ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 928 ยังไม่ทันเห็นคนก็พ่ายแพ้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ขณะมองดูกวนอวี่ลั่วโต้เถียงกับลูกศิษย์ของประมุขประจิมแห่งเขาทุ่งวิจิตร เฉิงโม่สอดปากไม่บ่อยนัก

อารามคงมายาจากเขาหอเมฆาของเฉิงโม่กับเขาทุ่งวิจิตร นับว่าไม่ได้มีความขัดแย้ง ที่แล้วมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

กับเขาโถงทองในเขตตะวันอาคเนย์ ก็ไม่มีความสัมพันธ์พิเศษใด

กวนอวี่ลั่วโต้เถียงกับอีกฝ่าย ส่วนใหญ่เป็นเพราะเฟิงอวิ๋นเซิงมาจากเขากว่างเฉิง

นางยังอายุน้อย วัยวุฒิต่ำ แม้ว่าจะเป็นหลานสาวของประมุขประจิม แต่ก็มีบางคำพูดที่พูดได้ไม่เป็นไร

เฉิงโม่กลับไม่อาจแสดงความช่วยเหลือได้

ประมุขอุดรอยู่ในเขตราตรีอุดรของโลกซ้อนโลก ไม่อาจออกมาเคลื่อนไหวโดยง่าย

ครั้งนี้เฉิงโม่มาชมดูการต่อสู้ของจักรพรรดิแพรและทวนพระอังคารที่มิติต่างแดน คำพูดและการกระทำของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องแค่ตัวเขาเองอีก แต่เป็นตัวแทนของประมุขอุดรในระดับหนึ่ง ย่อมต้องระวังตัว

เขากับเยี่ยนจ้าวเกอเพียงพบหน้ากันครั้งเดียว คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค ย่อมไม่อาจบอกว่ารู้จักกันอย่างลึกซึ้งได้

แต่เฉิงโม่รู้สึกได้ว่า คนหนุ่มผู้นั้นไม่ได้เป็นคนวางมาดใหญ่โต สร้างชื่อเสียงจอมปลอม

ที่จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรตรงหน้าเหล่านี้ลดทอนคุณค่าของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจที่สำนักที่มาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่งได้รับการกล่าวขานคู่กับพวกเขาเท่านั้น

แต่เป็นเพราะเขาโถงทองในเขตตะวันอาคเนย์ด้วย

ในตอนที่ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยกับประมุขทักษิณจวงเซินประมือกัน ประมุขประจิมกำลังเข้าฌานพอดี

ไม่กี่วันมานี้ประมุขประจิมเพิ่งออกฌาน ที่แล้วมาเขาไม่ปรองดองกับประมุขอาคเนย์เท่าไรนัก เกรงว่าจะมีความคิดร่วมมือกับประมุขทักษิณ

ความสัมพันธ์ระหว่างประมุขประจิมกับจักรพรรดิแพรเองก็ไม่เลวยิ่ง หากเขากับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยเกิดความขัดแย้งกัน ถ้าจักรพรรดิแพรไม่เข้าไปไกลเกลี่ย ก็ต้องไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เมื่อมีจักรพรรดิเอกภพกำเนิดคอยดึงความสนใจของจักรพรรดิแพรไว้ หากประมุขประจิมกับประมุขทักษิณร่วมมือกัน ประมุขอาคเนย์จะลำบากยิ่ง

เขากว่างเฉิงใกล้ชิดกับเขาโถงทอง เขาทุ่งวิจิตรย่อมไม่ถูกชะตากับเขากว่างเฉิงอยู่แล้ว

เฉิงโม่ส่ายหน้าเล็กน้อย จู่ๆ จิตใจสั่นไหว

เขามีระดับพลังฝึกปรือสูงที่สุด มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคน ดังนั้นเขาจึงรับรู้ถึงความผิดปกติได้ก่อน

ครั้นหันไปมอง เขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอในอาภรณ์สีขาว สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงิน มีดวงตาดุจดวงดาวสุกสกาว กำลังเดินมาทางนี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าผ่อนคลาย มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มเลือนราง

ชายหนุ่มเห็นเฉิงโม่พอหันหน้ามา จึงยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เขาเป็นการทักทาย

แต่ว่าพอเฉิงโม่เห็นรอยยิ้มนั้น หัวใจของเขาก็พลันเต้นด้วยความระทึก ‘เขาได้ยินหมดแล้ว…’

เยี่ยนจ้าวเกอกวาดสายตามองผู้คนอย่างสบายอารมณ์ สายตาเลื่อนจากเฉิงโม่ไปอยู่บนตัวคนผู้หนึ่ง

นั่นเป็นสตรีอายุน้อยผู้หนึ่ง มีอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด เกือบสามสิบปี ไม่งามไม่ขี้เหร่ มีบุคลิกเป็นเอกลักษณ์ มองแล้วรู้สึกว่าไม่ธรรมดา

ลวดลายบนอาภรณ์ที่นางสวมใส่เหมือนกับลูกศิษย์จากยอดเขาอัศจรรย์

แต่ว่าเมื่อเทียบกับพวกฟู่ถิงที่เยี่ยนจ้าวเกอได้พบมาก่อนหน้าแล้ว รูปแบบอาภรณ์ของสตรีนางนี้มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอะไรได้ ‘ไม่ได้มาจากผาบัวแดง แต่ว่าเป็นผู้สืบทอดที่อยู่ในสถานที่อื่นของยอดเขาอัศจรรย์’

จักรพรรดิแพรเป็นผู้ปกครองยอดเขาอัศจรรย์ แต่ว่าผาบัวแดงต่างหากถึงจะเป็นที่อยู่อย่างเป็นทางการของเขา พวกฟู่ถิงนับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดสายตรงของจักรพรรดิแพร

นอกจากผาบัวแดงแล้ว ยอดเขาอัศจรรย์ยังมีสถานที่อื่นอยู่อีก เป็นพวกเถาอวี้ เทพธิดาสสารกำเนิดบุกเบิก

หากย้อนขึ้นไป ล้วนเป็นผู้สืบทอดของนักพรตเสวียนจง ต่างเป็นผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ทั้งสิ้น

กระนั้นสำหรับคนนอกแล้ว ยอดเขาอัศจรรย์ในตอนนี้ล้วนเป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิแพร

ถึงอย่างไรความแตกต่างระหว่างเซียนกับคนธรรมดา การขวางกั้นระหว่างมนุษย์และเซียน และการก้าวสู่ระดับเซียนล้วนไม่เหมือนกัน

มีแต่ภายในจึงค่อยเกิดการแบ่งสาขาที่อยู่ แต่ก็ไม่ได้ชัดเจน เป็นแค่ความแตกต่างของการรับสืบทอดเท่านั้น

สตรีอายุน้อยผู้นั้นเป็นลูกศิษย์ที่เถาอวี้ เทพธิดาสสารกำเนิดถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง

เขาทุ่งวิจิตรกับยอดเขาอัศจรรย์มีความสัมพันธ์ไม่เลว โดยเฉพาะเทพธิดาสสารกำเนิดเถาอวี้กับภรรยาของประมุขประจิม ทั้งสองเป็นสหายสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นดรุณี

ดังนั้นหลังจากยอดฝีมือเขาทุ่งวิจิตรไปเยี่ยมเถาอวี้เสร็จสิ้น ลูกศิษย์ของเถาอวี้จึงส่งพวกเขาลงเรือ

เฉิงโม่เข้าใจสถานการณ์ด้านนี้ดี ดังนั้นพอเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

เขาได้พูดคุยกับเยี่ยนจ้าวเกอแค่เล็กน้อย แต่กลับรู้สึกได้รางๆ ว่าเขาเป็นคนที่เปี่ยมล้นด้วยความคมกล้าผู้หนึ่ง

นิสัยของจอมยุทธ์ส่วนใหญ่ล้วนแข็งกร้าว โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังหนุ่มเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นวัยที่เลือดลมพลุ่งพล่านพอดี

ถึงแม้ปกติจะไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่อำพรางพลังฝึกปรือของตัวเอง ย่อมไม่มีมีนิสัยสำรวมตัว

จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเยาะเย้ยเขา เขาอาจจะบันดาลโทสะ

เรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอสังหารลูกศิษย์ของประมุขทักษิณจวงเซิน ได้กระจายไปทั่วโลกซ้อนโลกแล้ว

ในตอนที่หยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักคนเก่าแห่งเขากว่างเฉิงผู้เป็นอาจารย์ปู่ของเขา ปะทะกับเขตเพลิงทักษิณพร้อมกับพวกแม่เฒ่าอาคเนย์ ก็ได้สังหารจอมยุทธ์จากเขตเพลิงทักษิณไปไม่น้อยเช่นกัน

ตอนนี้แม้ว่าจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านี้จะเป็นลูกศิษย์ของประมุขประจิม แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่อดกลั้นกับพวกเขา

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า นี่เป็นถิ่นของยอดเขาอัศจรรย์ ถึงขั้นที่พูดได้ว่าเป็นถิ่นของเทพธิดาสสารกำเนิดเถาอวี้

หากคนจากอารามคงมายาบนเขาหอเมฆา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของประมุขอุดรอย่างเขาเกิดความขัดแย้งกับเขาทุ่งวิจิตรขึ้นที่นี่ เถาอวี้สมควรช่วยเหลือคนจากเขาทุ่งวิจิตร

ยังไม่พูดถึงว่าเถาอวี้เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย อีกทั้งนางกับจักรพรรดิแพรยังมีความสัมพันธ์พิเศษ ถ้าเยี่ยนจ้าวเกอล่วงเกินนางที่นี่ ผลลัพธ์ไม่ต้องบอกกก็ทราบดี

แม้มีข่าวลือว่าฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อตายใต้ตีนเขากว่างเฉิง แต่สุดท้ายตายด้วยฝีมือใคร กลับไม่อาจบอกได้

เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้ถึงอย่างไรก็เดินทางอยู่ด้านนอกคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าเหมือนกัน แต่พลังส่วนตัวของกวนลี่เต๋อยังสู้เถาอวี้ไม่ได้

นอกจากนี้ เถาอวี้ยังไม่ใช่คนอ่อนโยนสงวนท่าทีเช่นกัน

หากมองไปทั่วทั้งโลกซ้อนโลก เทพธิดาสสารกำเนิดผู้นี้โด่งดังในเรื่องความหยิ่งทะนง

‘คนจากเขาทุ่งวิจิตรเหล่านี้ ล้วนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ในนี้ย่อมมีจอมยุทธ์ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายอยู่ด้วย’ เฉิงโม่กล่าวในใจ ‘อีกทั้งเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ยังมีพลังโดดเด่น ใช้หนึ่งสู้มากได้ แต่ถ้าเขาลงมือที่นี่ ล่วงเกินเทพธิดาสสารกำเนิด เขาจะต้องเสียเปรียบแน่’

เฉิงโม่มองกวนอวี่ลั่วแวบหนึ่ง ก่อนจะลอบถอนใจ ‘ช่างเถอะ ลองดูว่าจะช่วยได้หรือไม่…’

ลูกศิษย์หญิงจากยอดเขาอัศจรรย์ก็ไม่ได้สอดปากเข้าไปในการโต้เถียงระหว่างกวนอวี่ลั่ว กับจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเช่นกัน

กระนั้นในตอนที่นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเฉิงโม่ นางก็มองตามสายตาของเฉิงโม่ไป

คนที่โต้เถียงกันอยู่ก็คล้ายสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างได้ จึงพากันหันไปมองเช่นกัน

ทว่าพวกเขายังไม่ทันมองเห็นอะไรชัดแจ้ง ตรงหน้าก็พลันมืดมิด

ความมืดที่เงียบเชียบไร้เสียงขยายออกมาครอบคลุมพื้นที่รอบๆ ในชั่วพริบตาอย่างไร้เค้าลาง ราวกับม่านราตรีคลี่คลุม

ใต้การครอบคลุมของม่านราตรี ทุกสิ่งเงียบงันวังเวง

เยี่ยนจ้าวเกอเดินออกมาจากด้านในอย่างสบายๆ

ม่านตาทั้งสองข้างของเฉิงโม่หดตัว ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองไปรอบๆ

เขาเห็นลูกศิษย์เขาทุ่งวิจิตรกลุ่มนั้นเหมือนกับสูญเสียการรับรู้ แม้ว่าจะเบิกตาสองข้าง แต่ดวงตากลับไร้แวว เหมือนกับตุ๊กตาไม้รูปปั้นโคลน แข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่ยอมเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ก็ไม่ทราบ

ทว่าจอมยุทธ์อารามคงมายาที่อยู่ใกล้แค่คืบรวมถึงกวนอวี่ลั่วที่มีพลังฝึกปรือต่ำสุด ยังอยู่แค่ในระดับมหาปรมาจารย์ ต่างไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพียงรู้สึกงงงวยเล็กน้อย

หลังจากความงงงันบนใบหน้าของลูกศิษย์ยอดเขาอัศจรรย์ผู้นั้นหาย ความแตกตื่นก็ผุดขึ้นมาแทนที่ “ท่านคือ…”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่แม้กระทั่งเหลือบแลจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านั้น เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรว่า “ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ มาชมดูการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิแพรและทวนพระอังคาร ต้องรบกวนสำนักท่าน ดังนั้นจึงมาเยี่ยมเยือนเทพธิดาสสารกำเนิด ส่วนที่เสียมารยาท ขอได้โปรดให้อภัยด้วย”

………………..