“เดี๋ยวฉันเพิ่มเพื่อนนายก่อน รอฉันมีเวลาว่าง จะได้เล่นเกมกินไก่กับนาย ดีไหม”
กวนเย่วพูดเหมือนกำลังง้อเด็กน้อย
ถึงอู่จื่อไคจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็เบะปากพูดว่า “ก็ได้ รอให้เธอว่าง ฉันจะพาเธอกินไก่”
พูดจบ อู่จื่อไคก็จับมือถือขึ้นมาเล่น
เมื่อกี้ตอนที่อู่หนิงรับกวนเย่วเป็นลูกบุญธรรม เขาไม่ได้คิดปกปิด และพูดอย่างเสียงดัง จนคนตระกูลคิงกวนรู้ทั้งหมด
ตอนคนตระกูลคิงกวนมองกวนเย่ว แต่ละคนสีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
ตอนแรกพวกเขาต้องการใช้การแต่งงานของกวนเย่ว มาสานสัมพันธ์อันดีกับตระกูลอู่หวง ตอนนี้งานแต่งล้มเหลว ตระกูลอู่หวงกลับรับกวนเย่วเป็นลูกบุญธรรม
และพวกเขารู้ดี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะชายหนุ่มคนนั้น
ขณะนั้น สีหน้าของคนตระกูลคิงกวนเริ่มเป็นปกติ เห็นได้ชัดว่าได้ข้อสรุปเดียวกันแล้ว
กวนเจิ้นไห่เดินออกมา มองหยางเฉินแล้วพูดว่า “เราปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว มีคนของศาลายุติธรรกับคนของฝ่ายหลัก ศาลายุติธรรมมีฉันออกไปสู้ ส่วนฝ่ายหลัก มีปรมาจารย์หวังออกไปสู้ แค่นายเอาชนะคนใดคนหนึ่งได้ นายก็จะชนะ เป็นไง”
“พวกนายแพ้ จะชดใช้อะไรให้ฉัน”
หยางเฉินถามอย่างราบเรียบ
“ถ้าเราแพ้ ฉันหักแขนทั้งสองข้างของกวนหงอี้ด้วยตัวเอง และชดเชยให้น้องชายนายแสนล้าน”
กวนเจิ้นไห่หรี่ตาลง แล้วพูดว่า “แต่ถ้านายแพ้ ก็เอาชีวิตนายมา และตระกูลอู่หวงห้ามก้าวก่าย แค่นายกล้ารับกระบวนท่า เราจะสู้กันตอนนี้เลย”
“ได้ ไม่มีปัญหา!”
หยางเฉินตอบอย่างไม่ลังเล
“เดี๋ยว!”
อู่หนิงรีบก้าวเข้ามา พูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ตระกูลคิงกวนคงไร้ยางอายจนชินแล้ว พวกนายออกมาสู้สองคน เพื่อจัดการคุณหยางเพียงคนเดียวเนี่ยนะ”
“ไม่มียางอายสักนิด ทำไมต้องวุ่นวายขนาดนี้ด้วย ให้สุดยอดฝีมือของตระกูลคิงกวนออกมาสู้เลยสิ ฆ่าคุณหยางที่นี่ ง่ายกว่าไม่ใช่เหรอ”
กวนเจิ้นไห่พูดเย็นชา “เขาจะไม่รับก็ได้!”
“รับ! ตระกูลคิงกวนมอบสิ่งใหญ่ให้ฉันขนาดนี้ ฉันจะไม่รับได้อย่างไร”
หยางเฉินรีบพูดขึ้น จากนั้นจึงพูดกับอู่หนิงว่า “รองหัวหน้า ถ้าผมแพ้จริง คุณห้ามเข้ามาก้าวก่าย ผมยอมรับความพ่ายแพ้ได้!”
“แต่……”
อู่หนิงอยากพูดเกลี้ยกล่อม แต่หยางเฉินพูดขัดขึ้นมาว่า “พอแล้ว ผมตัดสินใจแล้ว หวังว่าหัวหน้ารองจะเคารพการตัดสินใจของผม!”
“ได้ครับ ในเมื่อคุณหยางพูดเช่นนี้ งั้นผมก็ไม่พูดเกลี้ยกล่อมแล้ว!”
อู่หนิงพูดเสียงทุ้ม จากนั้นมองคนตระกูลคิงกวน ด้วยสีหน้าข่มขู่ แล้วพูดว่า “ถ้าพวกนายกล้าใช้วิธีสกปรก ตระกูลอู่หวงไม่ปล่อยพวกนายไว้แน่!”
การข่มขู่ของอู่หนิงได้ผล เดิมทีคนตระกูลคิงกวนยังมีความคิดอื่นจริงๆ แต่เมื่อได้ยินอู่หนิงพูดเช่นนี้ ถึงแพ้ ก็ต้องทำใจยอมรับ
“พวกนาย ใครจะมาก่อน หรือจะมาพร้อมกันก็ไม่เป็นไร”
หยางเฉินยืนอยู่ที่เดิม มองกวนเจิ้นไห่ด้วยสีหน้าราบเรียบ และถามขึ้น “อย่าพูดว่าฉันชนะครั้งหนึ่งถึงจะนับว่าชนะ ถ้าฉันทำให้พวกนายทั้งสองคนพ่ายแพ้ ถึงจะเรียกว่าชนะ”
อย่าว่าแต่ยอดฝีมือของตระกูลคิงกวนเลย ถึงกษัตริย์กวนออกโรงเอง หยางเฉินก็ไม่กดดันสักนิด
แต่คำพูดของเขา ในมุมมองของคนตระกูลคิงกวน กลับเป็นคำดูหมิ่นตระกูลคิงกวน
“ได้ ในเมื่อนายเหิมเกริมขนาดนี้ งั้นเราจะให้โอกาสนายได้เหิมเกริม เว้นเสียแต่ว่านายจะเอาชนะเราได้ทั้งสองคน ถึงจะเรียกว่าชนะ”
กวนหงอี้รีบเอ่ยขึ้น
อู่หนิงพูดเย้ยหยัน “ไม่มียางอายสักนิด มิน่าล่ะ ตระกูลคิงกวนยังคงไม่มีผู้สืบทอดอย่างแท้จริง ที่แท้เจ้าชายใหญ่อย่างนาย เป็นคนไม่เอาไหน”
กวนหงอี้สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก แต่ไม่กล้าทำอะไรอู่หนิง ทำได้เพียงกลืนความโมโหลงไป
สำหรับเขา สิ่งสำคัญตอนนี้คือฆ่าหยางเฉิน
แววตาของกวนเจิ้นไห่เป็นประกายแหลมคม ก้าวเข้ามาพูดว่า “ฉันขอลองฝีมือนายก่อนแล้วกัน”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฉันเตือนให้พวกนายเข้ามาพร้อมกัน ไม่งั้นจะชนะง่ายเกินไป ไม่สนุก”
“รนหาที่ตาย!”
กวนเจิ้นไห่รู้สึกว่าหยางเฉินกำลังดูถูกตัวเอง จึงอับอายจนโมโห เขาขยับเท้า จู่ๆ พื้นแตกกระจาย ร่างของเขาหายแวบไป และพุ่งเข้าไปฆ่าหยางเฉินทันที
หัวหน้าศาลายุติธรรม พละกำลังไม่ธรรมดาตามคาด ดูจากท่วงท่า พละกำลังอยู่ในแดนราชาขั้นต้นแล้ว และใกล้จะไปถึงแดนราชาขั้นกลางแล้ว
ถึงเป็นเจ้าชายใหญ่อย่างกวนหงอี้ ก็ไม่น่าจะใช้คู่ต่อสู้ของกวนเจิ้นไห่
มิน่าล่ะ กวนเจิ้นไห่ถึงกล้ากับกวนหงอี้ ทั้งตระกูลคิงกวน คนที่มีคุณสมบัติช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอด คงมีเพียงกวนเจิ้นไห่เท่านั้น
“แดนราชาขั้นต้น ใกล้จะถึงแดนราชาขั้นกลาง!”
“คิดไม่ถึงจริงๆ พละกำลังของกวนเจิ้นไห่ จะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้”
“กลัวว่าต่อไป เขาคงเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของกวนหงอี้”
……
ทันใดนั้น พวกสายเลือดโดยตรงของตระกูลคิงกวน ต่างพากันพูดขึ้น แต่ละคนมีสีหน้าตกตะลึง
สีหน้าของกวนหงอี้ไม่สู้ดีเข้าไปอีก เจ้าชายใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา กลับโดนเปรียบเทียบกับหัวหน้าศาลายุติธรรม
ในตระกูลคิงกวน คนที่ควบคุมอำนาจในตระกูลคิง ไม่ได้มีเพียงกษัตริย์กวนเพียงคนเดียว ยังมีสี่ผู้อาวุโสอีกด้วย
ถึงเขาเป็นลูกชายคนโตของกษัตริย์กวน ก็ไม่สามารถเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งได้ทันที
ความอันตรายอย่างรุนแรง ทำให้กวนหงอี้รู้สึกว่าไหล่ทั้งสองข้าง กำลังแบกภูเขาลูกใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง
“อาจารย์ ระวัง!”
เมื่อเห็นการโจมตีของกวนเจิ้นไห่ใกล้โดนหยางเฉิน กวนเย่วตะโกนออกมาอย่างตกใจทันที
ทว่าหยางเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม มองหมัดของกวนเจิ้นไห่ เข้ามาหาตัวเอง ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ขณะนั้น หยางเฉินหายไปจากที่เดิม หมัดของกวนเจิ้นไห่ต่อยใส่อากาศ เขาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“ช้าเกินไป!”
ตามมาด้วยเสียงอันเฉยชา ดังขึ้นด้านหลังเขา
ความรู้สึกอันตรายที่รุนแรง โอบล้อมเข้ามา กวนเจิ้นไห่ชะงักไปทั้งตัว
ส่วนคนอื่น พากันเบิกตาโต พวกเขาเห็นกับตาว่าหมัดของกวนเจิ้นไห่ ต่อยโดนตัวหยางเฉิน แต่เพียงพริบตา หยางเฉินกลับหายไปจากที่เดิม และปรากฏตัวด้านหลังกวนเจิ้นไห่
“เป็นไปได้ยังไง”
คนตระกูลคิงกวนต่างพึมพำกับตัวเอง ด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
ความเร็วของหยางเฉินเร็วเกินไป เร็วจนพวกเขาไม่สามารถจับต้องได้
ในสมองของพวกเขา ถึงกับมีความคิดไร้สาระผุดขึ้นมา หยางเฉินมีความสามารถในการเทเลพอร์ต
แต่ทว่าในโลกนี้ จะมีคนสามารถเทเลพอร์ตได้อย่างไร
ถ้าไม่ใช่การเทเลพอร์ต แล้วหยางเฉินไปปรากฏตัวหลังกวนเจิ้นไห่ได้อย่างไร
อู่หนิงก็หรี่ตาลงเช่นกัน เขายิ่งแน่ใจว่า พละกำลังของหยางเฉิน ลึกล้ำเกินคาดเดา
พละกำลังของเขาถึงแดนราชาขั้นกลาง แต่กลับรับฝ่ามือของหยางเฉินไม่ได้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพละกำลังของหยางเฉินแข็งแกร่งแค่ไหน
อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในแดนราชาขั้นปลาย ถึงขั้นสูงสุด
แต่อู่หนิงกลับรู้สึกอะไรบางอย่าง พละกำลังของหยางเฉิน มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะเกินกว่าแดนราชาสูงสุด เหนือแดนราชาสูงสุด ก็คือแดนเทพ
ในบรรดาตระกูลคิงทั้งห้าในจิ่วโจว ยังไม่มีผู้แข็งแกร่งแดนเทพสักคน
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง งั้นหมายความว่า หยางเฉินเพียงคนเดียว สามารถทำลายตระกูลคิงทั้งห้าได้ไม่ใช่หรือไง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ อู่หนิงรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา
เขาได้รู้จักผู้แข็งแกร่งแดนเทพ เป็นแรงช่วยเหลือยิ่งใหญ่ ในตระกูลอู่หวง
ถึงเขาเป็นหัวหน้ารองในตระกูลอู่หวง แต่ถ้ามีการสนับสนุนจากผู้แข็งแกร่งแดนเทพ เขาถึงจะมีคุณสมบัติในการแก่งแย่ง ผู้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิตระกูลอู่หวง
นี่ยิ่งทำให้ใจเขาแน่วแน่ขึ้น ต้องกอดขาหยางเฉินเอาไว้ให้แน่น