ตอนที่ 2457

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2457 : สถานที่ประหลาด

 

“โชคดี..โชคดีนักที่ข้าไม่ใช่คนที่บังเอิญไปเจอกับเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…หาไม่แล้วคนที่ตายคงไม่ใช่เจ้าเฒ่านั่นแต่เป็นข้า!”

 

เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่เป็นอาวุโสเบื้องหลังของเฝิงหม่าน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อได้รับทราบว่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่เป็นอาวุโสของหรงปัวตกตายอย่างไร…

 

เพราะอย่างไรมันก็เคยคิดล้างแค้นให้เฝิงหม่านมาก่อน!

 

และถ้าเป็นมันที่บังเอิญเจอกับต้วนหลิงเทียนก่อนล่ะก็ มันไม่พ้นต้องลงมือกับต้วนหลิงเทียนทันทีแน่!

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว กระทั่งยังกลัวจนแผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น!

 

 

“ต้วนหลิงเทียนมันฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของนิกายหลีเยี่ยนที่หรงปัวอยู่ได้งั้นเหรอ…แถมเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ตกตายไปคนนั้น ในมือก็ถือไว้ด้วยยอดสมบัติสวรรค์แท้ๆ แต่ยังไม่อาจรอดพ้นความตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน?”

 

ณ ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์ หลิ่วเสวียที่ได้รับทราบเรื่องราวก็ตกใจนัก

 

ต้วนหลิงเทียนฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มาดักรอนอกสมบัติสถานระดับสวรรค์ได้ ก็ทำให้นางกลัวมากแล้ว

 

ทว่าตอนนี้นางยังมาได้รับทราบว่า…

 

กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ถือครองยอดสมบัติสวรรค์ ก็ยังต้องตายคามือต้วนหลิงเทียน!

 

“ยังเหลือเวลาอีก 5 เดือน…อีก 5 เดือนข้าจะสามารถสัมผัสถึงประตูทางเข้าออกระหว่างแดนลับต่างสวรรค์กับระนาบฉีอวิ๋นได้! ถึงตอนนั้นข้าต้องรีบกลับไประนาบฉีอวิ๋นให้เร็วที่สุด!!”

 

หลิ่วเสวียรู้ดี

 

ถึงแม้นางจะรั้งอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ต่อ ก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้งง่ายๆ

 

อย่างไรก็ตามหากรั้งอยู่ในนแดนลับต่างสวรรค์ต่อก็เสมือนเพิ่มโอกาสให้ต้วนหลิงเทียนสังหารนางเท่านั้น มิสู้กลับไปยังระนาบฉีอวิ๋นเพื่อความปลอดภัยจะประเสริฐกว่า!

 

และพอได้รู้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวขนาดไหน หลิ่วเสวียก็ไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวซี้ซั้วอีกต่อไป นางซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเปลี่ยวร้างและไม่คิดออกไปไหนแม้แต่น้อย

 

จนกระทั่งหลังจากผ่านไปครบ 5 เดือน ในที่สุดนางก็สัมผัสได้ถึงประตูทางเข้าออกเสียที

 

“ได้เวลากลับบ้านแล้ว…”

 

หลังจากยืนยันเรื่องตำแหน่งที่ตั้งประตูทางเข้าออกอย่างดีแล้ว หลิ่วเสวียก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ เร่งออกเดินทางในบัดดล

 

และด้วยความที่วิตกจริตว่ายิ่งอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์นานเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หลิ่วเสวียจึงเร่งรุดเดินทางด้วยความเร็วสุดชีวิตหมายไปให้ถึงประตูทางเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์ให้เร็วที่สุด!

 

นางอยากออกไปจากแดนลับต่างสวรรค์ให้พ้นยิ่งกว่าสิ่งใด!

 

‘ถึงแม้เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ครานี้ข้าจะไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรมากมาย…แต่ตลอดการเดินทางที่ผ่านก็มอบประสบการณ์อันคุ้มค่าให้กับข้าไม่น้อย…’

 

ระหว่างเดินทางกลับ หลิ่วเสวียได้แต่ปลอบใจตัวเองเบาๆในใจ

 

‘เกือบถึงแล้ว’

 

เมื่อสัมผัสได้ว่าประตูเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์กับระนาบฉีอวิ๋นห่างออกไปไม่ไกลแล้ว หลิ่วเสวียอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ร่างนางประหนึ่งดอกศรพุ่งตรงกลับบ้าน!

 

‘ถึงแล้ว!’

 

และเมื่อหลิ่วเสวียใกล้ถึงมากพอจนแลเห็นหลุมดำที่ลอยอยู่หลังเมฆหมอกไกลๆ สองตาก็อดไม่ได้ที่จะทอประกายสว่างจ้า ขณะเดียวกันร่างก็พุ่งไปดั่งเส้นสายอัสนีจี้ตรงเข้าหลุมดำเร็วรี่

 

แต่ทว่า…ในขณะที่ร่างหลิ่วเสวียที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงเจียนจะพุ่งเข้าไปในหลุมดำแค่ไม่กี่ก้าว

 

“หึ!”

 

ทันใดนั้นเสียงประหนึ่งฟ้าร้องพลันก้องอยู่ในหูของหลิ่วเสวีย พาลให้สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปทันใด นางพยายามรีดเค้นพลังชั่วชีวิตหมายเพิ่มความเร็วในการทะยานร่างให้ได้อีกเล็กน้อย เพื่อพุ่งเข้าไปในหลุมดำตรงหน้าให้ทัน

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่หลิ่วเสวียกำลังรีดเค้นเรี่ยวแรงสุดชีวิตนั้นเอง

 

ปงงง!!

 

เสียงระเบิดดังหนึ่งสนั่นขึ้น ปรากฏประทับฝ่ามือขนาดมหึมาจากพลังร้ายกาจตบฟาดไปยังหลิ่วเสวีย!

 

ประทับฝ่ามือมหึมาดังกล่าว เสมือนย่นระยะก็ไม่ปาน พริบตาก็บรรลุถึงร่างหลิ่วเสวีย!!

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ตบฟาดร่างหลิ่วเสวียให้ปลิดปลิวแต่อย่างใด เมื่อมันเข้าใกล้หลิ่วเสวียมากพอ ฝ่ามือพลังดังกล่าวก็งองุ้มคว้าร่างหลิ่วเสวียเอาไว้ ราวพญาอินทรีย์จับลูกไก่!

 

ถูกจับได้อยู่มือ ไม่อาจดิ้นรนขดขืนใดๆได้เลย

 

กระทั่งหลิ่วเสวียยังไม่อาจเร่งเร้าพลังใดๆในร่างได้ เพราะหลังจากที่มือมหึมากุมร่างนางเอาไว้ ก็มีพลังอันร้ายกาจขุมหนึ่งแผ่เข้ามาสะกดพลังในร่างของนางเอาไว้ได้ชะงัด!

 

จังหวะนี้สีหน้าหลิ่วเสวียจึงซีดลงไร้สีเลือด

 

“อีกนิดเดียว…ข้าเกือบหนีกลับไปได้แล้ว”

 

มองไปยังหลุมดำ ที่อยู่ห่างไปอีกแค่ไม่กี่ก้าว หลิ่วเสวียได้แต่พึมพำออกมาด้วยสายตาไม่ยินยอมพร้อมใจ

 

“เกือบจะกลับไปได้แล้วงั้นเหรอ?”

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่หลิ่วเสวียกล่าวจบคำ วาจาที่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงค่อนแคะหนึ่งพลันดังขึ้นไม่ไกล

 

“หลิ่วเสวียเจ้าจะไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยรึไง หรือเจ้าคิดว่าหากเจ้าหนีกลับไประนาบฉีอวิ๋นแล้วพวกเราจะไล่ตามเจ้าไปไม่ได้?”

 

พร้อมกับเสียงรอบนี้ ปรากฏเงาร่างอรชรหนึ่ง

 

เป็นสตรีที่งดงามนัก แม้หลิ่วเสวียเองก็ถือว่าหน้าตาไม่เลว หากทว่าต่อหน้าสตรีนางนี้นางก็ประหนึ่งลูกเป็ดขี้เหร่ประชันกับหงส์

 

ใจหลิ่วเสวียสะท้านไปทันใดเมื่อได้ยินเสียงจากร่างบางดังกล่าว นางยังตระหนักได้ถึงความไร้เดียงสาของนางทันที

 

ถูกแล้ว

 

ต่อให้นางผ่านหลุมดำกลับไปถึงระนาบฉีอวิ๋นแล้วจะอย่างไร?

 

เมื่อผ่านหลุมดำนั่น ไปโผล่ทางฝั่งระนาบฉีอวิ๋น ก็ใช่ว่าจะรอดพ้น!

 

เรียกว่าแม้นางจะกลับไปได้ แต่ถ้าคนที่ติดตามมาผ่านหลุมดำมาด้วยก็ย่อมมาโผล่ที่เดียวกับนาง หาได้สุ่มปรากฏตัวที่อื่นเหมือนกับการเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ไม่!

 

กล่าวได้ว่าหากใครติดตามนางมายังระนาบฉีอวิ๋น นางก็ยากจะสลัดอีกฝ่ายได้หลุด

 

“เฉวี่ยไน่”

 

มองไปยังสตรีงามเบื้องหน้า หลิ่วเสวียอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขื่นขมละอายใจ

 

สตรีที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าหลิ่วเสวียก็คือหานเฉวี่ยไน่เอง

 

วูบ! วูบ!

 

หลังจากที่หานเฉวี่ยไน่ปรากฏตัว ไม่นานก็มีอีก 2ร่างปรากฏตัวขึ้นและเป็นชายหนุ่มทั้งคู่

 

“ต้วนหลิงเทียน จางยี่…”

 

เมื่อเห็นร่างชายหนุ่มทั้ง 2 ที่ปรากฏตัว รอยยิ้มขื่นขมทั้งความสิ้นหวังก็เริ่มฉายชัดบนใบหน้ามากขึ้นทุกขณะ แต่หลิ่วเสวียก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยที่ได้พบเห็นชายหนุ่มทั้งสอง

 

อันที่จริงตั้งแต่ที่นางได้ยินเสียงแค่นสบถเยียบเย็นนั่น นางก็รู้อยู่แล้วว่าคงเป็นไปไม่ได้เลย ที่นางจะหนีกลับไประนาบฉีอวิ๋น

 

เพราะนางได้ยินชัดถนัดหู

 

ว่านั่นคือเสียงต้วนหลิงเทียน!

 

“หลิ่วเสวีย เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองหลิ่วเสวียด้วยสายตาไร้แยแส กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ยินดียินร้ายหรือมีโมโหใดๆ

 

“ข้าไม่มีอะไรจะพูด”

 

หลิ่วเสวียถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ใบหน้าฉายชัดถึงความสิ้นหวังไร้หนทาง

 

ถึงแม้ว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนจะแลดูเฉยเมยไม่ยินดียินร้าย แต่นางก็เห็นถึงเจตนาฆ่าฟันในแววตาของต้วนหลิงเทียนดี

 

เพราะนางเองก็รู้ตัวดีว่าการกระทำก่อนหน้าได้ล้ำเส้นต้วนหลิงเทียน และทำให้อีกฝ่ายคิดฆ่านางแล้ว

 

“หลิ่วเสวียแต่ต้นจนจบเป็นเจ้าคิดจะแยกตัวออกไปเอง…และเพราะพวกเราเชื่อใจเจ้าจึงไม่คิดทำอะไรจนปล่อยให้เจ้าจากไปแบบนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากเจ้าไปแล้วเจ้าจะเอาข่าวเรื่องพวกเราไปโพทนา..”

 

หานเฉวี่ยไน่มองหลิ่วเสวียด้วยโทสะ แววตายังฉายเจตนาฆ่าฟันออกชัด

 

“หลิ่วเสวียครั้งนี้เจ้าล้ำเส้นเกินไปสุดท้ายก็ต้องจบลงแบบนี้…เป็นเจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ!”

 

จางยี่มองกล่าวกับหลิ่วเสวียด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

 

มันรู้จักหลิ่วเสวียก่อนรู้จักกับต้วนหลิงเทียนและหานเฉวี่ยไน่เสียอีก และคิดว่าหลิ่วเสียเป็นคนดีคนหนึ่ง จึงไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทรยศหักหลังกันได้ลงคอ

 

เรื่องนี้ทำให้มันผิดหวังมาก

 

“ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรจะพูด…เช่นนั้นข้าจะส่งให้เจ้าไปสบาย”

 

ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวออกเสียงไร้อารมณ์ใดๆ ใบหน้าเองก็เฉยเมยคล้ายไม่ได้คิดอะไรอยู่เลย

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ

 

ปงงง!!

 

ปรากฏเสียงดังสนั่นลั่นขึ้น เป็นมือมหึมาที่จับร่างหลิ่วเสวียอยู่ๆก็กระชับกำแน่น!

 

และทันทีที่มือมหึมากระชับกำแน่นจนบดขยี้ร่างหลิ่วเสวียแหลก ก็อุบัติเป็นระเบิดพลังรุนแรงขุมหนึ่ง ก่อเกิดเมฆเห็ดเบ่งบาน คลื่นกระแทกสาดซัดออกไปทั่วสารทิศ!

 

เมื่อเมฆเห็ดสลายตัวจนฝุ่นควันซาลง ร่างหลิ่วเสวียก็อันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์ ถูกแรงระเบิดป่นร่างไม่มีเหลือ…

 

“ไปกันเถอะ”

 

หลังจากฆ่าหลิ่วเสวียแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวชวนทั้ง 2

 

สาเหตุที่ไฉนทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะลองคิดเสี่ยงโชคมาดักรอคนดูสักครา ว่าหลิ่วเสวียจะพาตัวมาติดกับหรือไม่

 

แน่นอนว่าที่ไฉนทั้ง 3 ถึงค้นพบสถานที่แห่งนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะการบังเอิญพบเจอเซียนอมตะเสเพลจากระนาบฉีอวิ๋นคนหนึ่ง เมื่อทุกคนสัมผัสถึงทางเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์ได้ ต้วนหลิงเทียนก็ให้เซียนอมตะเสเพลที่ว่านำทางมาที่นี่…

 

“พวกเราจะรอ 3 วัน…หากครบ 3 วันแล้วหลิ่วเสวียยังไม่โผล่มา พวกเราจะจากไป”

 

หลังจากที่เซียนอมตะเสเพลนำทางมาถึงและจากไป ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาแบบนั้น

 

เพราะตอนนั้นถึงแม้เขารู้สึกว่าหลิ่วเสวียสมควรเร่งรุดมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่กล้ามั่นใจเต็มสิบส่วน…เช่นนั้นจึงตัดสินใจรอคอย 3 วัน หากครบ 3 วันหลิ่วเสวียยังไม่มาพวกเขาก็จะจากไปทันที เพราะไม่อยากเสียเวลากับเรื่องอะไรแบบนี้

 

แต่ไม่คิดเลยจริงๆ

 

ว่าหลังจากรอยู่ได้แค่ครึ่งวันหลิวเสวียจะปรากฏตัวแบบนี้

 

ดังนั้นเลยเกิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้น

 

ยังดีที่หลิ่วเสวียไม่รู้เรื่องนี้

 

หาไม่ต่อให้ตายไปก็คงได้เป็นผีคับแค้นไม่ยินยอม

 

 

เป็นเวลา 3 ปีแล้วที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก

 

ตอนนี้เหล่าผู้คนที่มาจากระนาบโลกียะต่างๆ ก็สัมผัสได้ถึงตำแหน่งประตูเข้าออกที่เชื่อมระหว่างระนาบของตัวกับแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้แล้ว

 

บางคนที่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์มา ด้วยกริ่งเกรงวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง ก็รีบกลับเอาสมบัติกลับไปเก็บไว้ที่ขุมพลังตัวเองทันที

 

คนเหล่านี้ย่อมฉลาดเลือกไม่น้อย

 

นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ แต่เพราะมันไม่ไดออกจากแดนลับต่างสวรรค์ตั้งแต่แรก สุดท้ายก็ถูกผู้มีพลังฝีมือเหนือกว่าเข่นฆ่า ยอดสมบัติสวรรค์จึงเปลี่ยนมือ

 

เรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นไปทั่วแดนลับต่างสวรรค์

 

เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเหล่าผู้คนที่พบเจอสมบัติสถานระดับมนุษย์กับสมบัติสถานระดับสวรรค์ก็ได้รับเบาะแส จนเข้าใกล้มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนไปทุกขณะ

 

ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์ สถานที่อันเต็มไปด้วยเมฆหมอกมากมายปกคลุม

 

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมีผู้คนพลัดหลงเข้ามาในสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ตั้งใจมากมาย สุดท้ายชะตาก็มาถึงฆาต

 

จนกระทั่งเมื่อครบกำหนด 3 ปี ผู้ที่หลงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ในที่สุดก็จับทิศทางที่แน่ชัดได้อีกครั้ง ทำให้พวกมันสามารถเดินทางออกจากสถานที่อันปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกได้สำเร็จ

 

ด้วยความที่สถานที่ผีสางแห่งนี้ได้ทิ้งเงาไว้ในใจอย่างที่พวกมันมยากจะลบเลือน จึงไม่มีใครคิดรั้งอยู่ที่นี่ต่อแม้วินาทีเดียว…