ราชันเร้นลับ 1305 : เงานั่น

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ทันทีที่เห็นเงาดำ แบร์นาแดตไม่มัวหวาดกลัว รีบกำหมัดขวาพร้อมกับควบแน่นหอกโบราณ

จากปลายถึงด้าม หอกถูกฉาบด้วยคราบเลือด แผ่กลิ่นอายพลังทำลายรุนแรง ประหนึ่งสามารถทำร้ายได้แม้กระทั่งเทพแท้จริง

หอกลองกินุส!

หอกซึ่งเคยปรากฏตัวในโบราณกาลที่มิอาจสืบสาวประวัติ และฉาบไปด้วยเลือดของตัวตนอันยิ่งใหญ่ ปัจจุบันกลับมาปรากฏกายอีกครั้งภายในสุสานจักรพรรดิมืดผ่านเวทมนตร์ ‘สำแดงความรู้’

อย่างไรก็ดี แบร์นาแดตพยายามแทงไปด้านหน้าแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะปลายหอกพุ่งไปทางด้านหลังแทน

แม้จะมีเจตจำนงในการแทงไปข้างหน้าที่แน่วแน่ แต่หอกลองกินุสกลับพุ่งไปข้างหลังอย่างน่าประหลาด

คล้ายกับทิศทางในบริเวณนี้กำลังเผชิญความบิดเบือนหรือโกลาหล

เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์ในวังโบราณก็สังเกตเห็นเงาดำด้านหน้าแบร์นาแดตเช่นกัน จึงยกไม้เท้าดวงดาวในมือขึ้น

คราวนี้มันไม่มัวรีรอ ไม่มัวสังเกตว่าราชินีเงื่อนงำจะตอบสนองเช่นไรจึงค่อยพิจารณาความช่วยเหลือ เพราะอันตรายจากเงาดำดังรุนแรงจนสามารถกระตุ้นลางสังหรณ์ของราชาเทวทูตเส้นทางนักทำนาย

ที่สำคัญไปกว่านั้น แบร์นาแดตสามารถตระหนักถึงเงาดำเป็นครั้งคราวนับตั้งแต่เริ่มเข้ามาในสุสานจักรพรรดิมืด แต่ทางไคลน์กลับมองไม่เห็นแม้จะมีวิสัยทัศน์ของปราสาทต้นกำเนิด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งนี้หมายถึงอันตรายที่น่าสะพรึง

เมื่ออัญมณีจำนวนมากบนหัวไม้เท้าสีดำส่องสว่าง เสียงระฆังอันไพเราะพลันกังวานในจุดที่แบร์นาแดตและเงาดำยืนอยู่

ก๊อง!

ระฆังซึ่งดังมาจากโบราณกาลมอบความรู้สึกว่างเปล่าอันยากจะพรรณนา ส่งผลให้บรรยากาศภายในสุสานจักรพรรดิมืดเริ่มเฉื่อยชาและแข็งตัว กระทั่งร่างกายของแบร์นาแดตก็ยากจะขยับเขยื้อน

ทว่า เงาดำกลับไม่ตกลงไปในวังวนแห่งกาลเวลา คล้ายกับมันอาศัยอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งมีกฎระเบียบพื้นฐานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เงาดำยังคงเดินต่อไปท่ามกลางแม่น้ำแห่งชะตากรรมสองสายซึ่งขัดแย้งกัน หนึ่งปั่นป่วนและหนึ่งสงบนิ่ง

นั่นทำให้การเคลื่อนไหวของเงาดำดูจะช้าลงเพียงเล็กน้อย แทบไม่ได้รับผลกระทบจากระฆังมายา

นี่คือครั้งแรกที่ไคลน์เผชิญสถานการณ์ในทำนองนี้หลังจากครอบครองพลังจำลองความสามารถ

แม้พลังพิเศษซึ่งจำลองผ่านไม้เท้าดวงดาวจะด้อยประสิทธิภาพลงจากต้นตำรับ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีพลังอำนาจในระดับหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกเพิกเฉย

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวที่ช้าลงของเงาดำทำให้ไคลน์มีโอกาสที่สอง

คราวนี้ มันเกิดความคิดที่จะใช้ไม้เท้าดวงดาวย้ายราชินีเงื่อนงำออกจากสุสานจักรพรรดิมืด จากนั้นก็ให้เจ้าตัววิเคราะห์และสรุปผลเอาเองว่าควรกลับเข้ามาใหม่หรือไม่

เมื่ออัญมณีบนหัวไม้เท้าสว่างวาบ แบร์นาแดตหายตัวไปจากอากาศได้ก่อนที่เงาดำจะสัมผัสตัว

วินาทีถัดมา หญิงสาวปรากฏตัวห่างไปจุดเดิมหลายสิบเมตร ใกล้กับเวทียกสูงภายในสุสาน

พลังเทเลพอร์ตของไม้เท้าดวงดาวถูกรบกวน ตำแหน่งปลายทางถูกบิดเบือน ทุกสิ่งดูยุ่งเหยิงไปหมด

แบร์นาแดตผู้มากประสบการณ์ย่อมไม่ตื่นตระหนกเพียงเพราะยังคงอยู่ในสุสานจักรพรรดิมืด หญิงสาวใช้มือซ้ายกดลงบนรัดเกล้านักปราชญ์พลางใช้นิ้วข้างเดียวกับลูบลงบนหน้ากากความตายสีจาง

ทันใดนั้น หน้ากากผิวโลหะดูนุ่มขึ้นและเริ่มยุบพองในทันที ประหนึ่งกำลังกลายเป็นใบหน้าใหม่ซึ่งไม่ใช่ของแบร์นาแดต

ใบหน้าบนหน้ากากดูนุ่มนวลตามแบบฉบับชาวทวีปใต้ แต่แผ่ความรู้สึกพิสดารและน่าสะพรึง หากใครมาเห็นใบหน้าที่ชัดเจนเข้า คงเชื่อว่านี่คือใบหน้าคนจริงจากโบราณกาล จากยุคสมัยแห่งความมืดอันเป็นนิรันดร์ซึ่งคนตายหลับใหล

ทันใดนั้น ร่างกาย พลังวิญญาณ และจิตใต้สำนึกของแบร์นาแดตกลายเป็นของใบหน้าดังกล่าว

เมื่อใบหน้าดังกล่าวก่อตัวสมบูรณ์ ผนังหินและพื้นหินภายในสุสานจักรพรรดิมืดพลันผุกร่อน ราวกับการชะล้างจากธรรมชาตินานนับพันปีถูกย่อให้เหลือภายในสองวินาที

พวกมันเริ่มกระดำกระด่าง เศษหินหลุดร่อน บ้างถูกลมพัดปลิว มีขนปุยสีซีดงอกขึ้นระหว่างช่องว่าง

ปุยขนดังกล่าวเติบโตเป็นขนนกสีขาวในพริบตา ผิวขนคล้ายกับเคลือบด้วยน้ำมันสีเหลืองอ่อน

ออร่าของเงาดำอ่อนแอลงทันที ประหนึ่งกำลังวิ่งเข้าสู่จุดจบของชีวิต

สีของมันจางลงมาก พฤติกรรมเฉื่อยชาลงทุกขณะ

ภายในขอบเขตของหน้ากากสีซีด แม้กระทั่งหลักการเกี่ยวกับ ‘ความตาย’ ก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ตายไป

ทว่า จุดที่เป็นเส้นกำหนด ‘ความตาย’ กลับไม่ใช่จุดจบ เมื่อผนังหินและพื้นหินในสุสานผุกร่อนถึงระดับหนึ่ง เมื่อร่างสีดำสลายไปถึงระดับหนึ่ง หินชุดใหม่ได้ก่อตัวขึ้นมาแทน และออร่าของเงาดำกลับคืนมาอีกครั้ง

ระหว่างนั้น เงาดำเหยียดมือขวาไปด้านหน้า

ฝ่ามือเงาดำบริสุทธิ์สามารถคว้าลำคอของแบร์นาแดตซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร!

นี่มิใช่การยืดแขน หากแต่เป็นการบิดเบือนแนวคิดด้านระยะทาง สี่สิบห้าเมตรกลายเป็นสี่สิบหน้าเซนติเมตร

ฝ่ามือสีดำมิได้ออกแรงใด แต่กลับทำให้แบร์นาแดตรู้สึกหนาวสั่น

ท่ามกลางความหนาวเย็น หญิงสาวพบว่าตนมิอาจใช้สมบัติปิดผนึกระดับ 0 ทั้งสองชนิดอย่างรัดเกล้านักปราชญ์และความตายสีจาง

ตามปรกติแล้ว ขอเพียงแบร์นาแดตถ่ายพลังวิญญาณและส่งความคิด สมบัติปิดผนึกบนร่างกายจะตอบสนองตามความสามารถของมัน แต่ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่ากระบวนการและกฎระเบียบพื้นฐานจะถูกบิดเบือน ไม่ว่าแบร์นาแดตจะถ่ายความคิดเข้าไปเพียงใดก็มิอาจออกคำสั่งกับสมบัติปิดผนึกได้เลย

เหมือนการคุยกับอากาศ

เหนือสายหมอกสีเทา หลังจากการเทเลพอร์ตราชินีเงื่อนงำไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ไคลน์ทำการวาดสัญลักษณ์ซับซ้อนและอักขระเวทมนตร์ภายในใจทันที

มันคิดจะเลียนแบบ ‘มิติซ่อนเร้น’ ของจอมเวทลึกลับ เพื่อตัดขาดแบร์นาแดตออกจากสุสานจักรพรรดิมืด ช่วยให้ราชินีเงื่อนงำสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ปัจจุบัน

อันที่จริง ไคลน์อยากจะเลียนแบบเวทมนตร์ ‘สำแดงความรู้’ และจำลอง ‘น้ำพุดอกท้อ’ เพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อพิจารณาว่าแบร์นาแดตเคยเป็น ‘ปราชญ์พิศวง’ มาก่อน ไคลน์จึงตัดสินใจใช้มิติซ่อนเร้นแทน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ความลับบางส่วนของเดอะฟูลถูกเปิดเผย

สำหรับคำถามที่ว่า ไคลน์จำลองมิติซ่อนเร้นมาจากใคร คำตอบก็คือเมจิกเชี่ยนฟอร์สซึ่งเพิ่งเลื่อนลำดับ

ก่อนหน้านี้ ไคลน์เช่าสมุดเวทมนตร์เลมาโน่ในนามเกอร์มัน·สแปร์โรว์ และขอให้มิสเมจิกเชี่ยนบันทึกพลังดังกล่าวไว้ล่วงหน้า

จากนั้น ชายหนุ่มทำการใช้พลังจากสมุดเวทมนตร์เพื่อสร้างความเคยชิน พอพลังในสมุดหมดลง มันก็จะอัญเชิญสมุดเล่มสมบูรณ์ออกจากประวัติศาสตร์และใช้ใหม่ ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเข้าใจและเข้าถึงหลักการของพลัง สามารถจำลอง ‘มิติซ่อนเร้น’ ได้ด้วยไม้เท้าดวงดาว

เมื่ออัญมณีหลายเม็ดบนไม้เท้าดวงดาวสว่างวาบ ตำแหน่งที่แบร์นาแดตกำลังยืนพลันสลัวลง ประหนึ่งถูกคลุมด้วยม่านที่ถักจากเงา

ม่านเงาบิดงอเล็กน้อย แต่ก็ยังสร้างห้วงมิติซ่อนเล่นซึ่งสามารถกีดกันฝ่ามือเงาดำออกไป

ลำคอของแบร์นาแดตได้รับอิสรภาพกลับคืนมาอีกครั้ง

วินาทีถัดมา ฝ่ามือสีดำซึ่งถูกกีดกันพุ่งเข้ามาสัมผัสกับขอบเขตของมิติซ่อนเร้น

ทันใดนั้น ‘ประตู’ ซึ่งดูคล้ายวังวนโปร่งใสโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า หรือกล่าวได้ว่า ‘ประตู’ ทางเข้าของมิติซ่อนเร้นได้นำเสนอตัวเองต่อหน้าฝ่ามือสีดำในลักษณะที่ยากจะทำความเข้าใจ

มิติซ่อนเร้นจะต้องมีประตูทางเข้าเสมอ แต่ตำแหน่งของประตูจะถูกกำหนดตามความคิดของผู้สร้างมิติ

ฝ่ามือสีดำลอดผ่านประตูซึ่งกำลังเปิดอยู่ ลอยเข้าไปในมิติซ่อนเร้นและบีบคอแบร์นาแดตอีกครั้ง ขัดขวางมิให้ราชินีเงื่อนงำออกคำสั่งกับสมบัติปิดผนึกบนร่างกายเนื่องจากกระบวนการถูกบิดเบือน

ในเวลาเดียวกัน ร่างสีดำเงยหน้าขึ้นและมองไปยังยอดสุสาน

คล้ายกับกำลังจดจ้องปราสาทต้นกำเนิดและไคลน์ผ่านชั้นของมิติและสายหมอก

เปลือกตาไคลน์กระตุกตามสัญชาตญาณ

ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเงาดำมีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับที่นี่ และตระหนักว่าอีกฝ่ายกำลังบิดเบือนบางสิ่ง

ไคลน์ทวีความเครียดโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น บนไม้เท้าดวงดาวในมือ อัญมณีจำนวนมากพลันสว่างโดยพร้อมเพรียง

มันคิดจะ ‘ขโมย’ พลังพิเศษของอีกฝ่าย นั่นคือวิธีเดียวในการสะกดพลังของเงาดำ

และเมื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จในการขโมย ไคลน์หงายมือซ้ายเคาะโต๊ะทองแดงยาว

ทว่า การขโมยล้มเหลว ชายหนุ่มไม่ได้สิ่งใดกลับมา

เนื่องจากเป้าหมายหลุดจากการ ‘เล็ง’

ทั้งที่เงาดำยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม!

ดวงตาไคลน์แข็งทื่อทันที จากนั้น มันเห็นเงาดำหายตัวไปโผล่ในมิติซ่อนเร้น เป็นการเข้าประชิดตัวแบร์นาแดตในพริบตา

นี่มัน… เราถูกบิดเบือนทัศนวิสัย ทำให้เห็นภาพจากหนึ่งถึงสองวินาทีก่อนหน้า… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์วิเคราะห์หาสาเหตุของความล้มเหลว และตัดสินใจอัญเชิญวิล·อัสตินออกจากประวัติศาสตร์เพื่อทำให้เหตุการณ์ทั้งหมด ‘เริ่มต้นใหม่’

ในเวลาเดียวกัน แบร์นาแดตผู้มิอาจใช้งานสมบัติปิดผนึก เสกให้ขนหงส์มายาสีขาวงอกจากแผ่นหลังตัวเอง

นี่คือเวทมนตร์ปรัมปรา ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ ช่วยให้แบร์นาแดตเผยร่างสัตว์ในตำนานโดยยังครองสติไว้ได้ เป็นพลังที่ใช้ได้ไม่เกินวันละสองครั้ง ครั้งละสิบห้าวินาที

ทันใดนั้น ความคิดของหญิงสาวประสบความโกลาหลอีกระลอก ทุกสิ่งเดือดพล่านและทวีความปั่นป่วน

ส่งผลให้เวทมนตร์ลูกเป็ดขี้เหร่ถูกขัดจังหวะก่อนจะแสดงผล

แทบจะใช้เวลาเดียวกัน หญิงสาวเห็นเงาดำสัมผัสลงบนร่างกายตน มอบความรู้สึกคล้ายของเหลวเหนียวข้นที่เต็มไปด้วยพลังกัดกร่อน

ดวงตาแบร์นาแดตหรี่ลงคล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้กะทันหัน เธอกัดฟันและใช้สติเฮือกสุดท้ายเปล่งเสียงภาษาจีนด้วยสำเนียงชัดเจน:

“บ้านเกิด…”

การกัดกร่อนจากเงาดำชะงักงันไปชั่วขณะ ร่างกายท่อนบนของมันค่อยๆ ยกขึ้นและจ้องหน้าแบร์นาแดต

………………………