ตอนที่ 1337 บอกเรื่องสำคัญ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า และวางนิ้วอันเรียวยาวบอบบางนั้นลงบนศิลาทดสอบ

ถึงแม้ว่าค่าของตัวเลขนั้นจะไม่ได้ขึ้นเร็วเหมือนของมู่เฉียน แต่ตัวเลขนั้นกลับเกินแปดสิบแล้ว พุ่งจนถึงเก้าสิบ จนกระทั่งถึงหนึ่งร้อยถึงจะหยุดลง

เฮือก! ในตอนนี้ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ

“หนึ่งร้อยจริง ๆ ด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางชุดขาวผู้นี้จะมีพลังจิตสูงถึงเพียงนี้”

“พรสวรรค์ในการปรุงยาของนางต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน ยอดเยี่ยม!”

“……”

ผู้อาวุโสที่ทดสอบพลังจิตก็ยิ้มขึ้นดุจดั่งบุปผาบานสะพรั่ง เขากล่าว “พลังจิตไม่เลวเลย! ยอดเยี่ยมมาก! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าดินแดนสี่ทิศจะมีอัจฉริยะเช่นนี้ด้วย ไม่รู้ว่าแม่นางน้อยอายุเท่าไรแล้ว?”

หากเป็นคนแก่ในร่างคนรุ่นเยาว์ ก็ไม่ควรค่าที่จะชื่นชม

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าน้อยเพิ่งจะยี่สิบเจ้าค่ะ!”

เมื่อทุกคนได้ยินคำตอบนี้เข้าดวงตาลุกวาวทันที ส่วนผู้อาวุโสสำนักโอสถฯ ผู้สูงส่งต่างก็ให้ความสำคัญกับไป๋เหยียนเอ๋อร์ทันที

ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองมู่เฉียนซีด้วยท่าทีภาคภูมิใจในตัวเอง เพิ่งจะเริ่ม มู่เฉียนซีก็ห่างชั้นกับนางมากแล้ว ต่อไปนางจะทำให้มู่เฉียนซีได้เห็นดี

มู่เฉียนซีแสยะมุมปากเล็กน้อย ใช้พลังของปีศาจเฒ่าหมิงจีมาทดสอบพลังจิต มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน

การทดสอบพลังจิตนี้ได้คัดเลือกนักปรุงยารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ในระดับธรรมดาออกไปแล้ว

นักปรุงยาที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้จึงได้กลายเป็นแค่ผู้ชมการประลองด้วยความผิดหวัง

ทว่า การคัดเลือกยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ชายชราผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ต่อไปก็เริ่มด่านที่สองได้ ด่านสองมันไม่ง่าย พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”

“ทุกคนจะต้องเข้าไปในหอหลอมวิญญาณ พวกเจ้าจะต้องเข้าไปในห้อง หากเอาชนะสัตว์รวมวิญญาณในนั้นได้ ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ”

ครั้นแล้วพวกเขาจึงเข้าไปในหอหลอมวิญญาณ มู่เฉียนซีอยู่ในมิติหนึ่งเพียงลำพัง

ในมิตินี้มีลูกบอลขนเล็ก ๆ อยู่หลายลูก พวกมันมีลักษณะโปร่งใส พวกมันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่เป็นลักษณะของดวงวิญญาณ

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ความเร็วของสัตว์เหล่านี้รวดเร็วมาก การโจมตีทางกายภาพนั้นไม่สามารถทำร้ายพวกมันได้

ทำได้เพียงแค่ใช้พลังจิตโจมตีเท่านั้น มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ของที่สำนักโอสถฯ เอาออกมาใช้ในการทดสอบนี้มันช่างน่าสนใจยิ่งนัก

พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกมา ทันใดนั้นลูกบอลขนเหล่านี้ก็แข็งทื่อไป พลังจิตที่อยู่เหนือกว่าพวกมันนั้นทำให้พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะหนี

ฮือ ๆ ๆ! ลูกบอลขนเหล่านี้มองไปที่มู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่น่าสงสาร

มู่เฉียนซีกล่าว “หากพวกเจ้าไม่อยากให้ข้าทำร้ายพวกเจ้า พวกเจ้าก็ทำตัวดี ๆ เชื่อฟังข้าหน่อย!”

พวกมันพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง มู่เฉียนซีกล่าวต่อว่า “รอให้คนพวกนั้นสำเร็จไปครึ่งนึงก่อน พวกเจ้าค่อยไป ส่วนตอนนี้พวกเจ้าอยู่เล่นเป็นเพื่อนข้าไปก่อนก็ได้!”

มู่เฉียนซีดึงพลังจิตกลับมา แต่แผ่พลังจิตออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้ลูกบอลขนเหล่านี้อยู่เล่นกับนาง

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ในมิติอีกมิติหนึ่ง ลูกบอลขนจำนวนมากกำลังรุมล้อมไป๋เหยียนเอ๋อร์

ใช้พลังวิญญาณโจมตี ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็เรียนรู้ได้ถึงสิ่งนี้แล้ว จึงใช้พลังจิตโจมตี

ทว่า พลังจิตอันน้อยนิดนั้นของนางไม่สามารถทำให้ลูกบอลขนเหล่านี้เกรงกลัวได้ ความเร็วของพวกมันเร็วเป็นอย่างยิ่ง นางไม่สามารถสัมผัสลูกบอลขนเหล่านี้ได้เลย

จนในที่สุดนางก็ดึงเอาพลังของหมิงจีออกมาใช้

ถึงแม้ว่าพลังจิตของหมิงจีจะแข็งแกร่ง แต่การควบคุมนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ดังนั้นนางจึงยังคงตามความเร็วของลูกบอลขนเหล่านั้นไม่ได้

ปัง ปัง ปัง!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

และลูกบอลขนเหล่านี้ก็เล่นอย่างสนุกสนานทำให้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

เหงื่อผุดพรายท่วมไปทั้งตัวของไป๋เหยียนเอ๋อร์ นางรับมือกับพวกมันด้วยความยากลำบาก

ทุกคนที่เดินออกมาจากหอหลอมวิญญาณเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยเล็กน้อย สภาพเช่นนี้ผู้อาวุโสสำนักโอสถฯ คุ้นชินแล้ว อย่างไรเสียเจ้าพวกนั้นในหอหลอมวิญญาณก็ซุกซนมาก

ในตอนนี้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็เดินออกมาแล้ว และสภาพของนางก็แย่กว่าคนอื่นมาก

ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง สภาพนางเหมือนกับคนบ้าที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบ้าก็มิปาน

และทุกคนก็พบว่าหญิงบ้าชุดขาวผู้นี้ก็คือหญิงสาวผู้ที่พลังจิตเต็มหนึ่งร้อยในตอนที่ทดสอบพลังจิต พลังจิตแข็งแกร่งปานนั้น แต่การควบคุมพลังจิตนั้นแย่ไปหน่อย

ในตอนนี้เอง ไห่ฝานก็เดินออกมาด้วยสภาพที่จนตรอกเช่นกัน เมื่อเขาเห็นสภาพของไป๋เหยียนเอ๋อร์เข้า ก็รู้สึกหดหู่จึงเข้าไปปลอบใจนาง

“เหยียนเอ๋อร์ อายุเจ้ายังน้อย เจ้าต้องฝึกควบคุมพลังจิตให้มากกว่านี้ เจ้าจะต้องเป็นเลิศแน่นอน”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองไห่ฝานพลางกล่าว “ขอบคุณนายน้อยไห่ที่ปลอบใจข้า”

นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซียังไม่ออกมา นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ที่นางมีสภาพที่จนตรอกเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่านางอายุยังน้อย แต่จนถึงตอนนี้แล้วมู่เฉียนซีก็ยังไม่ออกมา เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีมาก

หากมู่เฉียนซีออกมา ต้องมีสภาพที่สะบักสะบอมยิ่งกว่านางเป็นแน่

ระหว่างลูกบอลขนเหล่านี้มีการรับรู้ต่อกัน พวกมันรับรู้ได้ว่าตอนนี้จำนวนของพวกมันลดน้อยลงถึงครึ่งแล้ว พวกมันจึงมองมู่เฉียนซีด้วยความอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็อันตรธานหายไป

มู่เฉียนซีเดินออกมาจากหอหลอมวิญญาณ และทุกคนก็จ้องมองไปที่ร่างของหญิงสาวชุดม่วงผู้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามไม่เป็นสองรองใครผู้นี้ด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้นที่ยังอยู่ครบไม่ขาดหลุดลุ่ย แม้แต่ผมของนางก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้ยุ่งเหยิงเลยสักนิด สภาพไม่เหมือนกับคนอื่นที่เดินออกมาเลย ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย!

คนของสำนักโอสถฯ ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “ลูกบอลขนพวกนั้นซุกซนเอาเรื่องมาก สาวน้อยผู้นี้ทำได้ยังไง?”

ไป่เหยียนเอ๋อร์เองก็กล่าวขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้! จะเป็นไปได้ยังไง ข้าไม่เชื่อ!”

มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้ถึงสายตาแปลกประหลาดของทุกคนที่มองมาที่นาง นางไม่ใช่คนแรกที่เดินออกมาสักหน่อย จะแปลกใจกันทำไม

จนกระทั่งคนข้างหลังวิ่งออกมาจากหอหลอมวิญญาณด้วยสภาพเสื้อผ้าผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าซีดเผือด นางจึงเข้าใจ และตระหนักได้ว่าตอนที่อยู่ในมิตินั้นนางสบายเกินไปแล้ว

หลังจากการคัดเลือกในด่านที่สองเสร็จสิ้น รายชื่อนักปรุงยาผู้ที่ผ่านเข้ารอบก็ออกมาแล้ว ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ทว่า การเริ่มต้นที่แท้จริงนั้นต้องรออีกสามวัน เพราะคนของสำนักโอสถฯ บอกว่าต้องเตรียมตัวก่อน

มู่เฉียนซีพักผ่อนอยู่ในตำหนักเป่ยหาน ผู้อาวุโสรองมาหามู่เฉียนซี เขากล่าว “ประมุขน้อย ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มีเรื่องอะไรรึ?”

ผู้อาวุโสรอง “ข้าสนิทสนมกับผู้อาวุโสแห่งสำนักโอสถฯ มานาน พวกเขาจึงเปิดเผยเรื่องนี้กับข้า”

ผู้อาวุโสรองก็นับว่าเป็นคนที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง เขารู้ดีว่าการทำดีกับประมุขน้อยเท่ากับการทำดีต่อท่านหัวหน้าตำหนัก

มู่เฉียนซีกล่าว “อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย มีอะไรก็รีบว่ามา!”

ผู้อาวุโสรองกล่าว “การประลองในอีกสามวันที่จะถึงนี้ไม่ธรรมดาเลย! ความจริงแล้วที่สำนักโอสถฯ ของพวกเขามาจัดการแข่งขันปรุงยาในดินแดนสี่ทิศทุก ๆ พันปีก็เพราะว่าพวกเขามีเป้าหมาย”

มู่เฉียนซีกล่าว “เป้าหมาย? นี่พวกเขาคิดจะขุดอัจฉริยะนักปรุงยาในดินแดนสี่ทิศอย่างนั้นเหรอ”

ผู้อาวุโสรองกล่าว “ขุดอัจฉริยะนักปรุงยาไปมันมีทุกครั้งอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขามีเป้าหมาย และเป้าหมายหลัก ๆ ของพวกเขาก็คือการเข้าไปในดินแดนโอสถ ที่แห่งนั้นเป็นดินแดนที่มีสมุนไพรวิญญาณมากมาย แต่ไม่มีมนุษย์อยู่ ทุก ๆ สองถึงสามพันปีมันจะปรากฏขึ้นในดินแดนสี่ทิศของพวกเรา ดังนั้นสำนักโอสถฯ จึงให้ความสนใจกับดินแดนสี่ทิศเป็นพิเศษ”

“ศิษย์ที่สำนักโอสถฯ คัดเลือกออกมา อีกสามวันพวกเขาจะลงมา พวกเขาจะไม่ประลองกับนักปรุงยาของดินแดนสี่ทิศ แต่การที่พวกเขาไปนั้น พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้สมุนไพรวิญญาณชั้นดีเหล่านั้นหลุดมือไปง่าย ๆ แน่นอน ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่สมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ก็มี บางทีอาจจะหาเจอในดินแดนโอสถก็ได้”

.

.