บทที่ 945 พอเรื่องมาถึงตัว ก็หายหัวกันหมด

The king of War

“ขวับ!”

กวนเจิ้นไห่หันขวับไปด้านหลังทันที ตอนที่เขาหันมา หมัดขวาเหวี่ยงออกไปเต็มแรง

“พละกำลังช่างอ่อนแอ!”

การโจมตีของหมัดเขา กลับโดนฝ่ามือของหยางเฉิน รับมือได้อย่างง่ายดาย

หันกลับมามองหยางเฉิน สีหน้าไม่เปลี่ยน ไม่ขยับไปไหนสักนิด

“ไม่!”

กวนเจิ้นไหเบิกตาโตทั้งสองข้าง พูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เป็นไปไม่ได้! นายรับการโจมตีด้วยแรงทั้งหมดของฉันได้ยัง”

ถ้าบอกว่าหมัดแรก เพราะเขาประมาทศัตรู แล้วหมัดนี้ ไม่มีทางเด็ดขาด แถมยังเป็นการโจมตีด้วยแรงทั้งหมดด้วย

แต่หมัดนี้ กลับโดนหยางเฉินรับมือได้อย่างง่ายดาย

ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง ก็ไม่สามารถรับหมัดได้ง่ายดายขนาดนี้

“ความจริงอยู่ตรงหน้า จะเป็นไปไม่ได้ยังไง”

หยางเฉินพูดอย่างราบเรียบ “โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ จะไม่มีผู้แข็งแกร่งแบบไหนบ้าง นายคิดว่าฉันไม่สามารถรับการโจมตีด้วยแรงทั้งหมดของนาย บอกได้เลยว่านายเป็นกบในกะลา เข้าใจว่าตัวเองเป็นคนตระกูลคิงกวน เป็นผู้ไร้เทียมทาน ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน”

“อย่าว่าแต่คนรุ่นเดียวกันเลย ถึงในบรรดาผู้อาวุโส บนโลกนี้ยังมีผู้แข็งแกร่ง ที่เก่งกว่านายเยอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน กวนเจิ้นไห่สั่นไปทั้งตัว สีหน้าตกตะลึง

เดิมทีมองหยางเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิม ตอนนี้หลงเหลือเพียงความเคารพ เป็นความเคารพ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง

“ฉันแพ้แล้ว!”

กวนเจิ้นไห่ชักหมัดกลับมา จากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ “อย่างที่คุณหยางสั่งสอน ฉันเป็นกบในกะลา คิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน ช่างน่าขำสิ้นดี”

พูดจบ เขากวาดตามองคนตระกูลคิงกวน แล้วพูดเสียงดัง “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันกวนเจิ้นไห่ ขอถอยออกจากการชิงตำแหน่งกษัตริย์ และลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าศาลายุติธรรม”

“ต่อไปฉันจะมุ่งมั่นกับบู๊ อำนาจของตระกูลคิง ไม่เกี่ยวข้องกับฉันอีก!”

คำพูดของกวนเจิ้นไห่ ทำให้ทุกคนช็อก ขนาดกวนหงอี้ ยังมีสีหน้าตกใจ “นาย นายจะถอยออกจากการชิงตำแหน่งกษัตริย์จริงเหรอ”

กวนเจิ้นไห่มองกวนหงอี้อย่างไม่สบอารมณ์ “นายวางใจเถอะ ในเมื่อคนอย่างฉันพูดแล้วว่าจะถอย จากการชิงตำแหน่งกษัตริย์ ต่อไปจะไม่แก่งแย่งกับนายอีก”

หลังกวนเจิ้นไห่ถอยออกจากการช่วงชิงตำแหน่งกษัตริย์ ในตระกูลคิงกวนอันยิ่งใหญ่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งกวนหงอี้ได้อีก

แต่กวนหงอี้กลับไม่ดีใจสักนิด กลับรู้สึกหัวเราะเยาะตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

เป็นอย่างที่หยางเฉินพูดจริงเหรอ พวกเขาเป็นแค่กบในกะลางั้นเหรอ

“ต่อไปเป็นใคร”

หยางเฉินมองกวนหงอี้ แล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ

ด้านหลังกวนหงอี้ มีผู้อาวุโสยืนอยู่คนหนึ่ง คือปรมาจารย์หวังที่จะออกมาต่อสู้

ตอนนี้ สีหน้าเขากลับเคร่งขรึม เมื่อกี้ตอนที่กวนเจิ้นไห่สู้กับหยางเฉิน แม้ใช้เพียงสองกระบวนท่า แต่ไม่สามารถทำให้หยางเฉินบาดเจ็บได้แม้แต่น้อย

ปรมาจารย์หวังคือผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง เมื่อเผชิญหน้ากับหยางเฉิน เขากลับมีความคิดที่จะถอยผุดขึ้นมา

“ปรมาจารย์หวัง!”

กวนหงอี้กัดฟันมองปรมาจารย์หวัง กวนเจิ้นไห่แพ้แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ปรมาจารย์หวัง

ถ้าปรมาจารย์หวังแพ้ แขนทั้งสองข้างของเขาจะพิการ แถมยังต้องชดเชยอีกแสนล้าน

ทันใดนั้น สายตาของทุกคน มองไปที่ปรมาจารย์หวัง

“เจ้าชายใหญ่ จู่ๆ ผมรู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย ขอไปห้องน้ำสักครู่ คุณให้คนอื่นไปสู้เถอะ!”

จู่ๆ ปรมาจารย์หวังกุมท้อง แล้วทำหน้าเจ็บปวด

ปรมาจารย์หวังกุมท้องแล้ววิ่งออกไป ท่ามกลางสายตาของทุกคน

เมื่อเห็นปรมาจารย์ออกไปเหมือนจะหนี ทุกคนถึงกับเบิกตาโต

สีหน้ากวนหงอี้ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์หวังเป็นยอดฝีมือ ที่แข็งแกร่งข้างกายเขา ไม่มีปรมาจารย์หวัง ใครจะเอาชนะหยางเฉินได้อีก

ขณะนั้นอู่หนิงก้าวเข้ามา เขาหัวเราะ มองกวนหงอี้แล้วถามว่า “เจ้าชายใหญ่กวน นี่นับว่าไม่ทันได้สู้ก็แพ้แล้วหรือเปล่า”

ตระกูลคิงกวนคนเยอะขนาดนี้ ตอนนี้กลับไม่มีใครพูดสักคน ต่างมองกวนหงอี้ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ

กวนเจิ้นไห่พ่ายแพ้ ปรมาจารย์หวัง ไม่ทันได้สู้ก็แพ้แล้ว แถมยังมีหัวหน้ารองของตระกูลอู่หวงออกหน้าอีก

เกรงว่ากวนหงอี้ต้องโดนทำให้แขนพิการทั้งสองข้างจริงๆ

กวนเจิ้นไห่พูดขึ้นว่า “กวนหงอี้ กล้าพูดต้องกล้ารับ เรื่องวันนี้เกิดขึ้นเพราะนาย ตอนนี้ก็ต้องจบเพราะนายเหมือนกัน”

“นายจะทำลายแขนทั้งสองข้างของตัวเอง หรือจะให้ฉันทำให้”

กวนหงอี้ไม่พูดอะไร เขาก้มหน้า ไม่มีใครเห็นสีหน้าของเขา

แต่ใครก็สัมผัสได้ ตอนนี้กวนหงอี้ โมโหเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ หยางเฉินยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รอกวนหงอี้ให้คำตอบ

สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตก็คือ กวนหงอี้กำมือทั้งสองข้างจนแน่น ในฝ่ามือขวา มีขวดแก้วเล็กๆ สีใส ในขวดมียาสีแดงอยู่หนึ่งเม็ด

ขณะนี้ ในใจของกวนหงอี้สับสนไปหมด ยาในมือของเขาคืออะไร บรรดาคนที่อยู่ในนี้ นอกจากเขา ก็ไม่มีใครรู้

แต่เขารู้ดี ถ้าเขาใช้ยาเม็ดนี้ พละกำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่าความลับของตระกูลคิงกวน ก็จะถูกเปิดโปงออกมาด้วย

ถ้าถึงขั้นนั้น หยางเฉินกับพวกอู่หนิง ต้องตายเท่านั้น ถึงจะปกปิดความลับต่อไปได้

“คนตระกูลคิงกวน ยังไม่เคยพ่ายแพ้!”

ขณะนั้น เสียงดังสนั่นขึ้น

“กษัตริย์กวน!”

มีคนอุทานออกมาอย่างตกใจ

สีหน้าอู่หนิงก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที มายืนข้างหยางเฉินทันที แล้วพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก “เป็นเสียงของกษัตริย์กวน!”

สีหน้าหยางเฉินไร้อารมณ์ ตาทั้งสองข้างจ้องไปยังที่หนึ่ง

วินาทีต่อมา ร่างของผู้อาวุโส เกศาขาว ใบหน้าแดงผ่องกระชุ่มกระชวย ปรากฏต่อสายตาทุกคน

แต่เดิมทีเขาอยู่ไกลกว่าร้อยเมตร เดินเข้ามาข้างหน้าทีละก้าว เพียงพริบตา กษัตริย์กวนที่เพิ่งเดินมาอย่างช้าๆ อยู่ในระยะสิบเมตรแล้ว

แค่พริบตาเดียว กษัตริย์กวนมาอยู่ข้างพวกเขาแล้ว

“พ่อ!”

ในที่สุดกวนหงอี้พยักหน้า มองกษัตริย์กวน แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“กษัตริย์กวน!”

คนตระกูลคิงกวนต่างพากันพยักหน้าเคารพ ด้วยสีหน้านอบน้อม ถึงขนาดที่ไม่มีใครกล้าสบตากษัตริย์กวน

ขนาดอู่หนิง ยังก้มหน้าอย่างไม่รู้ตัว

ภายในโถงงานเลี้ยงขนาดใหญ่ มีเพียงหยางเฉินเพียงคนเดียว ที่กำลังสบตากษัตริย์กวน ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

กษัตริย์กวนมีออร่าของผู้สูงส่ง ตั้งแต่หัวจรดเท้า ขนาดยังไม่ลงมือ หยางเฉินก็สัมผัสได้ถึงแดนวิถีบู๊ของกษัตริย์กวน น่าจะเป็นแดนราชาสูงสุด

ตระกูลคิงทั้งห้าในจิ่วโจว กษัตริย์ทุกคน น่าจะมีพละกำลังอยู่ในแดนราชาสูงสุด

ขณะที่หยางเฉินมองกษัตริย์กวน กษัตริย์กวนก็มองหยางเฉินเช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอหยางเฉิน แต่กลับรู้สึกมองหยางเฉินไม่ออก

“นายคือหยางเฉินเหรอ”

กษัตริย์กวนเอ่ยขึ้นทันที

หยางเฉินพูดอย่างราบเรียบ “ไม่ทราบว่ากษัตริย์กวนมีอะไรจะชี้แนะ”

กษัตริย์กวนขมวดคิ้วขึ้นมา ออร่าจากตัวหยางเฉินแข็งแกร่งเกินไป จนทำให้เขาไม่สบอารมณ์

ขณะเดียวกัน ก็ตกใจเป็นอย่างมาก

เขาได้ยินชื่อของหยางเฉินมานานแล้ว เพราะเมืองเยี่ยนตูในตอนนี้ คนตระกูลคิงทั้งห้า ล้วนไปมาแล้ว

หยางเฉินเป็นคนที่มีหวังว่าจะได้เป็นคิงแห่งเยี่ยนตูมากที่สุด กษัตริย์กวนจะไม่เคยได้ยินได้ยังไง

แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หยางเฉินทั้งอายุน้อย อีกทั้งยังมีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้

กวนเจิ้นไห่คือผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นต้น โจมตีสุดกำลัง แต่กลับทำอะไรหยางเฉินไม่ได้แม้แต่น้อย

ปรมาจารย์หวังคือผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง แต่กลับแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้สู้