ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 935 ด้านในมองวิถี ด้านนอกมองความครึกครื้น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

แม้จะเป็นฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดเหมือนกัน ทว่าเมื่อจักรพรรดิแพรงามใช้ออกมา กลับปรากฏภาพอีกอย่างหนึ่ง

เพียงฝ่ามือเดียว มิติจักรวาลตรงหน้าต่างถูกเปลี่ยนให้กลับเป็นปราณหยินหยางสองสาย สูญเสียสภาพก่อนหน้าไป

เยี่ยนจ้าวเกอชมดูจักรพรรดิแพรลงมือ รู้สึกได้ว่าการศึกษาฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดของตัวเอง ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น

กระนั้น แม้การลงมือของจักรพรรดิแพรจะไม่ธรรมดา คู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน

เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดของจักรพรรดิแพรงาม เทพเจ้าอัคคีที่ยืนอยู่กลางมิติองค์นั้นก็ต่อยหมัดหนึ่งออกมา

เมื่อถูกพลังนี้เหนี่ยวนำ ปราณหยินหยางที่เดิมทีสมดุลก็พลันเสียศูนย์

ปราณหยางเปลี่ยนเป็นโชติช่วง ปราณหยินลดทอนอ่อนแอ

รูปไท่จี๋ที่มีสภาวะยิ่งใหญ่ในตอนแรก ถึงกับเริ่มถูกฉีก ลุกไหม้ขึ้นมา!

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้แล้วก็เกิดความเข้าใจ ‘ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดไม่อาจเหนี่ยวนำให้หยางแปรเปลี่ยนหยิน ทว่าการโจมตีนี้ของทวนพระอังคารมีลมปราณธาตุไฟที่แฝงอยู่แข็งแกร่งเกินไป’

ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดแยบยลสุดขีด ทว่าทวนพระอังคารในฐานะอาวุธเซียนมีความคมกล้ายิ่งกว่า และมีความดุร้ายมากกว่า

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างหักโหม เกิดเป็นลักษณะบัณฑิตเจอทหาร

ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดเหนี่ยวนำพลังอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ถ้าหากมีพลังงานแข็งแกร่งเพียงพอ ลมปราณธาตุไฟยังคงถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นปราณหยินหยาง ก็ย่อมไม่อาจทำลายรูปไท่จี๋ได้โดยสิ้นเชิง

ทว่าในการเผชิญกับทวนพระอังคารซึ่งหน้าครั้งนี้ จักรพรรดิแพรงามไม่ได้มีเปรียบ

ในฐานะอาวุธของราชันพระอังคาร หนึ่งในเก้านพเคราะห์ ทวนพระอังคารคงอยู่ในโลกใบนี้เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว

ในตอนนั้นแม้จะได้รับความเสียหาย ทั้งยังถูกผนึกไว้ ทว่าช่วงเวลาที่ถูกผนึกก็ได้รับการรักษาชดเชย อีกทั้งยังได้รับการฟูมฟักอย่างต่อเนื่อง

ทวนพระอังคารในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนที่จะได้รับความเสียหายอีก!

สถานการณ์ของเขาพิเศษนัก สามารถแสดงพลังทั้งหมดของตนเองออกมาได้ โดยพื้นฐานถือว่าเทียบเท่าจักรพรรดิคนหนึ่ง

เป็นเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ที่เหี้ยมหาญไร้เทียมทานบนโลกซ้อนโลก เมื่อหลายพันปีก่อนหน้าคนหนึ่ง

สิ่งที่ทวนพระอังคารมีไม่ใช่แค่พลังอย่างเดียวเท่านั้น เขายังได้ประสานพลังของตัวเอง มีเคล็ดวิชาวรยุทธ์เป็นของตัวเอง

แม้ดูเปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่ความจริงกลับแฝงการเปลี่ยนแปลงอันแยบคาย ไม่ให้จักรพรรดิแพรได้เปรียบ

เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว เผาผลาญรูปไท่จี๋ ก่อนจะม้วนเข้าหาจักรพรรดิแพรงาม

จักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย

เขาได้คาดเดาไว้อยู่แล้ว อีกทั้งยังได้รับการกล่าวเตือนจากประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง

วิถีวรยุทธ์ของทวนพระอังคาร ด้านหนึ่งลอกคราบมาจากวรยุทธ์ของราชันพระอังคาร ด้านหนึ่งมาจากวิญญาณของปีศาจที่แข็งแกร่งซึ่งถูกผนึกอยู่ในอาวุธเซียน

เมื่อสองอย่างผสมกัน ก็ผนึกรวมกลายเป็นการตกผลึกทางวรยุทธ์ที่เป็นของทวนพระอังคาร แม้แต่เขาที่เป็นผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ก็ไม่อาจดูแคลน

การสั่งสมและความรู้จากประสบการณ์ส่วนตัว ทวนพระอังคารที่เคยติดตามราชันพระอังคารทะลวงไปทั่วจักรวาล อาจจะถึงขั้นเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ

จักรพรรดิแพรงามมองเปลวเพลิงที่ม้วนเข้ามาหาตัวเอง ไม่หลบหลีก

บนร่างของเขาพลันมีไอเมฆสีม่วงมากมายลอยขึ้นมา บดบังมิติเอาไว้ในชั่วพริบตา

เมื่อไอเมฆสีม่วงไปถึง เปลวเพลิงล้วนมอดดับหมดสิ้น

สสารกำเนิดหลอมร่าง ร่างจริงไร้ประมาณ!

ไอเมฆสีม่วงสะกดเปลวเพลิง ลมปราณธาตุไฟถูกเปลี่ยนให้กลับสู่ปราณหยางที่บริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว

ปราณหยางกำเนิด ปราณหยินเกิดขึ้นต่อ มีพลังเพิ่มขึ้นไม่หยุด

ระหว่างที่สองฝ่ายแลกเปลี่ยนกัน ก็กลับคืนสู่สภาพสมดุลของหยินหยางในชั่วอึดใจ

รูปไท่จี๋บังเกิดขึ้นตาม

จักรพรรดิแพรมือหนึ่งใช้ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด มือหนึ่งใช้ร่างไร้ประมาณสสารกำเนิด หนึ่งโจมตีหนึ่งป้องกัน สองด้านล้วนโดดเด่น พลันแก้ไขการโจมตีของทวนพระอังคาร กำลังจะยึดครองสิทธิ์ในการบุก เปลี่ยนจากป้องกันเป็นโจมตีอีกครั้ง

ยักษ์เพลิงที่อยู่กลางอากาศแค่นเสียง ร่างระเบิด กลายเป็นอัคคีเต็มฟ้า

ด้านในทะเลเพลิงไร้สิ้นสุด ทวนวงเดือนสีแดงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น พุ่งเข้าหาจักรพรรดิแพรงาม!

ทวนวงเดือนวาดโค้งกลางมิติ รูปไท่จี๋พลันแหลกสลาย!

หลังจากโจมตีเป็นครั้งที่สอง ไอเมฆสีม่วงมากมายเหล่านั้นก็ถูกฟันทำลาย!

ทวนพระอังคารไม่ใช่เครื่องประดับ และไม่ใช่อุปกรณ์ป้องกัน หรือสิ่งของที่เห็นได้ตามปกติทั่วไป

แต่เป็นทวนใหญ่เล่มหนึ่ง!

อาวุธที่ใช้สังหารคนอย่างแท้จริง!

จุดประสงค์แรกที่มันถูกสร้างขึ้น และประโยชน์ที่มันสามารถแสดงออกมาได้มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการเข่นฆ่า!

เหมือนกับมังกรเพลิงทะยานไปทั่วจักรวาล ทวนพระอังคารทะลวงไปทั่วมิติ แม้แต่ร่างไร้ประมาณสสารกำเนิด กระบวนท่าป้องกันระดับสุดยอดของสำนักเต๋าที่จักรพรรดิแพรงามใช้ออกมา ยังต้านทานความคมกล้าของมันไม่ไหว

วงเดือนข้างหนึ่งของทวนใหญ่ที่มีสองวงเดือน บรรลุถึงเบื้องหน้าจักรพรรดิแพรงาม แสงเพลิงสะท้อนใบหน้าอันคมคายของจักรพรรดิแพรงามจนเป็นสีแดง!

จักรพรรดิแพรปั้นสีหน้าเคร่งขรึม ร่างเหมือนกับเปลี่ยนเป็นโปร่งใสอย่างฉับพลัน มีรูปร่างแต่ไร้สถานะ

ในความรับรู้ของผู้คน จักรพรรดิผู้นี้คล้ายเปลี่ยนเป็นไม่คงอยู่

การโจมตีของทวนพระอังคารโดนใส่ความว่างเปล่า!

‘ร่างกาลอวกาศจุดกำเนิด’ เยี่ยนจ้าวเกอตาลุกวาว

ร่างกาลอวกาศจุดกำเนิด หนึ่งในวิชาห้ากำเนิดแรกเริ่ม!

จักรพรรดิแพรงามใช้ร่างกาลอวกาศจุดกำเนิดและร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดพร้อมกัน ร่างกาลอวกาศจุดกำเนิดกับไอเมฆสีม่วงเกิดการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

การโจมตีของทวนพระอังคารไม่ถูกใส่ร่างของเขา ขาดไปเพียงนิดเดียวแต่เหมือนกับชั่วนิรันดร์

นี่ย่อมไม่ใช่เป็นเพราะทวนพระอังคารออมมือให้ แต่เป็นผลลัพธ์จากการที่จักรพรรดิแพรงามใช้วรยุทธ์ในการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์สองชนิดพร้อมกัน

ร่างกาลอวกาศจุดกำเนิดและร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดประสานกัน เทียบเคียงได้กับพลังป้องกันเมื่อมีห้าจริยะอยู่ครบ

อาศัยแค่ความสามารถนี้ ในกลุ่มยอดฝีมือระดับจักรพรรดิซึ่งอยู่ในขั้นเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ พลังป้องกันของฟู่อวิ๋นฉือก็เป็นหนึ่งในคนระดับสุดยอด มีน้อยคนนักที่ตามทัน

กระบวนท่าสองอย่างพอถูกใช้ออกมา จักรพรรดิแพรงามก็ตั้งหลักได้อีกครั้ง

ครั้งนี้เขาไม่ใช้ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดอีก แต่ว่าค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นทิ่มใส่ทวนพระอังคาร

ปราณม่วงอันยิ่งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นตามเขาก่อนหน้านี้ ในวินาทีนี้พลันหายไป กลายเป็นไร้รูปร่างไร้สถานะ ไร้กฎเกณฑ์ไร้ธาตุ ยากจะคาดเดา ยากจะหยั่งประมาณ

จักรวาลพลันสั่นไหว

ไม่ใช่แค่ดาราจักรในจักรวาลบริเวณที่สองฝ่ายสู้กันอยู่จะสั่นสะเทือนเท่านั้น ยังแผ่กระจายออกไปไกลกว่าเดิมอย่างไม่หยุดยั้ง

ในมิติอันมืดมิด พลันมีลวดลายแสงสว่างกระจายออกไปทั่ว

ลวดลายแสงเหล่านั้นไม่สว่าง แต่กลับบรรจุความลี้ลับและหลักการไร้สิ้นสุดไว้

จักรพรรดิแพรงามยกมือขึ้น การเคลื่อนไหวเชื่องช้า ดูเหมือนไม่นำพานัก

คนที่ชมดูอยู่ แม้จะเป็นกวนอวี่ลั่วที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ ล้วนเห็นการเคลื่อนไหวนี้ได้อย่างชัดเจน

แต่พอนิ้วหนึ่งถูกทิ่มออกไป ก็ไม่เห็นมิติ ไม่เห็นกาลเวลา และไม่เห็นทะเลเพลิงยิ่งใหญ่ในสายตา เข้าใกล้ทวนพระอังคาร กำลังจะโดนใส่ด้ามทวนของทวนยักษ์สีแดงชาด!

ผู้ที่ชมดูเห็นการทิ่มนิ้วของจักรพรรดิแพรงามนี้ได้อย่างชัดเจน

แต่ว่าคนส่วนใหญ่ล้วนมีใบหน้าสับสน ไม่เข้าใจถึงจิตแห่งหลักการที่อยู่ด้านใน

มีเพียงแค่คนไม่กี่คนเท่านั้น ที่ในดวงตาเป็นประกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

‘ดัชนีเทพต้นกำเนิด!’ เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัวเล็กน้อย ตั้งสมาธิมองดูการต่อสู้ตรงหน้านี้

เขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่มองวรยุทธ์ซึ่งจักรพรรดิแพรงามแสดงออกมาในตอนนี้ออก

ดัชนีเทพต้นกำเนิด หนึ่งในห้ากำเนิดแรกเริ่ม

และยังมีอีกชื่อว่าดัชนีเทพปราณบรรพกาล ครอบครองจิตไร้รูปร่างไร้สถานะแห่งต้นกำเนิด แสดงให้เห็นถึงพลังงานบรรพกาลก่อนที่ฟ้าดินจะเกิด น่าอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด

จักรพรรดิแพรพอทิ่มนิ้วนี้ออก แม้แต่ทวนพระอังคารก็ยังสั่นไหวเล็กน้อย

“ประเสริฐ!”

เสียงคำรามดังขึ้น ทวนพระอังคารที่ตั้งแต่เริ่มต่อสู้มาเพียงโจมตีไม่ป้องกัน เก็บกระบวนท่าตั้งท่าป้องกันเป็นครั้งแรก

ปลายทวนตะวัด ปะทะกับนิ้วของจักรพรรดิแพรงาม ร่างของทั้งสองฝ่ายต่างสั่นไหว

ทว่าทวนพระอังคารหมุนอย่างรวดเร็ว วาดคมหอกฟันใส่จักรพรรดิแพรงามอีกครั้ง

ครั้งนี้เปลวเพลิงหายไปหมด

มีเพียงแต่ความคมกล้าไร้สิ้นสุดที่ฟันใส่ศัตรู ด้วยสภาวะเบิกฟ้าผ่าดิน!

………………..