หลังจากแล่นเรือรอบเกาะโบราณสามครั้ง ในที่สุด ‘รุ่งอรุณ’ ก็แล่นเข้าไปในทะเลซึ่งเต็มไปด้วยพายุ
แบร์นาแดตถอนสายตากลับ ก่อนจะจ้องไปยัง ‘รัดเกล้านักปราชญ์’ ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
ในฐานะผู้หยั่งรู้ หญิงสาวย่อมมองเห็นโอกาสในการเลื่อนลำดับ เพราะตระหนักอย่างชัดเจนว่าตนประกอบพิธีกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นคือการป้องกันมิให้ภัยพิบัติร้ายแรงถือกำเนิด
แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือการผนึกบิดาตัวเอง บิดาซึ่งตนเฝ้าคิดถึงและตามหามานานกว่าร้อยปี
“ช่างน่าขัน…” แบร์นาแดตจ้องดวงตาแนวตั้งเลี่ยมเพชรพลางถอนหายใจแผ่ว
หลังออกจากอินทิส เธอมีความปรารถนาหลักอยู่สองข้อ ประการแรก สืบหาความจริงเกี่ยวกับพ่อ เพื่อยืนยันว่าเธอมิได้เข้าใจอีกฝ่ายผิดไป ประการที่สอง เดินตามรอยเท้าพ่อเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อีกฝ่ายเคยเผชิญ และมองหาโอกาสในการคืนชีพ
สำหรับความปรารถนาแรก แบร์นาแดตเติมเต็มสำเร็จไปนานแล้ว และได้ทราบว่าเธอเข้าใจพ่อตัวเองผิดไป ข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้แบร์นาแดตรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง ขจัดความแค้นซึ่งเคยมีต่อพ่อจนหมดสิ้น แถมยังเพิ่มความรู้สึกผิดในส่วนของตัวเอง
ด้วยความรู้สึกผิดและความคิดถึงอันเนิ่นนาน หญิงสาวทำงานอย่างหนักเพื่อบรรลุความปรารถนาข้อที่สอง แต่ผลลัพธ์กลับค่อนข้างน่าเศร้า
หากไม่ใช่เพราะในตอนแรกมีความหวัง เธอคงไม่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์เช่นนี้ แบร์นาแดตอาจได้พบกับบิดา แต่ก็ต้องเป็นผู้ผนึกด้วยมือตัวเอง
หลังจากจมอยู่กับความเงียบงันเป็นเวลานาน ดวงตาแบร์นาแดตซึ่งเคยสูญเสียความคมชัด กลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง
เธอไม่ลังเลอีกต่อไป เลิกโทษตัวเอง ไม่สร้างอารมณ์ด้านลบทุกชนิด มือขวาถูกยกขึ้นอย่างมั่นคง อักขระโบราณซึ่งส่องแสงดวงดาวถูกวาดขึ้นกลางอากาศ หญิงสาวอัญเชิญสัตว์วิญญาณซึ่งครึ่งบนเป็นมนุษย์ครึ่งล่างเป็นลมเพื่อขอวัตถุดิบเสริมในการปรุงโอสถ ‘ผู้ทรงปัญญา’
สำหรับที่เหลือ พวกมันไม่ต้องใช้การเก็บรักษาแบบพิเศษ จึงถูกวางไว้ในห้อง ‘ของสะสม’ บนเรือรุ่งอรุณ
ถัดมาไม่นาน แบร์นาแดตทำการป่น ‘รัดเกล้านักปราชญ์’ ด้วยความช่วยเหลือจาก ‘ความตายสีจาง’ จากนั้นก็เตรียมโอสถซึ่งจะทำให้เธอกลายเป็นลำดับ 2
โอสถผู้ทรงปัญญาผุดฟองจำนวนมาก ภายในฟองมีดวงตาโปร่งใส หลังจากจ้องมองสักพัก แบร์นาแดตยกมือขวาขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยวพร้อมกับเลื่อนปากขวดมาต่อริมฝีปาก
เธอทราบดี อารมณ์ที่จำเป็นในตอนนี้มิใช่ความโศกเศร้าหรือหดหู่ หากแต่เป็นหัวใจอันแน่วแน่และความตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะก้าวไปข้างหน้า นั่นเพราะหญิงสาวทราบดี หากเธอต้องการช่วยขจัดการกัดกร่อนให้บิดา สิ่งที่สำคัญคือพลังและระดับตัวตน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เธอคิดจะฝังความเจ็บปวดไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสภาพอารมณ์ จากนั้นค่อยเปิดมันออกมาและลิ้มรสตามลำพังในยามค่ำคืน
เมื่อโอสถผู้ทรงปัญญาไหลเข้าปาก ร่างกายแบร์นาแดตเปลี่ยนเป็นภาพมายาด้วยความเร็วที่มองตามทัน
หญิงสาวสลายตัวกลายเป็นมวลความรู้อันซับซ้อน กลายเป็นสิ่งมีชีวิตเชิงข้อมูลบริสุทธิ์
ทั่วทั้ง ‘รุ่งอรุณ’ รวมถึงสภาพแวดล้อมอย่างสายฝน พายุ ฟ้าแลบ น้ำทะเล และคลื่นพลันสูญเสียความคมชัด ประหนึ่งกลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนข้อมูลขั้นพื้นฐาน
สำหรับเส้นทางผู้ส่องความลับในลำดับ 3 สภาวะเช่นนี้ถือว่าอันตรายมาก หากจิตไม่มั่นคงเพียงพอ โชคดีไม่มากพอ และเตรียมตัวไม่ดีพอ กระแสข้อมูลที่เธอกลายสภาพไปเป็น จะถูกข้อมูลภายนอกจำนวนมหาศาลเข้าแซงแทรกและหลอมรวมเป็นหนึ่ง ส่งผลให้สูญเสียสติสัมปชัญญะทันทีและมิอาจกลับคืนร่างเดิม กลายเป็นสัตว์ประหลาดในเชิงเร้นลับอันพิสดารและรับมือได้ยาก
วิญญาณมารเชิงข้อมูล!
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘สัตว์ข้อมูล’
แบร์นาแดตเคยพึ่งพาพลังของรัดเกล้านักปราชญ์บ่อยครั้ง สภาวะเชิงข้อมูลเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แม้ว่าแต่ละครั้งจะจำกัดระยะเวลาเพียงสองถึงสามวินาที แต่ก็สามารถเรียกได้ว่าเชี่ยวชาญ ปัจจุบัน เธอพยายามอย่างหนักเพื่อคงสภาพจิตใต้สำนึกให้แข็งแกร่ง พลางสร้างการเชื่อมต่อลึกลับกับข้อมูลจากโลกวิญญาณในเรื่องที่เธอเพิ่งปกป้องภัยพิบัติร้ายแรง
ข้อมูลดังกล่าวมีตราประทับอันโดดเด่นของหญิงสาวสลักอยู่ และยังเกี่ยวข้องกับตัวตนลำดับสูง ส่งผลให้ข้อมูลมี ‘เสถียรภาพ’ และจะไม่ถูกแทรกแซงโดยข้อมูลภายนอกไปอีกสักพัก ช่วยให้หญิงสาวมีสติคมชัดขณะค่อยๆ จำแนกละอองข้อมูลที่ประกอบกันเป็นร่างต้น
ระหว่างนั้น ไคลน์บนมิติหมอกคอยเคาะโต๊ะทองแดงยาวเพื่อส่งความโชคดีผ่านจุดแสงสวดวิงวอนซึ่งถูกทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษ มันอาศัยพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ในการเปลี่ยน ‘ความน่าจะเป็น’ ของบางสิ่ง และแนวโน้มเชิงพฤติกรรมของบางอย่าง เพื่อช่วยให้แบร์นาแดตประสบความโชคดีพอประมาณ
เมื่อเวลาผ่านไป แบร์นาแดตอาจพลาดท่าหมดสติไปหลายหน แต่ก็รอดกลับมาได้ทุกครั้ง จนในที่สุดก็สามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เป็นของร่างต้นตัวเองเพื่อนำมาจัดระเบียบร่างกายใหม่
ระหว่างนั้น หญิงสาวสัมผัสถึงความห่วงใยจากพลเรือเอกดวงดาวแคทลียา จากสมาชิกของแก่นรุ่งอรุณจำนวนมาก และจากลูกเรือของเธอซึ่งคอยสวดวิงวอนถึงทวยเทพในทุกวัน
สิ่งนี้ทำให้สภาวะของเธอมั่นคงมากขึ้นทุกขณะ สามารถต่อสู้กับเจตจำนงโบราณซึ่งเติบโตขึ้นมาในร่างกาย
ทันใดนั้นเอง กระแสข้อมูลลึกลับจำนวนมหาศาลพลันพรั่งพรูออกจากความว่างเปล่า ฉวยโอกาสตรงหน้าเพื่อแทรกแซงและหลอมรวมเข้ากับกระแสข้อมูลของแบร์นาแดตซึ่งกำลังจัดระเบียบร่างกาย
คุกคามจาก ‘ปราชญ์เร้นลับ’ !
ในฐานะร่างอวตารแห่งข้อมูลและความรู้บนโลก ตัวตนลึกลับกึ่งลำดับ 0 ของเส้นทางผู้ส่องความลับอย่างปราชญ์เร้นลับ ย่อมสามารถใช้อิทธิพลบางชนิดเพื่อเล่นงานผู้วิเศษซึ่งมีลำดับต่ำกว่าตัวเองได้
โดยไม่รอให้แบร์นาแดตใช้หน้ากากสีซีด ‘ม่าน’ ซึ่งไคลน์สวมอยู่ค่อยๆ ลอยขึ้น
ห้วงมิติรอบตัวแบร์นาแดตถูกบิดเบือนทันที ตัดขาดเธอออกจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ แม้แต่การแทรกแซงเชิงข้อมูลก็บุกรุกเข้ามาไม่ได้
ฉวยโอกาสจากความสงบสุขในชั่วขณะดังกล่าว แบร์นาแดตเสร็จสิ้นการจัดระเบียบร่างกายใหม่ และด้วยความช่วยเหลือจากหลักยึดเหนี่ยว เธอประสบความสำเร็จในการสร้างสมดุลกับจิตอันน่ากลัวซึ่งถือกำเนิดภายในร่างกาย
ในวินาทีปัจจุบัน หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามจาก ‘เธอ’ กลายเป็น ‘ท่าน’ เต็มตัว กลายเป็นเทวทูตลำดับ 2 แห่งเส้นทางผู้ส่องความลับ เรียกได้ว่าเป็น ‘คนใหญ่คนโต’ ของโลกเหนือธรรมชาติ และเป็น ‘ตัวตนลึกลับ’ โดยแท้จริง
ทันทีหลังจากนั้น เธอพบว่าห้วงมิติอันบิดเบี้ยวรอบตัวกลับเป็นปรกติ และได้เห็นข้อมูลลับจำนวนมากกำลังพรั่งพรูหาตน
หญิงสาวเหยียดมือขวาออกไปทันที จับคว้าข้อมูลพลางคัดแยกเฉพาะความรู้ที่เป็นประโยชน์
ขณะแบร์นาแดตเตรียมออกจากโลกวิญญาณและกลับสู่โลกความจริง ทัศนวิสัยของเธอพลันถูกฉาบด้วยแสงสีส้ม
แสงดังกล่าวควบแน่นกลายเป็นชายชราอ้วนเตี้ยเจ้าของเคราสั้นสีขาว
ชายชรายิ้มและกล่าว
“แม่นาง ข้าคือแสงส้มฮิลลาเรี่ยน”
แสงส้ม… แบร์นาแดตผงะไปสักพัก เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดแสงส้มถึงปรากฏกายเบื้องหน้าตน – ทั้งสองฝ่ายแทบไม่เคยติดต่อกันมาก่อน
ในฐานะผู้นำแก่นรุ่งอรุณและอดีตปราชญ์พิศวง เจ็ดแสงพิสุทธิ์แห่งโลกวิญญาณย่อมมิใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับแบร์นาแดต เธอทราบแม้กระทั่งบทสวดวิงวอนและพิธีกรรมเพื่อขอคำแนะนำจากอีกฝ่าย ทราบว่าแสงทั้งเจ็ดเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกวิญญาณ เป็นตัวแทนความรู้เชิงลึกในขอบเขตที่แตกต่างกัน และอย่างน้อยก็มีระดับตัวตนทัดเทียมเทวทูต
แสงส้มฮิลลาเรี่ยนเผยรอยยิ้ม
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่บางท่าน ขอร้องให้ข้ามาช่วยอธิบายเจ้าในเรื่องเกี่ยวกับวันวาน เทพภายนอก และอวกาศ เพื่อให้เจ้าเข้าใจสถานการณ์ของโลกและการกัดกร่อนได้แม่นยำขึ้น เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น”
“ตัวตนใด?” แบร์นาแดตถามด้วยความสงสัยเจือระแวง
อันที่จริง เธอพอจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะทั้งเจ็ดแสงแห่งโลกวิญญาณล้วนเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่แห่งโลกเหนือธรรมชาติ แม้กระทั่งเทพแท้จริงลำดับ 0 ก็ใช่ว่าจะหาตัวพวกมันได้ง่ายและ ‘ใช้งาน’ ได้ตามใจชอบ
แสงส้มฮิลลาเรี่ยนยิ้มพลางเสริม
“ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ”
ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ… แบร์นาแดตทวนซ้ำนามดังกล่าว สมองประมวลผลด้วยความเร็วสูง
ฮิลลาเรี่ยนชำเลืองและยิ้ม
“อีกหนึ่งนามของท่านก็คือ… เดอะฟูล”
…
บางแห่งในทะเล อนาคตกาลกำลังแล่นไปบนน่านน้ำปลอดภัย
แคทลียาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความฝัน เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก
ในความฝันเมื่อครู่ เธอเห็นราชินีเงื่อนงำล้มลงจมกองเลือด หน้าอกและท้องฉีกขาด สัตว์ประหลาดซึ่งดูคล้ายทารกคลานออกมา
ในฐานะปราชญ์พิศวง แถมยังเป็นปราชญ์พิศวงผู้เลื่อนลำดับด้วยเลือดของอสรพิษปรอท แคทลียาเชื่อว่าความฝันของตนมิได้เกิดขึ้นอย่างไร้มูลเหตุ จะต้องเป็นลางสังหรณ์ของบางสิ่งอย่างแน่นอน
และพิจารณาจากเนื้อหา นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ดี
แคทลียาซึ่งเริ่มกังวลตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง สวมเสื้อคลุมและเตรียมสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล หวังขอคำแนะนำจากตัวตนอันยิ่งใหญ่รายนี้หรือไม่ก็ขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยคุ้มครองราชินี
ผ่านไปสักพัก ฉากหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหญิงสาว:
ราชินีเงื่อนงำแบร์นาแดตเดินออกจากโลกวิญญาณ กลับมายืนบน ‘รุ่งอรุณ’ พร้อมกับทำให้เรือแล่นออกห่างจากเกาะปริศนา
แคทลียาถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ขอบคุณมิสเตอร์ฟูลจากก้นบึ้ง
หลังจากสวดวิงวอนจบ หญิงสาวมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จึงเปิดหน้าต่างห้องกัปตันและควบแน่นดวงดาวเป็นสะพานพาดลงไปยังดาดฟ้าเรือ
เธอสวมแว่นตาหนาเตอะ เดินไปบนสะพานแสงดาวซึ่งสุกสกาวพร่างพราย บรรจงย่ำไปทีละก้าวจนกระทั่งถึงดาดฟ้าอนาคตกาล จากนั้นก็เดินเล่นอย่างสบายใจท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบยามค่ำคืน
เมื่อถึงหัวเรือ แคทลียาเห็นแฟรงค์·ลีกำลังส่องขวดเหล้าพลางทำหน้าครุ่นคิด
“ทำอะไรอยู่” หญิงสาวขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
แฟรงค์หันมาจ้องและฉีกยิ้มกว้าง
“ไอเดียของผมเผชิญความล้มเหลว ตอนนี้มาถึงทางตันแล้ว… ก็เลยขอให้นีน่าช่วยนำดินจากก้นทะเลขึ้นมาศึกษาจุลินทรีย์”
กล่าวถึงตรงนี้ แฟรงค์พูดด้วยสีหน้าแฝงความคาดหวัง
“รอให้ถึงวันหยุดคราวหน้า ผมอยากไปสำรวจส่วนลึกของทะเลเหนือหรือไม่ก็ขั้วโลกซึ่งเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง บางทีใต้ชั้นน้ำแข็งหนาๆ นั่นอาจมีซากสิ่งมีชีวิตโบราณขนาดเล็กจากยุคสมัยที่สี่ สาม หรือแม้กระทั่งสองและหนึ่ง นั่นคงเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่”
หลังจากนี้ไปจนตาย นายจะไม่ได้รับวันหยุด… แคทลียาเสริมในใจอย่างเงียบงัน
…
ไคลน์เสกกล่องขึ้นมาและบรรจุไพ่เย้ยเทพทั้งสี่ใบลงไป เมื่อผนึกเสร็จ มันส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงทันทีและมุ่งหน้าไปยังโบสถ์รัตติกาลที่ใกล้ที่สุด
มันคิดจะอาศัยการสวดวิงวอนเพื่อเตือนให้เทพธิดารัตติกาลทราบถึงภัยอันตรายซ่อนเร้นจากไพ่เย้ยเทพ และเตือนว่าอย่าปล่อยให้พระแม่ธรณี หรือลิลิธ ครอบครองไพ่มารดาหรือไพ่จันทราโดยเด็ดขาด
…………………………