพลันปริปากกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่กี่คำออกมาอย่างประจวบเหมาะ

 

และด้านชายชราก็ไม่มีเวลามากพอจะเคลื่อนร่างหลบหนีแต่อย่างใดจริงๆ ห่าประกายแสงจากศาสตราทั้งหลายที่ถูกกระบี่วิจิตรตระการตาเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนดูดรั้งควบคุม ก็พุ่งไปดั่งห่าพิรุณกระหน่ำร่างชายชรา มองไปยังประหนึ่งหยดน้ำเล็กจ้อยถูกคลื่นสมุทรกลืนกิน…!

 

ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้นก้องฟ้า

 

คลื่นกระแทกอันน่าหวั่นหวาด พร้อมคลื่นลมอันวิปริตรุนแรงสาดซัดออกมาทั่วสารทิศ!

 

ก่อนทุกคนที่กำลังตะลึงกับเรื่องราวจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด

 

ทันใดนั้นเอง

 

บางคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็เวทนานัก! พวกมันถูกคลื่นกระแทกดังกล่าวซัดปะทะเข้าร่างอย่างจังจนตัวปลิวละลิ่วกลิ้งไปในอากาศไม่เป็นท่า!!

 

กระทั่งเหล่าผู้ที่มีพลังฝึกปรือกล้าแข็งแม้จะเร่งเร้าพลังคลุมกายต้านทานได้ทัน ก็ยังถูกบีบให้ล่าถอยไปหลายก้าวใหญ่!!