นี่ก็คือจักรพรรดิเสวียนเฉิน!
พ่อของอู๋น้อย เจ้าผู้ปกครองอาณาจักรพิภพทมิฬ ในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ 108 คนในอดีต ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ก็เพียงพอที่จะติดอันดับหนึ่งในสาม!
ตราประจำอาณาจักรคือนกแก้ว ว่ากันว่านกแก้วนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับมหาเทพ บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้…จักรพรรดิเสวียนเฉินถึงไม่ถูกผนึก แต่กลายเป็นผู้พิทักษ์แทน
เขาในตอนนี้สวมชุดดำทั้งกาย ผมหงอกขาว ใบหน้ายับย่น นัยน์ตาล้ำลึก…แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าลึกลงไปในดวงตาเขาดูเหมือนไม่มีปัญญาวิญญาณอะไรเลย
ยามนี้จักรพรรดิเสวียนเฉินยืนอยู่เหนือประตูบานใหญ่ ก้มมองหวังเป่าเล่ออย่างเย็นชา
หวังเป่าเล่อเงยหน้าและจ้องจักรพรรดิเสวียนเฉินผู้นี้กลับ
เกิดความเงียบขึ้นรอบตัว แม้แต่ในโลกชั้นที่สองก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปในพริบตา เจ็ดอารมณ์ก็ดี ปรารถนาก็ช่าง ต่างจ้องมองทุกอย่างจากที่ไกลๆ จิตใจปั่นป่วนราวกับมีพายุ
แทบจะในทันทีที่ประตูบานใหญ่นั่นปรากฏ ความทรงจำที่ดูเหมือนจะถูกปิดผนึกไว้พลันปรากฏขึ้นในจิตใต้สำนึกของพวกเขา ความทรงจำนี้ตรึงอยู่ในสายเลือดและตอนนี้ก็ได้ผุดขึ้นมาทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่า…นั่นคือประตูสู่อาณาจักรด้านบน
หากผลักบานประตูนี้ได้ก็จะเชื่อมโลกาชั้นที่หนึ่งกับสองเข้าด้วยกัน และผู้ฝึกตนจากโลกาชั้นที่สองก็จะเหยียบเข้าไปในอาณาจักรบนได้ ที่แห่งนั้น…ตามตำนานก็คือสถานที่ที่เหล่าทวยเทพหลับใหล
ท่ามกลางสายตาทุกคน จักรพรรดิเสวียนเฉินที่ยืนอยู่เหนือประตูพลันส่งเสียงดังก้องปานอสนีบาตอีกครั้ง เกิดเสียงดังสะเทือนอยู่ในหูหวังเป่าเล่อ
“เจ้า คิดดีแล้วหรือ”
ยังเป็นประโยคเดิม จักรพรรดิเสวียนเฉินกล่าวคำเดิมเป็นครั้งที่สอง สายตาเขาเฉียบคมอย่างยิ่ง มองหวังเป่าเล่อราวกับกำลังรอคอยคำตอบ
หวังเป่าเล่อเงียบไป ประโยคนี้คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่สำหรับเขานั้นค่อนข้างสับสนเล็กน้อย
ดังนั้นหลังจากหายใจถี่กระชั้นไม่กี่อึดใจ แม้หวังเป่าเล่อจะไม่ได้เอ่ยอะไรก็ตาม แต่ก็ได้ใช้การกระทำบอกจักรพรรดิเสวียนเฉินว่าเขา…คิดดีแล้ว
เขาพุ่งตัวเข้าใส่จักรพรรดิเสวียนเฉินทันที แทบจะในพริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าจักรพรรดิเสวียนเฉินแล้ว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงพลันปรากฏปกคลุมไปทั่วแปดทิศ ส่งผลให้พื้นที่หมื่นลี้ตรงนี้กลายเป็นราตรีกาลห่อหุ้มจักรพรรดิเสวียนเฉินไว้ด้านใน
ฉากนี้ประหลาดมาก เห็นได้ชัดว่าพื้นที่นอกหมื่นลี้นั้นยังเป็นกลางวัน แต่ในรัศมีหมื่นลี้จากจุดที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่กลับมืดสนิท อีกทั้งยังมีเสียงคำรามนับไม่ถ้วนดังก้องในราตรีแห่งนี้ด้วย
มีเพียงประตูสู่อาณาจักรบนเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบและดำรงอยู่ในราตรีต่อไป แต่ร่างของหวังเป่าเล่อและจักรพรรดิเสวียนเฉินในราตรีนั้นไม่มีใครมองเห็น
เพราะพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่…โลกแห่งเสียงแล้ว
ในโลกแห่งเสียงทุกสิ่งรอบตัวถูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ร่างของหวังเป่าเล่อและจักรพรรดิเสวียนเฉินตัดสลับและสัมผัสกันอย่างต่อเนื่อง ส่งเสียงคำรามดังติดกันเป็นชุด
ยังมีสัตว์ประหลาดอีกมากมายที่พุ่งมาจากทั้งแปดทิศพร้อมจิตสังหารมารวมตัวกันเพื่อร่วมมือกับหวังเป่าเล่อโจมตีจักรพรรดิเสวียนเฉิน แต่เห็นได้ชัดว่า…ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิเสวียนเฉินไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดในโลกแห่งเสียงจะสั่นคลอนได้ และไม่ใช่แค่กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเพียงอย่างเดียวที่จะสยบได้
ดังนั้นไม่นานยามที่เสียงคำรามราวกับแยกฟ้าดินดังขึ้น ราตรีในระยะหมื่นลี้ก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทันที เวลาเดียวกันกับที่มันพังทลาย ร่างของหวังเป่าเล่อก็พุ่งออกมาจากข้างใน ตามด้วยจักรพรรดิเสวียนเฉินที่ไล่ตามเขามา
แต่สีหน้าหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะโลกแห่งเสียงถูกทำลายแต่อย่างใด เขารู้อยู่แล้วว่าจะใช้โลกแห่งเสียงมาสยบนั้นไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก ดังนั้นโลกแห่งเสียง…เป็นแค่วิธีลองใจ
แน่นอนว่ายังมีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่
ขณะที่ราตรีรอบกายกำลังพังทลาย หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ถอยหลังไปพร้อมยกมือขวาขึ้นสะบัดอย่างแรง ทันใดนั้นกฎเกณฑ์ปรารถนารสพลันปะทุขึ้น ดวงตาของเขาแผ่แสงสลัว ร่างกายพองตัวอย่างดุเดือดจนสูงถึง 3,000 กว่าจั้งราวกับยักษ์
เมื่อกฎเกณฑ์ปรารถนารสปะทุขึ้น ฝันร้ายแห่งปรารถนาพลันปรากฏตัวเป็นจำนวนนับหมื่นเบียดเสียดกันพร้อมกรีดร้องกลายเป็นปากขนาดมหึมากลืนกินไปทางจักรพรรดิเสวียนเฉิน
ส่วนหวังเป่าเล่อก็อ้าปากกว้างกลืนกินร่างที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิเสวียนเฉินอีกที!
ขณะเดียวกันเศษชิ้นส่วนราตรีของโลกแห่งเสียงก็ไม่ใช่สีดำอีกต่อไปแล้ว กลับมีแสงประหลาดเปล่งออกมาราวกับกำลังส่องประกาย…นั่นทำให้พื้นที่หมื่นลี้ตรงนี้ทั้งเหนียวและหนาขึ้นมากจากกฎเกณฑ์ปรารถนาทั้งสองชนิด
ทางจักรพรรดิเสวียนเฉินก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว ตอนนี้เขายกมือใหญ่ขึ้นมาพร้อมแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะคว้าไปด้านบน ทันใดนั้นสถานการณ์บนท้องนภาก็ผันเปลี่ยน กรงเล็บยักษ์สีดำขนาดเท่าเมืองเมืองหนึ่งพลันยื่นออกมาจากชั้นเมฆคว้ามาทางพื้นที่หมื่นลี้ตรงนี้
ทรงพลังมาก!
ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ฝันร้ายแห่งปรารถนาที่กลายเป็นปากยักษ์เหล่านั้นก็ราวกับเจอศัตรูตามธรรมชาติ พวกมันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนแล้วพังทลายทันที ส่วนร่างเจ้าสวาปามของหวังเป่าเล่อก็ได้รับผลกระทบและเริ่มผุพัง
แต่นั่นไม่ได้ส่งผลต่อจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย เขาหรี่ตาลงเค้นเสียงคำรามต่ำ ก่อนจะทำผนึกมุทรา ทันใดนั้นรอบตัวก็ปรากฏมือยักษ์ลวงตาขึ้น!
ฝ่ามือนี้มีเพียงสามนิ้ว!
เป็นไพ่ตายของหวังเป่าเล่อในตอนนี้ ใช้ปราณโลหิตมหาเทพเป็นฝ่ามือ ใช้ปรารถนาอารมณ์เป็นนิ้วโป้ง ปรารถนาเสียงเป็นนิ้วชี้ ปรารถนารสเป็นนิ้วกลางพุ่งสยบกรงเล็บยักษ์จากท้องฟ้า
ขณะเดียวกันเศษชิ้นส่วนโลกแห่งเสียงและความผันผวนของกฎเกณฑ์ปรารถนารสก็ดูเหมือนจะเตรียมตัวพร้อมนานแล้ว มันระเบิดติดๆ กัน กลายเป็นหนึ่งเดียวกับฝ่ามือมายาของหวังเป่าเล่อ
ดังนั้นหากมองจากที่ไกลๆ เศษชิ้นส่วนโลกแห่งเสียงกับพลังของกฎเกณฑ์ปรารถนารสก็ดูเหมือนกับกลายเป็นเลือดเนื้อชั้นนอกของฝ่ามือนี้ ทำให้มันยิ่งสง่างามและสมจริงขึ้นไปอีก
“โลกแห่งปรารถนา!!” เจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์และเจ้าปรารถนาที่มองการต่อสู้นี้อยู่พลันเอ่ยเสียงดัง
พวกเขาพูดถูก หลังจากควบคุมปรารถนาอารมณ์และกฎเกณฑ์ปรารถนาอื่นๆ แล้ว หวังเป่าเล่อก็พอเข้าใจได้ว่าจะระเบิดพลังแห่งปรารถนาขั้นสูงสุดออกมาได้อย่างไร
นั่นก็คือโลกแห่งปรารถนา
พื้นที่ที่ปรารถนามากมายหลอมรวมกันก่อตัวขึ้นสามารถทำให้เขาระเบิดพลังที่น่าอัศจรรย์ได้ อย่างเช่นตอนนี้…ฝ่ามือสามนิ้วคำรามกู่ก้องปะทะเข้ากับกรงเล็บยักษ์จากท้องฟ้านั่นโดยตรง
ฟ้าดินกรีดร้องคำราม สั่นสะเทือนไปทั้งแปดทิศ ทั่วทั้งโลกาชั้นที่สองราวกับเกิดพายุลูกใหญ่โดยมีจุดที่หวังเป่าเล่อกับจักรพรรดิเสวียนเฉินปะทะกันเป็นศูนย์กลางและแผ่ขยายออกไป
ต้นไม้ใบหญ้านับไม่ถ้วนหลุดขึ้นจากพื้นดิน ภูเขานับไม่ถ้วนแตกสลายกลายเป็นที่ราบ มหาสมุทรก็ดี แม่น้ำก็ช่าง ต่างพลิกตลบปั่นป่วนไปทั่ว ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนัก
ขณะเดียวกันเจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์และเจ้าปรารถนาต่างก็กำลังสนใจจุดจบของการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี เพราะว่า…ในพื้นที่ที่หวังเป่าเล่อกับจักรพรรดิเสวียนเฉินปะทะกันนั้น ร่างของคนผู้แรกก็กระอักเลือดและกำลังถอยหนีอย่างรวดเร็ว…
ส่วนคนผู้หลังยังคงยืนอยู่เหนือประตูและมองหวังเป่าเล่อที่กำลังถอยไปอย่างสงบนิ่ง ขณะกำลังจะโจมตีนั้นเอง คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นทันที เพราะบนใบหน้าพลันปรากฏใบหน้าขึ้นมาสามใบหน้า!
ใบหน้าทั้งสามนี้เหมือนกับหน้ากากโปร่งแสงติดอยู่บนหน้าจักรพรรดิเสวียนเฉิน หน้าตาของมันเหมือนหวังเป่าเล่อแต่อารมณ์ที่แสดงออกกลับต่างกัน
ผู้หนึ่งกระหายรส ผู้หนึ่งกระหายเสียง ผู้หนึ่งกระหายอารมณ์
เปรียบเสมือนคำสาป!
………