ราชันเร้นลับ 1307 : พบปะ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ณ ใจกลางเกาะโบราณ ภายในสุสานจักรพรรดิมืด

โรซายล์ซึ่งส่งแบร์นาแดตกลับไป มิได้เข้าสู่ภาวะหลับใหลในทันที มันแหงนหน้าขึ้นมองยังตำแหน่งสูงอีกครั้ง

เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์ถอนหายใจเงียบ วางไม้เท้าดวงดาวลงและสะบัด ‘กระดาษคน’

พรึ่บ! กระดาษคนหนาขึ้นทันที ก่อนจะบินเข้าไปในวังวนโปร่งแสงซึ่งประกอบจากลวดลายลึกลับด้านข้างเก้าอี้เดอะฟูล

แม้แบร์นาแดตจะถูกส่งไปยังริมเกาะจนไคลน์มิอาจอาศัยจุดแสงสวดวิงวอนเพื่อสังเกตสถานการณ์ด้านในสุสานจักรพรรดิมืด แต่มันยังสามารถใช้สัญลักษณ์ของเดอะฟูลซึ่งผสานเข้ากับร่างของโรซายล์ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อได้ในระดับหนึ่ง

หลังจากกระดาษคนแหวกผ่านวังวนซึ่งหมุนอย่างเชื่องช้า มันตกลงไปยังด้านในสุสานซึ่งมีแสงสว่างอย่างไม่ทราบที่มา ก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์เบื้องหน้าเวทียกสูงในจุดกึ่งกลาง

มนุษย์คนดังกล่าวมีผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล เค้าโครงคล้ายคลึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่ยังขาดความชัดลึก ใบหน้าค่อนไปทางอ่อนนุ่ม บรรยากาศขาดความเย็นชา และยังมีจุดแตกต่างอื่นๆ อีกเล็กน้อย คางและพุงมีร่องรอยการสะสมไขมันเล็กน้อยจากการถูกสภาพสังคมหล่อหลอม ไม่ใช่ใครนอกจากใบหน้าดั้งเดิมของไคลน์ – โจวหมิงรุ่ย ชายผู้ถูกแขวนอยู่บนปราสาทต้นกำเนิดและเป็น ‘เพื่อนบ้าน’ ของโรซายล์ ‘ฮวงเทา’ กุสตาฟมานานหลายพันปี

โรซายล์ไม่ประหลาดใจกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย เพียงใช้ฝ่ามือกดลงบนที่พักแขน เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย:

“นายมาแล้ว”

“ฉันมาแล้ว” ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา

“นายไม่ควรมา” โรซายล์ถอนหายใจ

“แต่ฉันก็มา” ไคลน์ซึ่งจับหลักได้ ตอบกลับอย่างมีไหวพริบ

เมื่อโรซายล์ยืนยันได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมชาติ มันกลับไปนั่งท่าเดิมพลางหัวเราะเสียงต่ำ

“เดิมที ฉันตั้งใจจะถามว่านายเป็นคนมณฑลไหน จะได้พิจารณาว่าควรวางตัวอย่างไร แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก นั่นคงไม่จำเป็น ไม่ใช่กับตอนนี้… พวกเราต่างก็เป็นมดปลวกที่น่าสมเพชที่ไม่มีบ้านเกิดให้กลับ”

โดยไม่รอคำตอบจากไคลน์ โรซายล์ถามต่อทันทีด้วยเสียงเบาลง

“รู้ความจริงเกี่ยวกับวันสิ้นโลกหรือยัง”

“รู้แล้ว” ไคลน์ผงกศีรษะ

โรซายล์ถามต่อ

“รู้ใช่ไหมว่าที่นี่คือโลก”

“รู้” ไคลน์ตอบเยือกเย็น

ได้ยินเช่นนั้น โรซายล์ขำแห้ง:

“นายรู้ทุกสิ่งได้เร็ว… กว่าฉันจะรู้เรื่องนั้นก็ในตอนที่เดินทางไปดวงจันทร์และมองกลับมายังโลกตัวเอง”

มหาจักรพรรดิถอนหายใจ

“ดวงจันทร์เป็นสถานที่อันน่าประหลาด ฉันสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึง แต่กลับคิดไม่ได้ว่าตัวเองจะถูกกัดกร่อน นับแต่นั้นมาก็ค่อยๆ กลายเป็นคนมีนิสัยสุดโต่งมากขึ้น… แต่ในบางครั้ง พิจารณาจากมุมมองคนรอบตัว ฉันยังมีความปรกติหลงเหลืออยู่บ้าง แต่กระนั้นก็ยังไม่กล้าเขียนลงไปในไดอารี ด้วยเกรงว่าจะเป็นการเผยความลับสำคัญจนพลาดโอกาสสุดท้ายไป… ในท้ายที่สุด ฉันตัดสินใจอาศัยสัญชาตญาณและสิ่งที่เตรียมการมาเนิ่นนาน เปลี่ยนไปยังเส้นทางจักรพรรดิมืด… เพราะว่าในวันสิ้นโลก ไม่เพียงลำดับ 0 จะเป็นระดับเดียวที่สามารถปกป้องตัวเองและคนที่รัก แต่ตัวตนระดับนี้ยังสามารถพาทุกคนไปยังดาวดวงอื่นในจักรวาลอันกว้างใหญ่ สร้างชาติและกฎระเบียบใหม่เพื่อให้มนุษย์อยู่รอดท่ามกลางดินแดนอันรกร้างว่างเปล่า นอกจากนั้น ฉันยังเล็งเห็นโอกาสที่จะหลุดพ้นจากการกัดกร่อนจากคุณสมบัติคืนชีพของจักรพรรดิมืด…”

“ขอเพียงถูกสังหารหลังจากได้เป็น ‘จักรพรรดิมืด’ ลำดับ 0 กึ่งเสียสติ ฉันยังมีโอกาสคืนชีพในสุสานหรือไม่ก็ดินแดนดารา เมื่อถึงตอนนั้น สิ่งที่จะหวนกลับมาหาฉันจะประกอบด้วย ‘เอกลักษณ์’ บริสุทธิ์และตะกอนพลังลำดับ 1 ของเส้นทางทั้งสามก้อน ไม่มีการกัดกร่อนหรือความบ้าคลั่งเจือปนแม้แต่น้อย… สำหรับเรื่องนี้ สุริยันบรรพกาลกับจักรกลไอน้ำเป็นประโยชน์มากทีเดียว… แต่น่าเสียดาย พวก ‘วันวาน’ น่ากลัวเกินกว่าที่จินตนาการไว้มาก แม้จะคืนชีพใหม่ แต่การกัดกร่อนกลับยังตามมาหลอกหลอน… บางที อาจมีเพียงวันวานเท่านั้นที่สามารถต่อต้านวันวาน… ในท้ายที่สุด ฉันต้องระงับกระบวนการคืนชีพและซ่อนตัวอยู่ในสุสานสุดท้ายด้วยสภาพนี้ ไม่อย่างนั้นวันวานจะถือกำเนิดบนโลกแห่งความจริงด้วยร่างเนื้อของฉัน และนั่นจะนำมาซึ่งหายนะร้ายแรง”

ไคลน์ซึ่งพอจะคาดเดาสถานการณ์ของโรซายล์ได้จากข้อมูลจำนวนมากของตน ไม่เผยสีหน้าประหลาดใจ เพียงตอบอย่างเยือกเย็น:

“เทพภายนอกที่กัดกร่อนนายคือ ‘มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม’ พระองค์หลอกลวงสาวกจำนวนมากด้วยฉากหน้าของ ‘ดวงจันทร์บรรพกาล’”

อารมณ์บนเค้าโครงใบหน้าโรซายล์เปลี่ยนไปเล็กน้อย

มันเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพูด

“ฉันรู้จักดวงจันทร์บรรพกาล แต่ไม่เคยทราบว่านามจริงคือมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม… เมื่อลองคิดดูให้ดี การบังเอิญไปพบมิสเตอร์ประตูที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ บางทีอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…”

ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์เริ่มตื่นตัว และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์บนเกาะ มันพอจะคาดเดาในสิ่งที่โรซายล์กำลังจะพูด

โรซายล์ถอนหายใจพลางยิ้ม:

“ปัญหาใหญ่ที่สุดในช่วงชีวิตครึ่งแรกของฉันคือ การมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ฉันมักจะคิดว่าตัวเองสามารถ ‘โหลดเซฟ’ และทำสิ่งต่างๆ ได้ใหม่ได้อีกครั้ง จึงตกหล่นรายละเอียดไปหลายเรื่อง… ในตอนนั้น กริมม์ถูกพลังประหลาดบนเกาะกัดกร่อน แต่หลังจากเผชิญความตายและย้อนกลับมาที่นี่ เขาได้คืนชีพใหม่อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่านี่คืออิทธิพลจากดวงจันทร์บรรพกาล… หลังจากตรวจสอบเกาะอย่างละเอียดและดำเนินการชำระล้าง ฉันกลับมั่นใจว่าไม่มีปัญหาหลงเหลือ แต่หารู้ไม่ว่า ชะตากรรมของตัวเองได้เปลี่ยนไปแล้วเล็กน้อยในตอนนั้น ส่งผลให้ได้พบกับมิสเตอร์ประตูในภายหลัง จนกระทั่งถูกชักชวนให้ขึ้นไปยังดวงจันทร์… แต่เรื่องนี้ก็โทษมิสเตอร์ประตูไม่ได้ อาการของเขาน่าจะแย่ยิ่งกว่าฉันเสียอีก”

จักรพรรดิหมายความว่า เขาตกเป็นเป้าของมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามหลังจากค้นพบเกาะแห่งนี้? ไคลน์ถอนหายใจ:

“ในตอนนั้น คงไม่มีใครคิดว่าปัญหาจะร้ายแรงถึงเพียงนี้”

ก่อนจะถึงลำดับ 2 การเข้าใจ ‘อวกาศ’ และ ‘วันวาน’ อาจนำมาซึ่งการกัดกร่อนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อไม่เข้าใจ ก็คงยากที่จะกะเกณฑ์ความร้ายแรงของปัญหาที่ตนเผชิญได้แม่นยำ นอกจากนั้นยังไม่ทราบหลักปฏิบัติในการรับมือ ส่งผลให้โรซายล์มองว่าเกาะแห่งนี้เป็นฐานทัพลับ และเลี่ยงที่จะแจ้งให้เบื้องบนซึ่งเข้าใจเกี่ยวกับเทพภายนอกและอวกาศได้รับทราบ

“ใช่” ดูเหมือนโรซายล์จะไม่เสียใจในความผิดพลาดของตน คล้ายกับอ้างเหตุผลว่า ‘คนส่วนใหญ่ก็คงพลาดเหมือนกัน’

มันกล่าวต่อทันที

“ในองค์กรโบราณและลึกลับดังกล่าว แทบไม่มีการเอ่ยถึงวันวานและเทพภายนอกเลย”

ทันใดนั้น โรซายล์เว้นวรรคเล็กน้อย

“นายน่าจะได้อ่านไดอารีของฉันแล้ว และทราบว่าองค์กรโบราณนั่นหมายถึงสิ่งใด”

ไคลน์พยักหน้า

“ฉันทราบว่าหมายถึงองค์กรไหน แต่คาดไม่ถึงว่าแม้จะกลายเป็นลำดับ 0 นายก็ยังไม่กล้าเอ่ยชื่อนั้นออกมาอยู่ดี”

“ฉันมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าชายคนนั้นไม่ธรรมดา เขาอาจเข้าใจเกี่ยวกับเทพภายนอกในระดับที่พวกเราจินตนาการไม่ออก การปลอดภัยไว้ก่อนจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะในท้ายที่สุด ฉันยังไม่ใช่เทพแท้จริงลำดับ 0 ที่สมบูรณ์” เมื่อพูดจบ โรซายล์ขมวดคิ้วทันที “นายอ่านไดอารีไปมากแค่ไหน?”

หากบรรยากาศการสนทนาสดใสร่าเริงมากกว่านี้ ไคลน์คงรีบตอบกลับไปทันทีว่า ‘แม่มดก็อร่อยไม่เลว’ เพื่อยุแหย่อีกฝ่าย

ท้ายที่สุด ชายหนุ่มตอบอย่างสุขุม

“เพียบ”

หลังจากบรรยายไปหนึ่งคำ มันเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างเป็นกันเอง

“นอกจากนั้นยังรวบรวมไพ่เย้ยเทพได้จำนวนหนึ่งแล้ว”

“ใบไหนบ้าง?” โรซายล์โพล่ง

ไคลน์บนสายหมอกควบคุมสีหน้าของกระดาษคน จากนั้นก็ตอบเสียงเรียบ:

“จักรพรรดิมืด ทรราช นักบวชสีชาด และเดอะฟูล”

“ฟู่ว…” โรซายล์ถอนหายใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออกทันที “โชคดีที่ไม่ใช่ไพ่แม่มด จันทรา และมารดา”

ตอนแรกก็ไม่ได้นึกถึงหรอกนะ… ไคลน์ทำหน้านิ่ง ยังคงมองจักรพรรดิด้วยสายตาไม่แปรเปลี่ยน

หลังจากกล่าวจบ โรซายล์รีบกระแอมแห้งคล้ายกับฉุกคิดบางสิ่ง

“แฮ่ม! นายก็คงเคยดูไลฟ์ใช่ไหม? ไม่ได้มีกฎห้ามชายแท้แต่งครอสเดรสสักหน่อย…”

กล่าวจบ มันกระแอมอีกรอบก่อนจะถอนหายใจ:

“นายเลือกเส้นทางอะไร”

“นักทำนาย” ไคลน์ตอบห้วน

โรซายล์เงียบงันไปหลายวินาที ตามด้วยกล่าว

“น่าเสียดาย ถ้าทุกอย่างอยู่ในสภาวะปรกติ นายคงดึงทีวีจอยักษ์กับเครื่องเล่นเกมออกมาจากประวัติศาสตร์ แล้วพวกเราก็จะพูดคุยไปพลางเล่นเกมตามประสาเด็กผู้ชาย”

เสียใจด้วย โลกนี้ยังไม่มีไฟฟ้า คงต้องให้นายประดิษฐ์ขึ้นมา… ไคลน์มิได้กล่าวในสิ่งที่คิด เพียงกล่าวด้วยเสียงเดิม

“หวังว่าวันนั้นจะมาถึง”

จากนั้น มันวกกลับมาที่หัวข้อสนทนา

“ฉันสงสัยมาตลอด เหตุใดไพ่เย้ยเทพที่นายสร้างถึงไม่ถูกทวยเทพค้นพบ? พลังต่อต้านการทำนายและพยากรณ์แข็งแกร่งระดับนั้นเชียว?”

โรซายล์ขำแห้งทันที

“เพราะความรู้นำมาซึ่งพลัง และพลังนำมาซึ่งความรู้ นี่คืออำนาจของ ‘จักรพรรดิความรู้’ … หลังจากที่ฉันใช้พลังฝังสูตรโอสถทั้งยี่สิบสองเส้นทางลงไปบนไพ่ แรงดึงดูดระหว่างตะกอนพลังจะถูกสร้างขึ้น และยังมีคุณสมบัติต่อต้านการทำนายถึงและพยากรณ์ที่ยอดเยี่ยม… นอกจากนั้น…”

ขณะกล่าว โรซายล์ชะงักไปกะทันหัน ประหนึ่งฉุกคิดถึงบางสิ่งที่ผิดปรกติ

ผ่านไปไม่กี่วินาที มันกล่าวด้วยน้ำเสียงล่องลอย

“ไพ่เย้ยเทพถูกสร้างขึ้นหนึ่งปีก่อนที่ฉันจะประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด ในเวลานั้น ฉันถูกกัดกร่อนจากดวงจันทร์บรรพกาลเรียบร้อยแล้ว จึงมีหลายครั้งที่ความทรงจำขาดหายไป… ทำไมทวยเทพถึงหาไพ่ทั้งยี่สิบสองใบไม่พบ…”

ได้ยินคำถามเชิงโวหาร ไคลน์บนสายหมอกพลันตึงเครียด เป็นอีกครั้งที่มันรู้สึกคันไปทั่วหนังศีรษะ

โดยไม่รอให้ไคลน์ตอบผ่านกระดาษคน เสียงของโรซายล์สูงขึ้นกะทันหันเจือความหวาดกลัว:

“ห้ามรวบรวมไพ่ทั้งยี่สิบสองใบ! …ระวังไพ่มารดาให้ดี!”

สองประโยคดังกล่าวดังกังวานอยู่ในสุสานจักรพรรดิมืดเป็นเวลานาน

…………………………