ราชันเร้นลับ 1302 : ฉากในคำพยากรณ์

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

แบร์นาแดตเงียบไปสองวินาทีก่อนจะตอบผ่านทาสรับใช้ล่องหน

“ลุงเอ็ดเวิร์ด… มาทำอะไรที่นี่?”

เธอใช้วิธีเรียกเดียวกับเมื่อครั้งยังเด็กเพื่อลดโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝัน

เมื่อเสียงของเธอดังกังวานผ่านทาสรับใช้ล่องหน อากาศรอบข้างพลันแห้งและแข็งทื่อ แตกต่างจากปรกติโดยสิ้นเชิง

ใบหน้าเอ็ดเวิร์ดซีดเซียวประหนึ่งเพิ่งคลานออกจากสุสานเย็นเยียบ

“กระหม่อมก็อยากทราบเช่นกัน… เมื่อตื่นขึ้นมา กระหม่อมพบว่าตัวเองอยู่บนเกาะแห่งนี้แล้ว… นี่อาจเป็นชะตากรรมของกระหม่อม ชะตากรรมที่ต้องคอยปกป้องฝ่าบาท”

มันพูดไปหยุดไป แต่ไม่ได้มีอาการหอบ คล้ายกับคนที่ไม่ได้พูดมานานจนคอ ‘ขึ้นสนิม’

อัศวินผู้โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ไม่รอให้แบร์นาแดตกล่าวจบ มันเสริมต่อทันทีด้วยเสียงราบเรียบ

“สุสานของฝ่าบาทอยู่ไม่ไกล… กระหม่อมคอยเฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อรอวันที่พระองค์จะคืนชีพ… แต่แม้จะผ่านไปหลายปี สุสานก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด… ไม่มีวี่แววของการคืนชีพเลย”

แบร์นาแดตบังคับให้ทาสรับใช้ล่องหนมองไปรอบตัว

“คุณอาศัยอยู่ในบ้านไม้หลังนี้?”

ผิวพรรณเอ็ดเวิร์ดในส่วนที่ถูกเผยค่อนข้างแห้งผาก สอดคล้องกับรอยด่างจากวัยชรา มันตอบแบร์นาแดตด้วยเสียงแผ่วเบา:

“ใช่แล้ว… กระหม่อมสร้างบ้านขึ้นจากต้นไม้รอบๆ”

ทาสรับใช้ล่องหนของแบร์นาแดตจ้องไปยังทิศทางซึ่งตนเดินผ่านมาแล้วกล่าว

“คุณลุงไม่ได้อยู่กับลุงวิลเลียมและคนอื่นหรอกหรือ?”

ดวงตาเย็นชาและไร้อารมณ์ของเอ็ดเวิร์ดขยับเล็กน้อย

“พวกเขาถูกกัดกร่อนและตายไปนานแล้ว… แม้จะคืนชีพอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ใกล้เคียงกับสัตว์ประหลาดมากกว่าสมัยยังมีชีวิต… องค์หญิง ท่านต้องระวังและพยายามหลีกเลี่ยงพวกเขา… นอกจากเบ็นจามินกับกระหม่อม องค์หญิงห้ามไว้ใจใครเด็ดขาด”

แบร์นาแดตเงียบไปสักพักก่อนจะถามผ่านทาสรับใช้ล่องหน:

“สุสานของบิดาอยู่ที่ใด ฉันอยากจะเห็น”

คอของเอ็ดเวิร์ดขยับในลักษณะค่อนข้างทื่อ

“ตกลง”

จากนั้น มันเดินเข้าไปในบ้านไม้ หยิบขวานเหล็กสีดำขึ้นสนิมออกจากด้านใน

“กระหม่อมจะพาไปเอง” เอ็ดเวิร์ดกล่าวขณะจ้องทาสรับใช้ล่องหนซึ่งคนทั่วไปไม่ควรเห็น

ระหว่างนี้ สีหน้าแววตาของมันแข็งทื่อราวกับปราศจากอารมณ์ทั้งปวง

“ตกลง” แบร์นาแดตซึ่งอยู่ขอบป่า ส่งเสียงขานรับผ่านทาสรับใช้ล่องหน

เอ็ดเวิร์ดเจ้าของส่วนสูง 1.9 เมตรซึ่งมีร่างกายค่อนข้างซูบผอม ถือขวานเดินไปทางด้านหลังของบ้านไม้พลางกล่าวเสียงเรียบ:

“อยู่ไม่ไกล… ระวังอันตรายกลางทาง”

แบร์นาแดตรีบควบคุมทาสรับใช้ล่องหนให้เดินตามเอ็ดเวิร์ดซึ่งแต่งกายในชุดหรูหรา

หลังจากเดินผ่านผืนป่าไปทีละแห่ง แบร์นาแดตถามผ่านทาสรับใช้ล่องหน

“ลุงเอ็ดเวิร์ด เมื่อครู่ในลานโล่ง คุณลุงกราบไหว้สิ่งใด?”

เอ็ดเวิร์ดไม่หันหลังกลับ ไม่ลดความเร็วลง:

“ฝ่าบาท”

แบร์นาแดตซึ่งอยู่ด้านหลังเอ็ดเวิร์ดและทาสรับใช้ล่องหนเกือบสองกิโลเมตร ขมวดคิ้วชนกันทันที ใช้เวลาเกือบสามวินาทีในการควบคุมอารมณ์

ผ่านทาสรับใช้ล่องหน เธอถามอย่างไร้อารมณ์

“ลุงวิลเลียมกับคนอื่นก็กราบไหว้ท่านพ่อด้วยหรือ”

เอ็ดเวิร์ดชะงักเล็กน้อย แต่ยังคงหันหลังให้ทาสรับใช้ล่องหนและเนตรส่องความลับ

“เปล่า”

มันลดความเร็วลงประหนึ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับคำตอบ

“กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าพวกเขาบูชาสิ่งใด…”

แบร์นาแดตหรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในแม่น้ำแห่งชะตากรรม

เธอมิได้ถามสิ่งใดต่อ เพียงบังคับให้ทาสรับใช้ล่องหนเดินตามหลังเอ็ดเวิร์ดอย่างเงียบงัน ท่ามกลางแนวต้นไม้ขนาดใหญ่สีเขียวเข้มและพุ่มไม้ซึ่งมีหนามแหลม พวกมันมุ่งหน้าไปยังบริเวณยอดเขาของเกาะ

ผ่านไปราวสี่ถึงห้านาที แนวต้นไม้หายไปจากเบื้องหน้า

นี่มิใช่การเปลี่ยนแปลงทีละน้อยจากหนาแน่นเป็นเบาบาง จนกระทั่งไม่มีต้นไม้ หากแต่แนวต้นไม้ได้อันตรธานหายไปหลังจากเดินผ่านจุดหนึ่ง ราวกับเป็นการข้ามผ่านเขตแดนที่มองไม่เห็น

ด้านหลังเขตแดนที่มองไม่เห็นเป็นภูเขาสูงหลายร้อยเมตรซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สีเขียวเข้มจนเกือบดำ เมื่อมองจากระยะไกล ทั้งสองสิ่งกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันจนยากจะจำแนก

ภูเขาฝั่งที่หันหน้าเข้าหาแบร์นาแดตและเอ็ดเวิร์ดมีต้นไม้ค่อนข้างบางตา กว่าครึ่งของพื้นดินถูกขุดเป็นโพรง

ภายในภูเขา สุสานสีดำเด่นตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม

โครงสร้างส่วนใหญ่กลมกลืนไปกับแนวสันเขา บางส่วนมีร่องรอยมนุษย์สร้างและการขัดเงา เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคำว่า ‘สุสานภูเขา’

ด้วยเหตุนี้ รูปทรงของสุสานจึงไม่เหมือนพีระมิดทั่วไป แต่จะคล้ายกับภูเขาสูงตระหง่าน อาจไม่สมมาตร แต่ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง

ไม่แน่ใจว่าเป็นอิทธิพลจากสุสานหรือเอ็ดเวิร์ดคอยหมั่นทำความสะอาด ผิวสุสานแทบไม่มีวัชพืชเกาะ ไม่มีเถาวัลย์เหมือนกับส่วนอื่นบนภูเขา

สิ่งนี้ช่วยให้แบร์นาแดตมองเห็นลวดลายและอักขระซึ่งถูกสลักลงบนผิวสุสานผ่านเนตรส่องความลับ นอกจากนั้นยังเห็นประตูหินสูงเกือบสามสิบเมตรซึ่งดูคล้ายกับเตรียมไว้ให้คนยักษ์

อักขระเหล่านี้มิใช่สิ่งแปลกตาสำหรับแบร์นาแดต เพียงไม่นานเธอก็ระบุได้ว่าเนื้อหาบางส่วนมาจาก ‘ประมวลกฎหมายแพ่ง’ ซึ่งบิดาของตนเป็นผู้กำหนดและประกาศใช้ บางส่วนเป็นกระแสสังคมรูปแบบใหม่ที่ชายคนนั้นสร้างขึ้น และบางส่วนคือภาพพิมพ์เขียวของสิ่งประดิษฐ์

ขณะแบร์นาแดตกวาดตาสำรวจ ไคลน์บนสายหมอกสีเทาก็มั่นใจทันทีว่านี่คือสุสานสุดท้ายของจักรพรรดิโรซายล์

สิ่งนี้คล้ายกับสุสานที่มันได้เห็นในซากปรักหักพังทูดอร์ เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์บิดเบือนและไม่สมมาตรของจักรพรรดิมืด

หลังจากเดินพ้นป่าดงดิบ ผ่านเขตแดนที่มองไม่เห็นและขยับเข้าใกล้สุสาน เอ็ดเวิร์ดชะงักฝีเท้า

มันหมุนตัวครึ่งหนึ่งกลับมาจ้องหน้าทาสรับใช้ล่องหน จากนั้นก็กล่าวเสียงเรียบ:

“อย่าเข้าไป… การทำเช่นนั้นจะขัดขวางกระบวนการคืนชีพ…”

แบร์นาแดตขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดสองวินาทีก่อนจะใช้เนตรส่องความลับมองไปยังสุสาน

จากนั้น ดวงตาสีฟ้าคล้ายน้ำทะเลของเธอ ทวีความลุ่มลึกประหนึ่งทะเลสงบก่อนพายุ

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ดวงตาของเธอเริ่มสูญเสียความคมชัด รูม่านตาขยายกว้าง

หญิงสาวกำลังแอบส่องแม่น้ำแห่งชะตากรรม เพื่อพยากรณ์ถึงสิ่งที่ควรทำ

เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์เคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกครั้ง เป็นการเพิ่มโอกาสที่แบร์นาแดตจะทำสำเร็จ ขณะเดียวกันก็เตรียมพร้อมรับมือการกัดกร่อนจากอวกาศ

แต่แน่นอนว่าอย่างหลังไม่จำเป็น เพราะแบร์นาแดตมีสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ในความควบคุมของเธอ

วินาทีถัดมา แบร์นาแตดยกมือขวา

ทันใดนั้น ผิวพรรณหญิงสาวกลายเป็นสีขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากแดงสดเหมือนเลือด และเส้นผมกลายเป็นดำขลับประหนึ่งไม้มะเกลือ

กระจกโบราณมายาบานหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

นี่คือเวทมนตร์ปรัมปรา ‘สโนว์ไวท์’ แบร์นาแดตใช้มันเพื่อเพิ่มความสำเร็จและความแม่นยำในการ ‘พยากรณ์’

ท่ามกลางความเงียบ หญิงสาว ‘เห็น’ ฉากหนึ่ง:

สุสานสีดำเด่นตระหง่านกำลังสั่นสะเทือนแผ่วเบา ประตูหินยักษ์สูงกว่าสามสิบเมตรถูกเปิดออก

จากนั้น ท่อนแขนสีดำขนาดมหึมาเหยียดยาวออกจากประตู

ขนาดของแขนเทียบได้กับต้นไม้ใหญ่บนเกาะ พิจารณาจากสีและสภาพ คล้ายกับมันเป็นส่วนหนึ่งของเงามากกว่าอวัยวะ ทว่า ผิวหนังของท่อนแขนกลับมิใช่ชั้นของเงาสีดำเรียบ หากแต่เป็นเลือดเนื้อ ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูแปลกประหลาดเหนือพรรณนา

ท่อนแขนดังกล่าวใช้ศอกยันพื้นเพื่อค้ำจุน พลางเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างยากลำบาก ประหนึ่งกำลังลากส่วนที่ใหญ่กว่าและน่ากลัวยิ่งกว่าตามหลังออกมา

บึ้ม!

ทั่วทั้งเกาะเริ่มสั่นสะเทือน

บึ้ม!

เนตรส่องความลับโปร่งใสแตกกระจายในพริบตา

ดวงตาแบร์นาแดตปิดสนิทในทันที ราวกับจ้องแสงจ้าซึ่งไม่ควรมองโดยตรง หรือไม่ก็ดวงตาได้รับความเสียหายเกินทนรับไหว

เลือดไหลออกจากหางตาหญิงสาว ใบหน้าของเธอซีดเซียวลงมา

บนร่างกายของเธอ ปีกมายาซึ่งดูสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์คู่หนึ่งสยายออก ขจัดการกัดกร่อนล่องหนท่ามกลางขนนกสีขาวโปรยปราย

อย่างที่คิด เธอสามารถแก้ไขปัญหาได้เอง จักรพรรดิทิ้งมรดกให้เธอมากมายแค่ไหนกัน… หึหึ ก่อนที่เราจะมอบบทเรียนให้มาดามเฮอร์มิท เธอเองก็มีนิสัยชอบใช้เนตรส่องความลับตรวจสอบวัตถุและบุคคลรอบตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เกิดจากวิธีการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง… สรุปโดยสั้น ทั้งหมดเป็นความผิดของโรซายล์! ไคลน์เหนือสายหมอกสีเทา ถอนหายใจผ่อนคลายและอดไม่ได้ที่จะจิกกัดจักรพรรดิ

จากนั้น มันวิเคราะห์ฉากที่แบร์นาแดตเห็นในการพยากรณ์

หลังจากประตูหินเปิดออก สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงได้คลานออกจากสุสาน…

สิ่งนี้อาจหมายถึงโรซายล์ผู้กลับจากการคืนชีพ หรืออาจหมายถึงสัญลักษณ์ของหายนะบางชนิด เช่นเทพภายนอกซึ่งครั้งหนึ่งเคยกัดกร่อนเกาะแห่งนี้ หรือดวงจันทร์บรรพกาลผู้เคยแอบกัดกร่อนโรซายล์…

อา… ต่อให้เป็นโรซายล์จริง แต่ร่างที่ปรากฏก็คงไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นสัตว์ในตำนานซึ่งมีระดับตัวตนทัดเทียมเทพ… นอกจากนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานดังกล่าว มีเหตุผลพอจะสื่อสารได้หรือไม่…

ยังมีคำถามสำคัญอีกหนึ่งข้อ ประตูหินบานดังกล่าวเปิดโดยฝีมือของแบร์นาแดตหรือคนอื่น? หรือเป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงภายในสุสาน? หากเป็นอย่างหลัง ต่อให้เราไม่ทำอะไร เหตุการณ์ก็จะดำเนินการไปจนตรงกับคำพยากรณ์เอง…

เป็นคำพยากรณ์ซึ่งเต็มไปด้วยความคลุมเครือ…

ไคลน์ดีดเหรียญทองในมือเพื่อทำนาย

ผลการทำนายฝันออกมาเป็น สุสานดังกล่าวทั้งอันตรายและปลอดภัย

แล้วจะตีความยังไง… ไคลน์ครุ่นคิดพลางให้ความสนใจกับพฤติกรรมของแบร์นาแดต

แบร์นาแดตใช้เวลาหลายสิบวินาทีในการฟื้นฟูตัวเอง จนกระทั่งหลุดพ้นจากสภาวะอ่อนแอโดยสมบูรณ์

อย่างไรก็ดี สำหรับฉากที่ได้เห็นเมื่อครู่ เธอเองก็มิอาจคาดเดาทิศทางของเหตุการณ์ ทำได้เพียงยืนยันว่า ปัญหาต่างๆ เต็มไปด้วยความซับซ้อนเหนือพรรณนา

เนื่องจากเนตรส่องความลับระเบิดไปแล้ว หญิงสาวจึงมิอาจส่องความลับใดได้อีก ทำได้เพียงตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ ทาสรับใช้ล่องหนผ่านดวงตาจริงของมัน

เธอพบว่าเอ็ดเวิร์ดยังคงแน่นิ่งในระหว่างที่ตนชะงักไปเมื่อครู่ ราวกับไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปรกติใด

ไตร่ตรองสักพัก แบร์นาแดตถามเอ็ดเวิร์ดผ่านทาสรับใช้ล่องหน:

“คุณยังจำช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในลุนเบิร์กได้ไหม”

ดวงตาสีฟ้าไร้อารมณ์ของเอ็ดเวิร์ดขยับเล็กน้อย:

“จำได้… กระหม่อมคิดว่า…”

กล่าวถึงตรงนี้ คล้ายกับมันฉุกคิดบางสิ่ง สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยว ประหนึ่งกำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดแสนสาหัส

ในสภาพดังกล่าว ดวงตาของมันสว่างขึ้นอย่างน่าประหลาด:

“กระหม่อมคิดว่า… กระหม่อมน่าจะตายไปแล้ว…”

…………………