เจ็ดอารมณ์หลอมรวม นั่นก็คือปรารถนาที่หก!
ปรารถนาอารมณ์เป็นสิ่งพิเศษอย่างยิ่ง มันคือพลังงานแห่งความกระหายอยากซึ่งแฝงอยู่ในทุกผู้คน กระทั่งในระดับหนึ่งจะสามารถเห็นร่องรอยปรารถนาอารมณ์ในปรารถนาทั้งห้าได้ด้วย
ดังนั้นมันจึงลึกลับที่สุดและสามารถแบ่งออกเป็นเจ็ดอารมณ์ได้
ปรารถนาอารมณ์มีความคิดมีการเรียนรู้ และความคิดนี้…ตีความได้เป็นความโลภ โลภในชื่อเสียงก็เป็นปรารถนาอารมณ์ โลภในราคะก็เป็นปรารถนาอารมณ์ โลภในรักก็ยิ่งเป็นปรารถนาอารมณ์
กล่าวให้กระจ่างคือพลังงานปรารถนาอารมณ์นี้สามารถสนับสนุนคนคนหนึ่งได้จนถึงที่สุด และเกือบทุกคนมีมันอยู่ แม้กระทั่งหวังเป่าเล่อ…เขาปรารถนาที่จะมีความสุขและหวังว่าจะเป็นอมตะ
ร่างกายนี้…เห็นได้ชัดว่าก็เป็นปรารถนาอารมณ์อย่างหนึ่ง เพียงแต่ในสภาวะปกติความปรารถนานี้สามารถระงับและควบคุมได้ แต่ในมิติเต๋าต้นกำเนิดนั้นทุกสิ่งเปลี่ยนไป หกปรารถนากลายเป็นกฎเกณฑ์!
ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนกฎแห่งความกระหาย ร่างกายก็ย่อมกลายเป็นความกระหายได้
ฟังดูลึกลับแต่เป็นเช่นนั้นจริงๆ ปรารถนาอารมณ์นั้นต่างจากอีกห้าปรารถนาอย่างสิ้นเชิง มันคลุมเครือและเป็นอุดมคติกว่า
หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ในศาลา ค่อยๆ รู้แจ้งท่ามกลางการหลอมรวมตราประทับเจ็ดอารมณ์ในร่างกาย ในการรู้แจ้งนี้ประสาทการรับรู้ทั้งหมดของเขาถูกเก็บไป หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนอย่างเต็มที่
แน่นอนว่าหากมีอันตราย ด้วยระดับการฝึกตนของเขาในตอนนี้ก็ยังสามารถตรวจจับได้ทันที
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกอย่างในเมืองปรารถนาทัศน์ก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ สำหรับผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดในเมือง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าปรารถนาทัศน์นั้นเปลี่ยนคนแล้ว
ส่วนคนที่รู้เรื่องต่างไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่า…แม้เจ้าปรารถนาทัศน์จะเปลี่ยนคนแล้ว แต่กฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ไม่ได้เปลี่ยนตาม ร่างกายเจ้าปรารถนาทัศน์คนใหม่…ยังคงเป็นต้นกำเนิดกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์อย่างแท้จริง
ส่วนเจ้าทั้งสี่แห่งเจ็ดอารมณ์ก็ไม่ได้รั้งอยู่ในเมืองปรารถนาทัศน์นานนัก ไม่นานก็แยกย้าย พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ หนึ่งในนั้นคนแรกที่จากไปก็คือเจ้าแห่งโกรธ
การพ่ายแพ้อยู่ในกำมือหวังเป่าเล่อทำให้เขาอับอาย มันเป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ไร้แรงต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น พริบตาเดียวก็สยบอยู่ใต้เท้า ทำให้เขาเสียความมั่นใจ
หลังจากเจ้าแห่งโกรธจากไป คนอื่นๆ ก็ทยอยกันจากไปตามๆ กัน คนสุดท้ายที่จากไปคือเจ้าแห่งสุข ก่อนจะไปนางหันไปมองยังสถานที่ที่ถือสันโดษของหวังเป่าเล่ออีกครั้ง แววตาเปี่ยมด้วยความหวังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เพราะว่า…นางสัมผัสได้แล้ว ณ ใจกลางเมืองปรารถนาทัศน์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีพลังปราณแห่งกฎเกณฑ์ที่คุ้นเคยหวนคืนมา
“เมื่อปรารถนาอารมณ์เกิดขึ้น ประตูสู่อาณาจักรด้านบนก็จะเปิด…”
“มหาเทพ…ที่ท่านแยกโลกาชั้นแรกและชั้นสองออกจากกัน นั่นไร้ประโยชน์แล้ว…”
“อีกไม่นานเราจะได้เจอกัน” จู่ๆ เจ้าแห่งสุขก็ผุดยิ้ม รอยยิ้มนั้นแปลกประหลาดไม่อาจพรรณนาได้ ส่วนลึกในดวงตาของนางมีแสงสีดำวาบผ่าน
เพียงแต่…เจ้าแห่งสุขที่หมุนกายเดินจากมาและหายวับไปไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่า…เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้ามีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและกำลังเฝ้าดูทุกการกระทำของนางโดยที่นางไม่ได้สังเกตเห็น
รวมถึง…แสงสีดำในดวงตาของนางด้วย
ร่างนี้สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ศีรษะปกปิดอยู่ในชุดคลุมสีดำนั้นเช่นกัน เขายืนอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ เนิ่นนานกว่าจะถอนสายตาออกจากจุดที่เจ้าแห่งสุขหายวับไปแล้วหันไปทางเมืองปรารถนาทัศน์
“ใช้เวลาไม่นานร่างแยกของข้าก็เติบใหญ่ถึงระดับนี้แล้ว…หากตอนนี้เขาไม่ได้เก็บประสาทรับรู้ไว้และข้าไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเขา เกรงว่าคงจะถูกเขาจับได้ในพริบตาที่มาถึงแล้ว” ร่างบนท้องฟ้าพึมพำ ตอนนั้นเองลมก็พัดเสื้อคลุมที่คลุมศีรษะออกไป เผยให้เห็นใบหน้าข้างในนั้น
นั่นก็คือ…หวังเป่าเล่อร่างต้นแบบ!
เขากำลังมองเมืองปรารถนาทัศน์อย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าคิดอะไร ดวงตาเขาค่อยๆ ซับซ้อนขึ้น ไม่นานก็ถอนหายใจราวกับมีบางเรื่องที่ตัดสินใจยาก สุดท้ายก็ส่ายหน้าราวกับยังไม่ได้คำตอบ แล้วหันกายจากไป
ร่างต้นแบบจากไปแล้ว ทางฝั่งร่างแยกก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยจริงๆ ขณะนี้หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในวังใต้ดินกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการหลอมรวมตราประทับเจ็ดอารมณ์ในร่างกาย
เสร็จไปแล้วหกส่วน!
ถึงตอนนี้การหลอมรวมไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว เขาสัมผัสได้ว่าตราประทับทั้งเจ็ดกำลังแตกออกจากกัน เมื่อพวกมันแตกออกก็รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งและกำลังสร้างกฎใหม่
สิบวันผ่านไป ยี่สิบวันผ่านไป สามสิบวันผ่านไป…
การหลอมรวมตราประทับเจ็ดอารมณ์เพิ่มจากหกส่วนเป็นเก้าส่วนแล้ว!
ถึงกระนั้นกฎเกณฑ์ปรารถนาอารมณ์ก็ยังไม่ถือกำเนิด มีเพียงพลังปราณแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากพลังปราณนี้รวมตัวกันได้ระดับหนึ่งแล้วกลับเกิดอิทธิพลต่อโลกาชั้นที่สองแห่งนี้
สิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบก็คือเจ้าแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานแห่งกฎของตนกำลังอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนของกฎทั้งเจ็ด
ราวกับว่ากฎแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเทียบกับศิษย์ผู้ฝึกตนกฎทั้งเจ็ดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดรู้ถึงสาเหตุจึงไม่ตื่นตระหนก แต่กลับรอคอยอย่างเงียบๆ
เพราะว่า…เวลาเดียวกันกับที่กฎเจ็ดอารมณ์บนร่างพวกเขาเหี่ยวแห้ง พลังแห่งกฎดั้งเดิมของพวกเขาที่เคยถูกสะกดไว้ก็ฟื้นขึ้น
นอกจากนี้โลกาชั้นที่สองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ท้องฟ้าเริ่มมืดลง สายฟ้าแลบปรากฏไปทั่วทุกหนทุกแห่งส่งเสียงคำรามไปทั่วแปดทิศ
ผืนดินสั่นสะเทือนในหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะเมืองปรารถนาทั้งห้า ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ต่างเกิดความรู้สึกสั่นสะท้านอย่างไม่อาจอธิบายได้ ราวกับสัญชาตญาณกำลังบอกพวกเขาว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
ในหมู่พวกเขา เจ้าแห่งปรารถนาทั้งสี่สัมผัสได้ชัดเจนที่สุด
แม้แต่เจ้าปรารถนาเสียงที่ได้รับบาดเจ็บและถือสันโดษอยู่ในภูเขาไฟก็ยังลืมตา ลึกเข้าไปในดวงตานั้นเผยแววไม่อยากเชื่อ ก่อนจะหันไปมองทางเมืองปรารถนาทัศน์ ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น
ยังมีเจ้าปรารถนารสที่อยู่ในภาวะสลบไสลก็ยังตื่นขึ้นมาแล้วมองไปทางเมืองปรารถนาทัศน์เพราะการกระตุ้นของพลังปราณนี้
ยังมีเจ้าปรารถนากลิ่นและเจ้าปรารถนาสัมผัสที่แม้จะไม่เคยพบหวังเป่าเล่อ แต่พวกเขาก็ยังสั่นสะท้านด้วยพลังปราณนี้ทันที
การหลอมรวมดำเนินต่อไป โลกกำลังเปลี่ยนแปลง
แม้แต่ในโลกาชั้นที่สาม ขณะนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ลึกลงไปใต้ผืนดินภายในถ้ำหินปูน ร่างแห้งเหี่ยวที่ถูกพันธนาการแต่ละร่างเริ่มปรากฏสัญญาณของการตื่นขึ้น…
จนกระทั่งวันที่ 39…ในพริบตาที่ตราประทับเจ็ดอารมณ์ในร่างกายหวังเป่าเล่อหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์นั้น กฎเกณฑ์ที่ไม่เคยปรากฏบนโลกใบนี้ก็ได้…ถือกำเนิด!
เวลานี้ฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี เมฆลมพลิกตลบ!
เจ้าแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดสั่นสะท้าน เจ้าปรารถนาอีกสี่คนตกตะลึง
สรรพสัตว์ทั้งหลายครวญคราง โลกสั่นสะเทือน!
กฎเกณฑ์ที่ถือกำเนิดขึ้นนี้มีนามว่าปรารถนาอารมณ์!
ทันทีที่ถือกำเนิดเพราะว่าหวังเป่าเล่อเป็นคนแรกที่ครอบครองมันจึงเรียกได้ว่าเป็นผู้ครอบครองเพียงหนึ่งเดียวและกลายเป็นต้นกำเนิดทันที ได้เลื่อนขึ้นเป็น…เจ้าปรารถนาอารมณ์!
พลังปราณอันแข็งแกร่งและทรงพลังพลันปะทุจากร่างขึ้นฟ้าก่อตัวเป็นพายุ ม้วนตลบดังเสาอากาศพุ่งสู่ท้องฟ้า!
………