ตอนที่ 2456

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,456 : มรดกที่ไม่สมบูรณ์

 

“ทรงพลังอะไรจะขนาดนี้!?”

 

“จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!!”

 

“คลื่นกระแทกรุนแรงระดับนี้มัน…ข้าเกรงว่าคงไม่อ่อนด้อยไปกว่าการลงมือของเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์ใช่หรือไม่?!”

 

“ดูเหมือนข่าวลือที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าจะไม่ใช่ข่าวลือเหลวไหล! ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง!!”

 

 

เหล่าผู้ที่ถูกผลกระทบจากคลื่นพลังกระแทกซัดจนร่างปลิว พยายามแข็งขืนร่างเพื่อทรงตัวอีกครั้ง และที่ดีหน่อยก็ไม่เป็นอะไรมากมาย ที่ร้ายหน่อยก็แลดูมอมแมมทั้งกระอักเลือด…

 

แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พอทั้งหมดหันไปมองร่างชายหนุ่มในชุดม่วงที่เหนือศีรษะมีกระบี่พลังอันวิจิตรงดงามลอยล่องอยู่ แววตาก็ฉายชัดออกมาถึงความหวั่นหวาด

 

สีหน้าของพวกมันตอนนี้เรียกว่าสลับซับซ้อนนัก เพราะอารมณ์มากมายผสนปนเปกันไปหมด ความหวาดกลัว ตื่นตระหนก ระคนอิจฉาแย่งกันเผยออกมาไม่หยุด

 

ซูวว ซัวว ลา ลา…

 

 

หลังสายลมรุนแรงค่อยๆซาลง ละคองคลีทั้งฝุ่นดินเริ่มจางหาย ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็เริ่มปรากฏสู่สายตาพววกมันอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกันผู้คนทั้งหมดก็เสมือนนัดกันมาอย่างไรอย่างนั้น เพราะทุกสายตาล้วนจับจ้องมองไปยังจุดที่ร่างเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จากระนาบคงสิงเคยอยู่อย่างพร้อมเพรียง!

 

และพวกมันก็พบว่า…

 

ร่างเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ดังกล่าว ไม่อยู่แล้ว…

 

ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆให้สืบสาว

 

ราวกับคนไม่เคยปรากฏตัวตรงนั้นมาก่อน

 

“เซียนอมะตะเสเพล 7 ทัณฑ์…นั่นมันเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เชียวนะ…”

 

ตอนนี้ทุกผู้คนล้วนตระหนักได้ชัดเจน

 

เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ชนชั้นอาวุโสของนิกายหลีเยี่ยนแห่งระนาบคงสิง ตกตายไปแล้ว…

 

ยังตกตายโดยไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ…

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

เสียงหวีดหวิวของอากาศดังขึ้นอีกครั้ง มวลหมู่ศาสตราที่ไม่รู้ว่ากลับมาลอยล่องรอบๆกระบี่วิจิตรเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้เหินทะยานออกไปอีกครั้ง เหินกลับสู่เจ้าของเดิมที่พวกมันจากมา…

 

แน่นอนว่ายังมีดาบเซียนอมตะที่ไร้ซึ่งเจ้าของให้หวนกลับ ลอยมาเข้ามือซ้ายของต้วนหลิงเทียน

 

และเมื่อดาบเซียนอมตะดังกล่าวเข้ามือต้วนหลิงเทียนแล้ว กระบี่พลังวิจิตรเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆสลายหายไป

 

ขณะเดียวกันกระบี่เซียนอมตะที่ใสราวแก้วผลึกก็หวนกลับมาสู่มือขวาต้วนหลิงเทียน

 

ขวับ

 

เพียงสะบัดมือทั้ง 2 เล็กน้อย กระบี่ทั้งดาบเซียนอมตะก็วูบหายไปในความว่างเปล่า กลับไปอยู่ในแหวนมิติ จากนั้นคนก็ลอยล่องกลางหาวมองความว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างเฉยเมย ไม่เผยอาการใดๆยากจะล่วงรู้ได้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่…

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนกำลังเหม่อทบทวนเรื่องราวเมื่อครู่

 

ในใจเต็มไปด้วยคลื่นความคิด

 

‘ไม่คิดเลยว่าเคล็ดพลังที่ได้รับหลังบรรลุถึงขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่ วิชา ‘หมื่นศาสตราสยบ’ จะทรงพลังอำนาจขนาดนี้ แถมข้ายังไม่ต้องฝึกปรืออะไร เพียงบรรลุถึงเท่านั้นวิธีใช้พลังดังกล่าวก็ผุดขึ้นมาในหัวข้าอย่างอัศจรรย์ทั้งยังควบคุมได้ดั่งแขนขา…นี่น่ะหรือคือสภาวะใจกระบี่รวมหนึ่งที่ท่านอาวุโสฟงชิงหยางบอกไว้…’

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรับทราบจากบันทึกของฟงชิงหยางที่เขาสลักไว้ในใจแต่แรก แต่พอได้มาประสบพบเจอเข้ากับตัวจริงๆ ก็อดไม่ไดที่จะรู้สึกว่า เคล็ดพลังขอบเขตสุดท้ายมันช่างอัศจรรย์ใจยิ่งนัก!ราวกับเป็นวิชาเทพก็ไม่ปาน!!

 

เพราะสุดท้ายแล้วจะอย่างไรเขาก็พึ่งบรรลุถึงขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่อย่างใจกระบี่รวมหนึ่งได้ไม่นาน และพึ่งทดลองใช้ออกด้วย ‘หมื่นศาสตราสยบ’ เป็นครั้งแรก แต่ทุกเรื่องราวล้วนราบรื่น! ยังควบคุมได้ประหนึ่งแขนขาราวกับพริบตานั้นเขาคือเอกะ หนึ่งเดียวที่ควบคุมทุกสิ่งอย่าง…

 

และหลังจากที่ทดลองใช้หมื่นศาสตราสยบจนดูดรั้งศาสตราจากทุกทั่วสารทิศ กระทั่งควบคุมศาสตราทั้งหลายให้เหินออกไปด้วยแนวทางใจกระบี่เหิน ก็ทำให้อุบัติเป็นพลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัวนัก!

 

พลังทำลายจากกระบวนท่าห่าศาสตราเมื่อครู่ กระทั่งนำไปเทียบกับเคล็ดวิชากายกระบี่รวมหนึ่ง มีแต่จะเข้มแข็งกว่าไม่มีอ่อนด้อยกว่าสักนิด!

 

ถึงแม้ว่าพลังทำลายของกระบวนท่าเมื่อครู่ของเขาจะไม่ทรงพลังถึงขั้นเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์…

 

อย่างไรก็ตาม…นั่นเป็นเพราะเขายังไม่ได้ควบคุมกระบี่เซียนอมตะของเขาให้ใช้ออกด้วย 13 กระบี่บงกชฟ้า! เพียงให้ลอยล่องอยู่กับที่เฉยๆ!!

 

หากเมื่อครู่เขาใช้ออกด้วย 13 กระบี่บงกชฟ้าล่ะก็…เมื่อผสานกับพลังลึกล้ำจากสภาวะใจกระบี่รวมหนึ่งเมื่อครู่ น่ากลัวว่าจะก่อเกิดเป็นพลังทำลายที่ยกระดับไปอีกขั้น!!

 

อย่างไรก็ตามเพียงใช้ออกแค่ศาสตราที่ช่วงชิงมาอย่างเมื่อครู่ไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จะต้านทานได้ไหวแล้ว

 

ต้องทราบด้วยว่ากระบวนท่าเมื่อครู่มันไม่ได้ด้อยไปกว่า กายกระบี่รวมหนึ่งที่ทรงพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แม้แต่น้อย แล้วไหนเลยเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ไร้ยอดสมบัติในมือจะมีปัญญาต้านทานรับได้?

 

เช่นนั้นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จากนิกายหลีเยี่ยนแห่งระนาบคงสิง ผู้อาวุโสที่คิดล้างแค้นให้หรงปัว ก็มีอันต้องทิ้งชีวิตไว้ในกระบวนท่าเดียว ยังตกตายอย่างไร้ซึ่งพลังต้านทานใดๆ…

 

‘อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็นข้าโชคดีไม่น้อย…ไม่คิดเลยว่ามรดกที่ไม่สมบูรณ์ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ เต๋ากระบี่นับพันปีของมันนั่น จะทำให้ข้าเติมเต็มส่วนเล็กๆที่ข้าขาดหายไปของยอดใจกระบี่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงบรรลุขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่อย่างใจกระบี่รวมหนึ่งได้สำเร็จราบรื่นภายในเวลาอันสั้น!!’

 

คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาที่เขามีโชคแบบนี้

 

ก่อนหน้าที่ไฉนเขาถึงได้รั้งอยู่ในโถงพระราชวังใต้ดินอันเป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋อยู่ถึง 2 ปี เพราะไม่เพียงแต่เขาจะใช้เวลาทำความเข้าใจ 13 กระบี่บงกชฟ้าเท่านั้น เขายังใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจขอบเขตที่ 5 อันเป็นขอบเขตสุดท้ายของยอดใจกระบี่อย่างใจกระบี่รวมหนึ่งอีกด้วย!

 

เดิมทีเขายังไม่เห็นทางที่จะบรรลุถึงขอบเขตสุดท้ายของยอดใจกระบี่แต่อย่างไร

 

ทว่าหลังจากที่ได้ผ่านด่านทดสอบด่านที่ 9 ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ จนได้รับมรดกที่ไม่สมบูรณ์มา เขาก็ได้ตระหนักรู้อย่างไม่คิดฝัน

 

บางทีมรดกที่ไม่สมบูรณ์ของหลี่ไป๋ อาจไม่มีประโยชน์กับผู้ฝึกกระบี่คนอื่นมากสักเท่าไหร่

 

แต่กับเขานั้น มันประหนึ่ง ‘ส่งถ่านกลางหิมะ’ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย!

 

เนื่องเพราะมรดกที่ไม่สมบูรณ์ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ ได้เติมเต็มส่วนที่เขาขาดหายและไม่เข้าใจในขอบเขตที่ 5  ใจกระบี่รวมหนึ่งของยอดใจกระบี่พอดี…

 

เช่นนั้นจึงทำให้เขาสามารถตีความเคล็ดใจกระบี่รวมหนึ่งอันเป็นขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่ได้ออกในเวลาอันสั้น สุดท้ายก็เลยบรรลุขอบเขตสุดท้ายของยอดใจกระบี่ได้สำเร็จ! เข้าถึงสภาวะใจกระบี่รวมหนึ่ง!!

 

หมื่นศาสตราสยบ!!

 

“ดาบเซียนอมตะนี่ข้าอยากได้…พวกท่านมีใครข้องใจอะไรหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างเหม่อมองเรื่องราวอย่างสงบไปพักหนึ่ง ในที่สุดสองตาก็กลับมากระจ่างใสได้สติ หันไปกวาดตามองถามผู้คนโดยรอบที่ยังเงียบงันไม่ไปไหนด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไร้แยแส

 

และทันทีที่ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทุกคนก็ได้แต่เผยรอยยิ้มเจื่อนๆออกมา

 

ข้องใจ?

 

คุณชายท่านตลกหรือ! จังหวะนี้ยังมีผู้ใดหาญกล้าข้องใจท่านอีก?!

 

เซียนอมตะเสเพลจากระนาบคงสิงหายวับไปกับตาให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง ท่านคิดว่าพวกเราเบื่อชีวิตกันขนาดนั้นเลยหรือไร…คิดช่วงชิงดาบกับท่าน ใยไม่ต่างคิดชิงเนื้อจากปากเสือ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนในที่นี้ไม่มีแม้แต่ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ ที่ท่านพึ่งฆ่าไปได้อย่างง่ายดายคล้ายไม่หนักแรงอะไร!!

 

“มะ…ไม่ พวกเราไม่มีใดขัดข้อง!”

 

ไม่นานก็มีคนที่คืนสติเร่งกล่าวตอบต้วนหลิงเทียนกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณชายต้วนท่านเป็นผู้เดียวที่คู่ควรกับดาบเซียนอมตะเล่มนั้น…เช่นนั้นเชิญคุณชายต้วนรับมันไปเถอะ!”

 

“ใช่แล้วคุณชายต้วน มีเพียงยอดคนอย่างท่านเท่านั้นที่คู่ควร พวกเราไหนเลยจะคิดช่วงชิงกับท่านได้!”

 

“คุณชายต้วนหากท่านไม่เอาไป ในที่นี้ยังจะมีผู้ใดมีคุณสมบัติพอใช้มันอีกเล่า…”

 

….

 

เมื่อมีคนริเริ่มกล่าวประจบต้วนหลิงเทียน เซียนอมตะเสเพลหลายคนก็เริ่มประสานมือกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสอพลอกันซึ่งๆหน้า ด้วยใบหน้าแย้มยิ้มไร้ซึ่งยางอายใดๆ

 

“เฉวี่ยไน่ จางยี่ พวกเราไปกันต่อเถอะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสอะไรกับทีท่าวาจาประจบสอพลอทั้งเยินยอของผู้คนโดยรอบ เพียงหันไปมองหานเฉวี่ยไน่กับจางยี่ พลางกล่าวชวนออกมา

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างนำทั้ง 2 คนจนหายลับไปจากสายตาทุกคน แน่นอนว่าทิศทางที่เขาเหินจากไปก็เป็นทิศทางเดียวกันกับทิศทางที่เข็มทิศชี้บอก

 

ส่วนคนอื่นๆนั้นหลังจากมองส่งแผ่นหลังพวกต้วนหลิงเทียน จนทั้ง 3 หายลับฟ้าไปแล้ว พวกมันจึงค่อยดึงสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อีกครั้ง…

 

“เฮ่อ…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ไฉนถึงได้น่ากลัวนักเล่า?”

 

เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์คนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัวไม่หาย “อาศัยพลังฝีมือของมัน เกิดคิดลงมือกับพวกเราขึ้นมา…ข้าเกรงว่าต่อให้พวกเราจะมีคนมากกว่านี้อีกเท่าตัว ก็ไม่พ้นถูกป่นร่างดับสูญในกระบวนท่าเดียว…”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว…เมื่อครู่เซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ดับอนาถเพียงไหนยังมีผู้ใดไม่เห็น?”

 

“ให้ตายเถอะ ในข่าวที่ลือกัน…เซียนอมตะเสเพลที่มันฆ่าไปไม่ได้มียอดสมบัติสวรรค์ในมือด้วยซ้ำ! ทว่าคราวนี้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มีดาบเซียนอมตะจนสมควรมีพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ยังตาย!!”

 

“แถมตัวตนระดับนั้นยังถูกฆ่าตายโดยไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน…เหอะๆๆ”

 

“มันใช้วิธีผีสางอันใดกันแน่ ถึงได้ช่วงชิงอาวุธของผู้อื่นไปได้แบบนั้น? กระทั่งยังฉกดาบเซียนอมตะออกไปจากมือเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้หน้าตาเฉย!ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!!”

 

“ข้ารู้แค่ว่าวิธีเช่นนี้ ก็เป็นวิธีเดียวกันกับที่ฟงชิงหยางใช้เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ หน้ามรดกสถานต้าหลัวจินเซียนตอนที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออกครั้งที่แล้ว…สำหรับทำอย่างไรข้าเกรงว่าในบรรดาระนาบโลกะยีทั้งมวลคงมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่รู้ ช่างเป็นเวทย์พลังสวรรค์ไม่ก็วรยุทธ์เซียนอมตะที่น่าสะพรึงกลัวนัก!!”

 

“หากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่รู้เวทย์พลังสวรรค์กับวรยุทธ์เซียนอมตะพวกนี้…พวกมันไปเอามาจากที่ใดกัน?”

 

“บางที…อาจเป็นเวทย์พลังหรือไม่ก็วรยุทธ์เซียนอมตะของต้าหลัวจินเซียนที่ฟงชิงหยางได้รับสืบทอดมาหรือไม่?”

 

“อาจเป็นได้!”

 

 

กลุ่มคนยังคงไม่จากไปไหน พากันสนทนาเรื่องต้วนหลิงเทียนไม่หยุด ยิ่งมาก็ยิ่งหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“พวกเจ้าว่า…ต้วนหลิงเทียนที่ร้ายกาจกว่าข่าวลือแบบนี้ มันใช่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์ครานี้ไปแล้วหรือไม่?”

 

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่เอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นมา

 

“ข้าว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง”

 

หลายคนก็ตอบกลับออกมาด้วยความมั่นใจ “ด้วยพลังฝีมือสูงส่งขนาดนี้หากมันยังไม่ได้ไป แล้วถ้ามันได้จะร้ายกาจขนาดไหนเล่า…”

 

หลายคนเห็นด้วยกับคำตอบดังกล่าว มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่พูดออกมา

 

เพราะในมือของพวกมันได้ถือครองเบาะแสนำไปสู่มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนเอาไว้ แต่แน่นอนพวกมันก็ยังไม่รู้ว่าจะใช่มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนแน่หรือไม่ หรือจะเป็นแค่สมบัติสถานระดับมนุษย์กับสมบัติสถานระดับสวรรค์

 

แต่ที่แน่ๆคือเข็มทิศในมือพวกมันยังทำงานอยู่! เช่นนั้นพวกมันกล้าพูดได้เต็มปากว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้รับมรดกของต้าหลัวจินเซียนแน่นอน!!

 

หากต้วนหลิงเทียนได้รับมรดกของต้าหลัวจินเซียนไปแล้วจริง เข็มทิศในมือของพวกมันต้องหยุดทำงานไปแล้ว!

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้เข็มทิศยังคงทำงานและชี้ตรงแด่วไปทิศทางหนึ่งไม่เปลี่ยน…

 

ดังนั้นพวกมันจึงมั่นใจได้ว่า

 

มรดกของต้าหลัววจินเซียนยังคงอยู่!!

 

ราวๆครึ่งชั่วยามต่อมา ทุกคนที่มารวมตัวกันจึงค่อยแยกย้ายสลายตัวทางใครทางมัน

 

และหลังจากที่แยกย้ายกันไป แต่ละคนก็ได้ใช้ป้ายหยกสื่อสารหรือกลวิธีอื่นๆแจ้งข่าวให้แก่เหล่าสหายรับทราบ ทำให้ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นดั่งพายุใต้ฝุ่นกวาดกระหน่ำแดนลับต่างสวรรค์อีกครั้ง!

 

เกรงว่าอีกไม่นานผู้คนทั่วแดนลับต่างสวรรค์ก็จะได้รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้น

 

“ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จากนิกายหลีเยี่ยนของระนาบคงสิง โดยการใช้วิชาประหลาดชิงดาบเซียนอมตะอีกฝ่าย แล้วใช้ดาบที่ชิงมาฆ่าเจ้าของทิ้งอย่างไร้หนทางตอบโต้?”

 

ณ ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์ สีหน้าของชายชราหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

 

“เท่าที่ข้ารู้มานิกายหลีเยี่ยนของระนาบคงสิงมีเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์มีเจ้าเฒ่านั่นแค่คนเดียว แถมพลังฝีมือของเจ้าเฒ่านั่นยังไม่ด้อยไปกว่าข้า หากข้าต้องเผชิญหน้ากับมันตอนมีดาบเซียนอมตะก็คงได้แต่ถูกมันเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว!”

 

“นอกจากนั้นที่เจ้าเฒ่านั่นมันลงมือกับต้วนหลิงเทียนคราวนี้…เพราะคิดล้างแค้นให้ศิษย์นิกายหลีเยี่ยนที่โดดเด่นที่สุดอย่างหรงปัว?”

 

“จำได้ว่า…ศิษย์ข้าเฝิงหม่าน ก็ถูกฆ่าตายพร้อมหรงปัวจากนิกายหลีเยี่ยนนั่นไม่ใช่หรือไร?! หรือเจ้าหนุ่มในชุดม่วงคนนั้นที่ข้าเห็นในม่านแสงสะท้อนลักษณ์…ที่แท้คือต้วนหลิงเทียนในข่าวลือ?”

 

ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเฝิงหม่านที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายพร้อมหรงปัว!

 

อีกทั้งมันยังเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเดียวกันกับเฝิงหม่านที่เข้ามาสู่แดนลับต่างสวรรค์คราวนี้…

 

เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!

 

หลังจากที่เฝิงหม่านถูกฆ่าตาย มันก็ได้รับทราบเรื่องราวทันที

 

และภายในม่านแสงสะท้อนลักษณ์ที่ฉายเรื่องราวก่อนตายของเฝิงหม่าน มันก็เห็นว่าเฝิงหม่านกับหรงปัวถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือคนๆเดียวกัน…ชายหนุมชุดม่วง!