เหนือสายหมอกสีเทา รูม่านตาไคลน์เบิกกว้างทันที จากนั้นก็รีบก้มมองโต๊ะทองแดงยาวลวดลายเก่าแก่ตามสัญชาตญาณ
บนโต๊ะมีไพ่สี่ใบ หลังไพ่ลวดลายต่างกัน
ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวปนโล่งใจ ราวกับเพิ่งเดินผ่านขอบเหวในสภาพปิดตาโดยไม่ตกลงไป
หากมันเอาจริงเอาจังกับการไล่สะสมไพ่เย้ยเทพทั้งยี่สิบสองไพ่ หรือบังเอิญได้รับไพ่มารดามาครอง เมื่อพิจารณาจากนิสัยในการชอบสอดไพ่เข้ามาในร่างวิญญาณเพื่อทดสอบและสร้างความเข้าใจ ป่านนี้อาจถูกกัดกร่อนโดยมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม หรือไม่ก็ตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว
แต่เราไม่ใช่โรซายล์สักหน่อย… ต่อให้มีไพ่มารดา ก็คงไม่สอดเข้ามาในร่างวิญญาณส่งเดช ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ทวยเทพก็ยังยากที่จะหาพบ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครรวบรวมได้ครบยี่สิบสองใบ… นี่อาจเป็นแผนของมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม หากใครบังเอิญได้ครอบครองไพ่มารดาเข้า รับรองได้เลยว่าเจ้านั่นจะกลายเป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่งของโลก… ไคลน์ถอนสายตาออกจากโต๊ะ หันไปจ้องโรซายล์บนที่นั่งเหล็กดำผ่านสายตากระดาษคน
ในเวลาเดียวกัน โรซายล์เหยียดหลังเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ
“ทุกสิ่งล้วนมีออร่าเทพแฝงอยู่… มหาต้นกำเนิดยังไม่ตาย แต่อาศัยอยู่ในร่างทุกคน!”
ไคลน์ขมวดคิ้ว มันไม่แน่ใจว่าที่กำลังพูดคือโรซายล์คือพระจันทร์สีแดงในร่างกาย
ไม่เพียงไคลน์จะเข้าใจในสัจธรรมดังกล่าว แต่ยังเคยเผชิญหน้าด้วยตัวเองมาแล้ว จึงมิได้เผยอาการตื่นตระหนกมากนัก เพียงนึกทบทวนถึงคำสอนของชุมนุมแสงเหนือที่มันเคยเห็นมา:
พวกมันพร่ำสอนว่า พระผู้สร้างแฝงตัวอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ดังนั้น มนุษย์ทุกคนล้วนมีออร่าเทพในตัว หากออร่าเทพดังกล่าวเข้มข้นจนถึงระดับหนึ่ง มนุษย์ธรรมดาก็สามารถเป็นเทวทูตได้ และเทพจารีตในปัจจุบันก็เป็นเพียงเทวทูตที่แข็งแกร่ง สำหรับคนธรรมดา ขอเพียงเข้าใจว่าแก่นแท้ของชีวิตประกอบด้วยการเดินทางเชิงวิญญาณ เสริมสร้างพลังวิญญาณ ค้นหาออร่าเทพในตัวเอง และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับออร่าเทพอย่างแน่นแฟ้น ทุกคนก็สามารถหลุดพ้นจากกายาของมนุษย์ กลายเป็นเทวทูตได้ในที่สุด
ในตอนนั้น เราเข้าใจว่าลัทธิของชุมนุมแสงเหนือมีคำสอนและทฤษฎีเชิงศาสตร์เร้นลับเป็นของตัวเอง เฉกเช่นเหล่าเจ็ดเทพจารีต แต่ปัจจุบัน เราพบข้อเท็จจริงที่ซ่อนอยู่ในเนื้อหาเหล่านั้น… ในบางแง่มุม คำสอนของพวกมันถูกต้องทุกประการ แต่ปัญหาก็คือ ยิ่งผสานเป็นหนึ่งเดียวกับออร่าเทพมากเท่าใด ความเป็นตัวเองก็ยิ่งลดลง… พระผู้สร้างแท้จริงแอบสอดแทรกความลับอันลึกซึ้งของโลกไว้ในคำสอน… ไม่กลัวบ้างหรือว่าสาวกเดนตายจะหมั่นศึกษาจนกระทั่งเข้าใจเกี่ยวกับการกัดกร่อนจากใต้ดิน จนกลายเป็นภาชนะให้มหาต้นกำเนิดลืมตาตื่น? ดูเหมือนว่าแฮงแมนจะมีส่วนที่เสียสติอยู่ ไม่ได้มีเหตุและผลตลอดเวลา… ไคลน์พึมพำขณะรอให้โรซายล์พูดต่อ
สองสามวินาทีถัดมา โรซายล์ซึ่งดำรงอยู่ท่ามกลางวัฏจักรตายเกิด นั่งนิ่งบนที่นั่งเหล็กดำ สูดลมหายใจโดยไม่กล่าวคำใด
ไคลน์เป็นฝ่ายบังคับกระดาษคนพูด
“สิ่งที่นายเพิ่งกล่าวไป คำใดน่าเชื่อถือ คำใดควรระวัง”
โรซายล์ขำแห้ง
“คิดเอาเอง… เฮ่อะ! พวกนักทำนายชอบพูดแบบนี้ไม่ใช่หรือ”
โดยไม่รอคำตอบจากไคลน์ มันกล่าวต่อ:
“ในตอนที่สร้างหน้ากาก ‘ความตายสีจาง’ ฉันสังเกตเห็นบางสิ่ง: เทพมรณาแห่งยุคสมัยที่สี่อาจยังไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์ และมีไพ่ตายในการคืนชีพมากกว่าหนึ่งอย่าง ซึ่งบางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับ ‘แม่น้ำอันธการนิรันดร์’ หึหึ… ‘มรณา’ จะตายง่ายๆ ได้เช่นไร…”
กล่าวถึงตรงนี้ โรซายล์ชำเลืองไคลน์ด้านล่างเวทียกสูง
“อา… มีเพียงการเลือกเส้นทางนักทำนาย ผู้ฝึกหัด และนักจารกรรมเท่านั้น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ จึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในปราสาทต้นกำเนิด ฉันมีความคิดนี้ในตอนที่สายไปแล้ว… ฉันไม่รู้ว่านายอยากเป็นวันวานหรือไม่ และไม่ทราบรายละเอียดของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องด้วย แต่บอกได้เพียงว่า สิ่งนั้นอันตรายยิ่งกว่าการเถลิงบัลลังก์เทพหลายเท่า หลายต่อหลายเท่า… บางที ตัวตนที่นำพวกเรามาขังอาจกำลังรอนายอยู่ที่นั่น… คำแนะนำเดียวของฉันก็คือ สนทนากับเทพแห่งตะเกียงใน ‘ตะเกียงวิเศษประทานพร’ ก่อนจะลงมือ”
เทพแห่งตะเกียง? ฉวยโอกาสจากความแค้นที่อีกฝ่ายมีต่อราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค? ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา:
“ตกลง”
ได้ยินคำตอบ โรซายล์ถอนหายใจพลางยิ้ม
“หากนายกลายเป็นวันวานสำเร็จ อย่าลืมคิดเรื่องช่วยฉัน มีเพียงวันวานเท่านั้นที่ต่อต้านวันวานได้”
ถึงตรงนี้ มันนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดด้วยจังหวะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“หลังจากกลายเป็นวันวาน ถ้านายมิอาจช่วยเหลือฉันขจัดการกัดกร่อนจากดวงจันทร์บรรพกาลได้ อย่าลืมกำจัดฉันให้สิ้นซากและคอยสนับสนุนให้มีจักรพรรดิมืดคนต่อไป… ฉันจะได้ไม่คืนชีพขึ้นมาพร้อมกับการกัดกร่อนอีก…”
แสงสว่างภายในสุสานสลัวลงเล็กน้อย ไคลน์เงียบไปสองวินาทีก่อนจะตอบ
“สัญญาว่าจะไม่ลืม”
โรซายล์ยังคงเงียบ จากนั้นก็ขำในอีกไม่กี่วินาที
“แต่แน่นอน ก่อนหน้านั้นนายต้องพยายามช่วยฉันอีกสักสองสามหน”
มุกตลกเช่นนี้ไม่เพียงไม่ทำให้ไคลน์ยิ้ม แต่กลับกัน จิตใจชายหนุ่มยิ่งทวีความหดหู่ พูดไม่ออกเป็นเวลานาน
โรซายล์ไม่กล่าวต่อทันที แต่นึกสักพักก่อนจะพูด
“ภรรยาของฉันเสียไปนานแล้ว ส่วนภรรยาน้อยต่างมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง สิ่งที่รู้สึกผิดก็คือ ฉันไม่เคยรักพวกหล่อนจากใจจริง แค่หลงใหลในรูปกายและสนุกไปกับความสุขสมที่ได้รับ… ฉันไม่เคยมีลูกลับนอกสมรส ผู้วิเศษย่อมมีลางสังหรณ์ในแง่นี้ ส่วนช่วงเวลาก่อนที่จะมาเป็นผู้วิเศษ พวกหล่อนที่มาเล่นสนุกด้วยก็คงคิดแบบเดียวกัน เพียงหลงใหลในรูปร่างหน้าตาและความเพลิดเพลิน ไม่มีทางทิ้งปัญหาให้ตัวเอง…”
“ชิเอล บุตรชายคนโตของฉัน เขาน่าจะตายไปหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่ามีลูกหลานเหลืออยู่เท่าไร… ลูกชายคนที่สอง โบโนว่า หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ปัจจุบันคงกลายเป็นเทวทูตไปแล้ว สำหรับเขา ความรู้สึกของฉันค่อนข้างซับซ้อน ในแง่หนึ่งเป็นความผิดหวังและเกลียดชัง แต่อีกแง่หนึ่งก็แอบห่วงใย ยังจำตอนเด็กๆ ได้ดี เขาเป็นเด็กน่ารักมาก…”
“ลูกสาวคนโตของฉัน แบร์นาแดต นายก็เห็นเธอแล้วนี่ สวยใช่ไหมล่ะ? เธอเป็นเด็กน่ารัก ว่าง่าย และฉลาดมาก รู้จักกตัญญูบิดาผู้แก่เฒ่า รักน้องชาย และติดแม่มาก… ในบางครั้งก็เป็นคนเถรตรงจนดูซื่อ… เวลาที่เราเล่นหมากรุกกัน มีหลายครั้งที่ฉันแอบโกง แต่เธอก็ไม่เคยสังเกตเห็นเลย เชื่ออย่างสุดหัวใจว่าผู้เป็นพ่อจะไม่โกงลูก เธอเป็นคนแบบนั้น… นั่นทำให้พฤติกรรมของฉันในช่วงหลังคงเลวร้ายเกินกว่าเธอจะทำใจรับไหว… แต่แน่นอน ตอนนี้ฉันสามารถโยนความผิดทั้งหมดให้กับดวงจันทร์บรรพกาล ‘ทั้งหมดเป็นเพราะถูกกัดกร่อนต่างหากล่ะ!’ … นั่นคือเรื่องเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณดวงจันทร์บรรพกาล… ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ร้องขอหรือไม่ เพราะฉันไม่เคยช่วยเหลืออะไรนายเลย และไม่เคยสนิทกัน แค่มาจากยุคสมัยและสถานที่เดียวกัน เป็นพวกพ้องชาวโลกเหมือนกัน”
ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์กล่าวเสียงต่ำ
“ไดอารีของนายช่วยฉันได้มาก ทำให้ฉันตระหนักถึงศาสตร์เร้นลับในเชิงลึกตั้งแต่ยังอ่อนแอ จนสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้หลายครั้ง อีกทั้งยังช่วยกำหนดเป้าหมายชีวิตอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ… นอกจากนั้น ไพ่เย้ยเทพก็ยังมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์”
“เราไม่พูดถึงไดอารีได้ไหม?” โรซายล์กระแอมแห้ง “อา… ในช่วงหลังของไดอารี ฉันพยายามฝากข้อความถึงผู้เดินทางข้ามโลกคนต่อไปจริงๆ สิ่งเดียวที่ไม่ค่อยมั่นใจคือ อีกฝ่ายจะอ่านภาษาจีนออกไหม…”
มหาจักรพรรดิถอนหายใจเชื่องช้า
“คำขอร้องของฉันก็คือ ช่วยดูแลแบร์นาแดตด้วย คอยใช้ความช่วยเหลือทุกครั้งที่เธอต้องการ… แม้ว่าเธอกำลังจะกลายเป็นคนใหญ่คนโตของโลกเหนือธรรมชาติ ในฐานะพ่อ ฉันยังวางใจไม่ได้”
โดยไม่รีรอ ไคลน์ตอบผ่านกระดาษคน
“ฉันจะดูแลเธอแทนนายเอง”
“…ให้ตายสิ ฟังดูพิลึกชะมัด” โรซายล์เปลี่ยนน้ำเสียง “ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อเลย สำหรับตัวฉัน นายคงทราบดีอยู่แล้วว่าชื่อฮวงเทา”
“โจวหมิงรุ่ย” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ
“แต่งงานหรือยัง? มีลูกไหม? อายุเท่าไร?” โรซายล์ยิงสามคำถามพร้อมกัน
คุณมหาจักรพรรดิ ทำไมนายถึงทำตัวยังกับพวกป้าข้างบ้าน? ไคลน์ส่ายหน้าพลางตอบกระชับ
“ไม่”
โรซายล์เงียบไปอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวต่อ
“นายกับฉันมาจากยุคเดียวกัน แบร์นาแดตควรเรียกนายว่าลุงโจว… ใช่แล้ว ลุงโจว…”
ขณะกล่าว เสียงของโรซายล์เจือความขื่นขมเล็กน้อย
“หลังจากลืมตาขึ้นในยุคปัจจุบัน ฉันก็มองโลกทั้งใบเป็นแค่เกมและสนุกไปกับมัน แต่บางครั้งก็นึกถึงบ้านเกิดและช่วงเวลาในอดีตซึ่งเป็นปัจจัยหล่อหลอมบุคลิกและตัวตน… ยิ่งอายุมากขึ้น ความรู้สึกดังกล่าวก็ยิ่งเกิดขึ้นบ่อย เหมือนกับใบไม้ที่มักจะร่วงลงบนโคนต้นเสมอ… อย่างไรก็ดี ในยุคปัจจุบัน ฉันก็มีลูกสาว ภรรยา และลูกชายสองคน มีหลายสิ่งเกิดขึ้นและมีหลายสิ่งที่รู้สึกผูกพัน… สำหรับนาย ฉันเข้าใจในความโดดเดี่ยว… เข้าใจถึงความเดียวดายที่ฝังอยู่ในกระดูก”
กล่าวถึงตรงนี้ โรซายล์ถอนหายใจเล็กน้อย
“คงจะดีกว่านี้ถ้าเรายังอยู่ในยุคสมัยเดิมที่ฉันต้องตื่นไปทำงานให้ตรงเวลาทุกวันและทำโอทีเป็นครั้งคราว เมื่อมีเวลาว่าง ฉันจะแวะไปรับลูกสาวกลับจากเรียนพิเศษ ระหว่างทางก็ซื้อของที่ภรรยาชอบบ่นให้ซื้อเข้าบ้าน… ในวันหยุด ฉันจะออกไปเที่ยวนอกบ้าน หรือไม่ก็ไปบ้านพ่อแม่เพื่อดูแลท่านตอบแทนบุญคุณ… เมื่อถึงวันที่เหนื่อยกับชีวิต ฉันสามารถใช้ข้ออ้างว่า ‘เพื่อนเลี้ยงข้าว’ เพื่อออกจากบ้านมาหานาย ผู้ชายสองสามนั่งริมถนนกินอาหารเสียบไม้ด้วยกัน ดื่มเหล้าเบียร์ คุยโวโอ้อวด ด่าเจ้านาย รำลึกความหลัง และยุยงให้นายรีบหาแฟน… เมื่อตื่นขึ้นในวันถัดมาก็จะมีพลังในการใช้ชีวิตด้วยความกระฉับกระเฉง…”
ไคลน์พังอย่างเงียบงันโดยไม่ขัดการรำพันของโรซายล์
เสียงของโรซายล์ค่อยๆ หรี่ลง จนกระทั่งมันยิ้มและกล่าว
“ลาก่อนสหาย… หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกในสักวัน”
ร่างของมันจางลงและกลายเป็นภาพมายาอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งสูญเสียตัวตนบนโลกปัจจุบัน เหลือเพียงเงารางซึ่งลอยอยู่เหนือที่นั่งเหล็กดำ
โรซายล์·กุสตาฟกลับสู่การบรรทมอันเป็นนิรันดร์
…………………………