ตอนที่ 2458

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,458 : มรดกสถานต้าหลัวจินเซียน

 

เหล่าคนที่หลงมาติดอยู่ในสถานที่ประหลาดแห่งนี้ ในที่สุดผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็สามารถหลบหนีออกไปได้เสียที

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

ปราฏร่างที่ว่องไวประหนึ่งอุกกาบาตลัดฟ้ายามราตรีเหินมาแต่ไกลจนในที่สุดก็หยุดลงเบื้องหน้าพื้นที่ม่านหมอกหนาทึบดังกล่าว ชมดูสถานที่ประหลาดเบื้องหน้าอย่างใจจดจ่อ

 

พิกลนักสถานที่แห่งนี้ผู้คนพึ่งจะรีบร้อนหลบหนีออกไปได้แท้ๆ แต่ไม่นานกลับมีคนกลุ่มใหม่มาถึง และดูท่าจะตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ!

 

กลุ่มคนที่ว่าเป็นชายหนุ่ม 4 คน หญิงสาว 2 คน

 

“เป็นที่นี่ไม่ผิดแน่”

 

หนึ่งในชายหนุ่มรูปร่างกำยำคิ้วหนาตาโต มองไปยังม่านหมอกเบื้องหน้าพลางกล่าวออกมาด้วยสองตาทอประกายสว่างวาบ

 

“สถานที่แห่งนี้…ไฉนแลดูพิกลนัก ไม่คล้ายจะเป็นสมบัติสถานระดับมนุษย์ทั่วไป”

 

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกคนกล่าวเสริม

 

และวาจาของมันก็ได้รับความเห็นชอบจากหนุ่มอีก 2 คนทันที

 

“สมบัติสถานแห่งนี้นับว่าแตกต่างจากที่อื่นที่พวกเราเคยพบมาจริงๆ…”

 

“ไม่เพียงแต่ดูท่ามันจักมิใช่สมบัติสถานมนุษย์ธรรมดาๆเหมือนที่พวกเราเคยผ่านมา…แต่ข้าว่ามันอาจจะเป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่พวกเราไม่เคยเจอเป็นแน่!”

 

เมื่อเสียงชายหนุ่มทั้งสองดังจบคำ

 

สองตาชายหนุ่มสองคนแรก กับสตรี 1 ใน 2 คนที่เหลือก็ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที

 

สมบัติสถานระดับสวรรค์!

 

นั่นไม่เพียงแต่จะเป็นสมบัติสถานที่มียอดสมบัติสวรรค์เท่านั้น แต่เผลอๆอาจจะมีวรยุทธ์เซียนอมตะเวทย์พลังสวรรค์อยู่ด้วย!

 

มีเพียงสตรีคนสุดท้ายเท่านั้น ที่สีหน้ายังคงสงบเฉยเมยแต่ต้นจนจบไม่ได้แลดูยินดีมีสุขอะไรเลย

 

สตรีนางนี้นับว่ามีรูปโฉมงดงามหมดจดนัก ทว่าทีท่าการวางตัวของนางกลับเย็นชาจนไม่น่าเข้าหาราวกับรอบกายมีไอเย็นคอยผลักไสผู้คนให้ไกลห่างออกไปนับพันลี้!

 

นางมาในชุดสีขาวสะอาดราวหิมะ มองไปยังคล้ายนางฟ้าจากสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์

 

“ไป! ไปดูกันเถอะ!!”

 

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งพลันพูดขึ้น ก่อนที่จะเหินร่างนำออกไปทันที ชายหนุ่มอีก 3 รวมถึงสตรีอีกนางก็เหินร่างตามมันไปติดๆ แต่ละร่างจมหายไปในม่านหมอกอย่างสมบูรณ์

 

ผู้เดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือสตรีในชุดขาวราวหิมะ

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่านางพลันยกมือบางที่มีเข็มทิศถือไว้ขึ้นมาชมดู

 

และทิศทางที่เข็มทิศในมือชี้ไป ก็คือม่านหมอกเบื้องหน้า!

 

เป็นสถานที่ๆชายหนุ่มทั้ง 4 กับสตรีอีกนางหายเข้าไปในนั้น

 

“เป็นที่นี่งั้นเหรอ?”

 

สตรีเย็นชาดังกล่าวปริปากพูดออกมาอย่างหาได้ยาก แม้น้ำเสียงของนางจะฟังดูเย็นชา หากแต่ก็มีความไพเราะรื่นหูให้ความรู้สึกสบายเสมือนอยู่ท่ามกลางแมกไม้ในหุบเขาอยู่บ้าง

 

ยังดีที่ชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 5 ที่เข้าไปในม่านหมอกก่อนหน้าไม่ทันได้เห็นฉากที่นางหยิบเข็มทิศออกมา หาไม่แล้วทุกคนคงได้แปลกใจกันยกใหญ่แน่!

 

เพราะก่อนหน้าทั้ง 5 ก็ไม่มีใครล่วงรู้เลยสักคนว่าสตรีที่แลดูเย็นชาผู้นี้ กลับมี ‘เบาะแส’ นำไปสู่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนยู่กับตัวด้วย!

 

ยิ่งไปกว่านั้น เบาะแสดังกล่าวยังชี้ไปยังม่านหมอกเบื้องหน้าเหมือนกับพวกมัน!!

 

ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ เบาะแสอันนำไปสู่มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนนั้น ไม่เคยทับซ้อนเส้นทางกัน…นั่นหมายความว่าพวกมันจะไม่นำไปสู่สมบัติสถานใดๆเดียวกันเป็นอันขาด

 

หากการที่เข็มทิศอันเป็นเบาะแสนำไปสู่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนชี้ไปยังสถานที่แห่งเดียวกันล่ะก็…

 

สถานที่แห่งนั้นย่อมเป็น มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนที่แท้จริง!

 

“หืม?”

 

ในขณะที่สตรีงามหมดจดดั่งธิดาน้ำแข็งกำลังจะเคลื่อนกายเข้าไปในม่านเมฆหมอกเบื้องหน้านั้นเอง นางพลันจับความเคลื่อนไหวบางอย่างได้จากทางทิศใต้

 

ตอนแรกก็เพียงสงบดีไม่มีใด

 

ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน

 

ฟั่ฟฟฟ!

 

เสียงหอนกระบี่แหวกฟ้าดังสนั่นขึ้น ก่อนปรากฏรังสีกระบี่สายหนึ่งพุ่งข้ามฟ้ามาปานสายรุ้ง!

 

“ผู้ฝึกกระบี่!?”

 

ได้ยินเสียงดังกล่าว คิ้วสตรีงามหมดจดพลันเลิกขึ้นเล็กน้อย

 

จากนั้นไม่นานก็ปรากกฏจุดดำหนึ่งในสายตาความเร็วของจุดดำที่ว่ายังสูงไม่น้อย!

 

จากจุดดำเล็กๆ ยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น สุดท้ายจึงเห็นเป็นรังสีกระบี่น่ากลัวที่กำลังแหวกฟ้ามาด้วยความเร็วสูง

 

และเมื่อรังสีกระบี่เข้ามาใกล้ สตรีงามหมดจดก็จำต้องย่นคิ้วหยีตามองด้วยความจริงจัง

 

เพราะภายในรังสีกระบี่ที่พุ่งข้ามฟ้ามาดังกล่าว ปรากฏร่างชายหนุ่มที่มีใบหน้าดุร้ายอำมหิตคนหนึ่ง

 

ชายหนุ่มนี้ ชุดคลุมคล้ายชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ยิ่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เท่าไหร่กลิ่นคาวคลุ้งโลหิตก็ยิ่งเตะจมูกนาง

 

“มารกระบี่?”

 

ได้กลิ่นคาวคลุ้งโลหิตหนาเตอะแบบนี้ สตรีงามหมดจดได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม สองตาชมดูด้วยความเคร่งขรึม

 

สองตาแดงฉานของมารกระบี่หนุ่มนั้น มีแต่ความอำมหิตคล้ายคิดเข่นฆ่าทุกสรรพชีวิตให้ดับสูญ ประหนึ่งมันมิใช่ผู้คนแต่เป็นเครื่องจักรสังหาร!

 

ฟุ่ฟฟฟ!!

 

ประหนึ่งสายลมแรงหอบหนึ่งกรรโชกพัดผ่าน เป็นร่างแดงฉานที่วูบมาบรรลุถึงเบื้องหน้าสตรีงามหมดจด และนางก็สังเกตเห็นร่างชายหนุ่มดังกล่าวชัดเจน อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายก็ถือเข็มทิศไว้ ทั้งยังมองมาที่นางด้วยสายตาว่างเปล่า

 

‘ดูเหมือนมันเองก็ได้เบาะแสมาที่นี่เช่นกัน’

 

สองตาสตรีงามหมดจดก็มองจ้องไปยังเข็มทิศในมืออีกฝ่ายเขม็ง

 

และทิศทางที่เข็มทิศในมืออีกฝ่ายกำลังชี้นำ ก็เป็นทิศทางเดียวกันกับเข็มทิศมือนาง ม่านหมอกเบื้องหน้า มรดกสถานต้าหลัวจินเซียน!!

 

ชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานก้อนโลหิต มองจ้องมายังสตรีหมดจด นางเองก็มองจ้องตากลับไปอย่างไร้หวาดกลัว

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

ไอมารทั่วร่างชายหนุ่มสองตาแดงฉานพลันเอ่อล้นขึ้นมาดั่งเพลิงทมิฬ อีกทั้งในไอมารดังกล่าวยังปรากฏรังสีกระบี่อันแหลมคมร้ายกาจ ส่งเสียงดังไม่หยุด

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

ทั่วร่างสตรีงามหมดจดเองก็ปรากฏเพลิงพลังสีขาวลุกโชนขึ้นมา ทั้งกลิ่นอายกระบี่แหลมคมไม่ใช่ชั่ว!

 

กล่าวได้ว่าในแง่อานุภาพคลื่นพลังกระบี่ที่กำจายออกมาแล้ว ความแหลมคมทั้งความรุนแรงของพลังกระบี่ทั้งคู่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

 

บางทีอาจเป็นเพราะชายหนุ่มในชุดคลุมโชกเลือดสองตาแดงฉานสัมผัสได้ว่าสตรีเบื้องหน้ายากจะตอแยด้วยได้ มันจึงละสายตาออกจากนางเสียอย่างนั้น ก่อนที่จะพุ่งร่างหายไปในม่านหมอกภายใต้สายตามองจ้องของสตรีหมดจดอย่างหน้าตาเฉย..

 

วูบ!

 

เห็นดังกล่าวสตรีงามหมดจดก็ไม่คิดใดให้มากความ เพียงเหินร่างเข้าม่านหมอกไปทันที

 

เป็นธรรมดาว่าต่อให้ไม่มีชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานก้อนโลหิตพุ่งนำเข้าไป นางเองก็คิดจะเข้าไปแต่แรกแล้ว

 

เพราะสถานที่แห่งนี้คือเป้าหมายในการเดินทางเข้ามายังแดนลับต่างสวรรค์ของนาง!

 

มรดกสถานต้าหลัวจินเซียน!

 

“ข้าหวังว่ามรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนคราวนี้ ตัวต้าหลัวจินเซียนที่ทิ้งมรดกไว้จักเป็นเซียนกระบี่เช่นเดียวกับครั้งสุดท้ายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก…”

 

ขณะที่เหินร่างเข้าม่านหมอกไป สตรีงามหมดจดแสนเย็นชาอดไม่ได้ที่จะกล่าวรำพันอย่างคาดหวัง

 

ในฐานะที่นางเองก็เป็นมือกระบี่คนหนึ่ง ตัวนางย่อมหวังอย่างยิ่งยวดว่ามรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนครานี้ จะเป็นมรดกของต้าหลัวจินเซียนที่เป็นเซียนกระบี่เช่นกัน!

 

ด้วยวิธีนี้หากนางได้รับสืบทอดมาล่ะก็ พลังฝีมือของนางจะต้องก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่!

 

นอกจากนี้ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง และยังไล่ตามเบาะแสมาไม่ถึงมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียน

 

หาไม่แล้วหากเขาบังเอิญได้พบเจอชายหนุ่มในชุดโชกเลือดสองตาแดงฉานปานก้อนโลหิตเข้าล่ะก็ เขาต้องจดจำอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็นแน่นอน!

 

เพราะชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานมารร้ายอำมหิตคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นสหายอันดีของเขา ซูหลี่!

 

หลังจากที่ซูหลี่และสตรีดงามหมดจดแสนเย็นชาหายเข้าไปในม่านหมอกแล้ว มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนแห่งนี้ก็หวนคืนสู่ความสงบ ไร้ผู้ใดย่างกรายเข้ามาอีกเลย…

 

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือนก็ไม่มีใครผ่านมาสักคน

 

สำหรับซูหลี่และคนอื่นๆที่เข้าไป ก็ราวกับอันตรธานหายไปก็ไม่ปาน ไม่มีใครกลับออกมาสักคน

 

หลังจากผ่านไปอีกครึ่งเดือน

 

ภายในสถานที่อันมีเมฆหมอกปกคลุม และเป็นที่ตั้งของมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน ในที่สุดก็ได้ปรากฏผู้มาเยือนอีกครั้ง

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

เสียงของสายลมดังขึ้น ก่อนที่ร่างบาง 2 ร่างจะผุดโผล่ขึ้นมาในอากาศราวภูตผี

 

ทั้งคู่เป็นสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมากลับแตกต่างกันเท่านั้น!

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นแฝดคู่หนึ่ง!

 

ถึงแม้สองสาวจะมีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ แต่ลักษณะนิสัยและทีท่าการแสดงออกกลับแตกต่างกันอย่างมาก

 

คนหนึ่งดั่งกุหลาบแดงร้อนแรง อีกหนึ่งประหนึ่งบัวขาวพิสุทธิ์ไร้มนทิล

 

“เค่อเอ๋อ…สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากสมบัติสถานระดับมนุษย์ที่พวกเราเคยผ่านมา…ใช่เป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์อีกแล้วหรือไม่?”

 

สตรีที่แลดูกระฉับกระเฉงร้อนแรงปานกุหลาบแดงมองพินิจม่านหมอกเบื้องหน้าพักหนึ่งค่อยหันไปหารือกับสตรีข้างกาย

 

“พี่หญิง…”

 

สตรีดั่งบัวขาวพิสุทธิ์ ชักสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หากข้าเดามิผิด…ที่นี่น่าจักเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางครั้งนี้ของพวกเรา”

 

ฟังจากบทสนทนาของสตรีทั้งสองเห็นได้ชัดว่าพวกนางก็คือเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยน!

 

ตั้งแต่ที่เค่อเอ๋อพบกับก่านหรูเยี่ยน สองพี่น้องก็ร่วมเดินทางด้วยกัน ผ่านพ้นสมบัติสถานระดับมนุษย์มากมาย ตามเบาะแสมาจนถึงมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนในที่สุด…

 

แน่นอนว่าระหว่างทางก็ได้พบพานสมบัติสถานระดับสวรรค์ด้วย

 

“จุดหมายปลายทางหรือ?”

 

ได้ยินคำที่เค่อเอ๋อบอก สองตาก่านหรูเยี่ยนก็ลุกวาวทอประกายจ้าขึ้นมาทันที “เค่อเอ๋อ…เจ้าหมายความว่า…”

 

“อื๊อ”

 

เค่อเอ๋อพยักหน้า

 

“เจ้ามั่นใจหรือไม่?”

 

ก่านหรูเยี่ยนถามต่อด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย

 

“ข้ามั่นใจกว่า 9 ส่วน”

 

เค่อเอ๋อกล่าวออกด้วยสีหน้ามั่นใจ

 

“เจ้าถึงกับมั่นใจกว่า 9 ส่วน…ถ้างั้นไม่ผิดแน่ สถานที่แห่งนี้คือมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียน!!”

 

ก่านหรูเยี่ยนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

 

นางไม่อาจรู้ถึงความสามารถของน้องสาวตัวเองได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทำให้นางเองก็มั่นใจมาก

 

ในเมื่อน้องสาวนางบอกว่า ที่นี่สมควรเป็นมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนกว่า 9 ส่วน เช่นนั้นเบื้องหน้าก็สมควรเป็นมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนไม่ผิดแน่!!

 

“พวกเราเข้าไปดูให้แน่ชัดดีกว่า”

 

เค่อเอ๋อเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

 

หลังจากนั้นสองสตรีพี่น้องฝาแฝดก็หายเข้าไปในม่านหมอก

 

หลังจากที่เค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนหายเข้าไปในม่านหมอกแล้ว ไม่นานนักก็มีร่างมากมายทยอยกันมาถึงสถานที่อันเต็มไปด้วยม่านหมอกแห่งนี้เช่นกัน

 

ในบรรดากลุ่มคนที่พึ่งมาถึง ก็รวมเฟิ่งเทียนหวู่กับมู่อีอีด้วย และทั้งคู่ก็หายเข้าไปในม่านหมอกอย่างไม่รอช้าเช่นกัน

 

ส่วนผู้ที่มาถึงแล้วไม่ได้เข้าไป ก็ล้วนเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลทั้งสิ้น

 

ตอนแรกก็มีเซียนอมตะเสเพลมาถึงไม่มากนัก

 

แต่ต่อมาเหล่าเซียนอมตะเสเพลก็ทยอยกันมาถึงหนาตา และทั้งหมดก็หยุดลงเบื้องหน้าม่านหมอก ด้วยไม่อาจเข้าไปใกล้มากกว่านี้ได้อีกแล้ว และในไม่ช้าทั้งหมดก็สรุปได้ว่าสถานที่แห่นี้คือมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน!!

 

“คราวนี้ข้ามิรู้ว่าอัจฉริยะจากระนาบใด จักได้รับมรดกของต้าหลัวจินเซียนไปครอง…”

 

ด้านนอกมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายได้แต่สงสัยกันถึงเรื่องนี้…