บทที่ 1438 เจ้าแห่งสุข

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

“ข้าคิดว่าข้าเคยเจอปรารถนาที่เจ้าเอ่ยถึง…” หวังเป่าเล่อกล่าวเบาๆ

“เจ้าเคยเจอแล้วอย่างแน่นอน” มหาเทพที่ถูกไอหมอกดำปกคลุมน้ำเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับมีเสียงของหญิงสาวแทรกอยู่ในนั้นด้วย นั่นทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาด

โดยเฉพาะคำสุดท้าย เสียงของมหาเทพยังหายไป แทนที่ด้วยเสียงของสตรี!

ทว่า เสียงนั้นก็ไม่ได้แปลกหูสำหรับหวังเป่าเล่อ นั่นคือเสียงที่เขาได้ยินในด่านปรารถนาทั้งหก ขณะเดียวกันก็เป็นเสียงของคนที่อยู่ข้างๆ เขาตลอดในการจมดิ่งสู่ห้วงปรารถนาอารมณ์

เรื่องนี้ทำให้หวังเป่าเล่อยิ่งสับสน เขามองมหาเทพที่ตัวสั่นเทาอยู่ในหมอก มองปราณหมอกสีดำที่อยู่รอบกายมหาเทพที่ดูเหมือนจะตื่นจากการหลับใหลและระเบิดกระจายไปทั่วรวมถึงแผนที่ดวงดาวประหลาดเหนือศีรษะเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหว…

ในที่สุดร่างของมหาเทพก็ไม่สั่นเทาอีกต่อไป เขาดูเหมือนหลับสนิท ปราณหมอกนอกร่างกายพลันพลิกตลบและรวมตัวกันเหนือศีรษะมหาเทพ ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังกึกก้อง มันก่อร่างเป็น…หญิงสาวผู้หนึ่ง!

นางสวมชุดคลุมยาวสีดำ มือถือร่มสีดำ ปลายร่มนั้นยกขึ้นอท่ามกลางเสียงหัวเราะเผยให้เห็น…ใบหน้าที่หวังเป่าเล่อทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า

ที่บอกว่าคุ้นเคยเพราะเขาเคยเจอ…ที่บอกว่าแปลกหน้าเพราะท่าทางของอีกฝ่ายทำให้หวังเป่าเล่อถอนหายใจเบาๆ แต่ก็รู้สึกอยู่มากทีเดียว

“ข้าควรเรียกเจ้าว่าปรารถนาหรือ…เจ้าแห่งสุข” หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงทุ้มต่ำ

ใบหน้าของหญิงสาวเบื้องหน้าก็คือ…เจ้าแห่งสุข!

การเผยตัวตนต่อหน้าเขานั้นหากเป็นตอนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกาชั้นที่หนึ่ง หวังเป่าเล่อต้องตกใจแน่ แต่เมื่อผ่านด่านปรารถนาทั้งหกมาจนถึงตอนนี้ได้ เขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาของอีกฝ่ายแล้ว

ในความทรงจำของมหาเทพ หวังเป่าเล่อเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้มีนามว่าหลิงเยว่ที่กลายเป็นเจ้าแห่งสุข เพียงแต่มันต่างจากที่เขารู้มา

เมื่อเห็นร่างที่ประกอบขึ้นจากหมอกดำตรงหน้า หวังเป่าเล่อก็คิดถึงเสียงหัวเราะอันคุ้นเคยในปรารถนาเสียง กลิ่นกายที่คุ้นเคยในปรารถนากลิ่น แล้วยังอากัปกิริยาต่างๆ ของอีกฝ่ายในปรารถนาอารมณ์ ทั้งหมดล้วนอธิบายตัวตนของนางได้แล้ว

นอกจากนี้นางยังเป็นคนบอกวิธีเปิดประตูสู่อาณาจักรบนกับเขาด้วย

นางเป็นคนบอกเขาว่าการหลอมรวมเจ็ดอารมณ์จะกลายเป็นปรารถนาอารมณ์ได้

และนาง…เป็นคนมอบตราเจ็ดอารมณ์ให้หวังเป่าเล่อ เรียกได้ว่าปรารถนาอารมณ์นี้ถูกขับเคลื่อนโดยเจ้าแห่งสุขจริงๆ จุดประสงค์ของนางชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย

หลังจากมหาเทพแยกโลกาชั้นที่หนึ่งกับสองออกจากกัน เพราะมีต้นกำเนิดมากขึ้น ปรารถนาจึงถูกมหาเทพแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ในโลกาชั้นที่หนึ่ง อีกส่วนหนึ่งอยู่ในโลกาชั้นที่สอง

ดังนั้นหากอยากจะควบคุมมหาเทพได้อย่างแท้จริง ปรารถนาก็ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่นางไม่สามารถรวบรวมปรารถนาอารมณ์ได้จึงไม่สามารถเปิดประตูสู่อาณาจักรบนได้ และในตอนนั้นเองหวังเป่าเล่อก็ปรากฏตัวขึ้น

“ขอบคุณเจ้าที่พาข้ามาที่นี่ มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหนถึงจะรวบรวมพลังแห่งปรารถนาในโลกาชั้นที่สองและทำลายผนึกได้” ร่างของหญิงสาวที่เกิดจากการรวมตัวของหมอกดำเหนือศีรษะมหาเทพกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการตอบแทน เจ้าอยากจะเรียกข้าว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น สุขก็ดี ปรารถนาก็ดี มันไม่สำคัญหรอก” เอ่ยถึงตรงนี้นางก็มองลึกเข้าไปในตาหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ มากนัก เพียงแค่มองปรารถนาอย่างเย็นชา

“ทำไมถึงเย็นชานักล่ะ…อันที่จริงเจ้าต้องขอบคุณข้าสิถึงจะถูก เพราะถ้าไม่มีข้าคอยช่วย เจ้าคงได้เจอกับเหตุการณ์ที่มหาเทพผู้แข็งแกร่งดั่งเทพเจ้าเดินทางไปยังโลกของเจ้าและบังคับหลอมรวมกับเจ้าไปนานแล้ว” ปรารถนายังคงมองหวังเป่าเล่อยิ้มๆ แล้วเอ่ยเบาๆ

สิ่งที่นางพูดเป็นความจริง

แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ยังต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายพูดถูก หากไม่ใช่เพราะมหาเทพเกิดปัญหา หวังเป่าเล่อคงได้เผชิญหน้ากับการบังคับหลอมรวมของมหาเทพผู้แข็งแกร่งไปนานแล้ว

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ

“ไม่พูดล่ะ นั่นก็แปลว่าเห็นด้วยสินะ…มหาเทพน้อย ตามหลักการแล้วเจ้าก็ต้องตอบแทนข้าถูกไหม” ปรารถนาฉีกยิ้ม ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ นางอดเลียริมฝีปากไม่ได้ ดวงตายิ่งดำมืด

“ส่งดวงวิญญาณเทพของเจ้ามาเป็นการตอบแทน ตกลงไหม”

“ข้าจะหลอมรวมดวงวิญญาณเทพของเจ้าและใช้เจ้าสร้างอิทธิพลต่อร่างต้นแบบของเจ้า…อย่างที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ หากเจ้าต้องการอิสระ…ความจริงแล้วมันง่ายมาก”

“หลังจากข้าได้หลอมรวมกับร่างต้นแบบของเจ้าแล้ว กอปรกับมหาเทพที่ข้าควบคุมอยู่ นี่ก็จะเป็นความสมบูรณ์ที่แท้จริง ส่วนเจ้า…ในฐานะร่างแยกของเศษวิญญาณก็ไม่ได้สำคัญอะไร”

“เจ้าสามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ ส่วนข้า…ก็จะพามหาเทพที่สมบูรณ์แล้วออกไปจากมหาจักรวาลผืนนี้” น้ำเสียงของปรารถนาไพเราะและมีพลังโน้มน้าวมาก ทุกคำที่พูดออกมาราวกับมีพลังสั่นคลอนจิตใจผู้อื่น ทำให้หวังเป่าเล่อเกิดหวั่นไหวอยู่ในใจเช่นกัน

“เป็นอย่างไรบ้าง” ปรารถนาสัมผัสได้ถึงความหวั่นไหวของหวังเป่าเล่อในพริบตา แสงดำมืดในดวงตาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าพูดขนาดนี้แต่ก็ยังไม่ลงมือ เพราะเจ้าไม่มั่นใจ หรือว่า…เจ้ายังควบคุมมหาเทพได้ไม่สมบูรณ์แบบกันล่ะ” จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็เอ่ยขึ้น

สีหน้าปรารถนาไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย นางยกมือขวาขึ้นมา ในพริบตานั้นเอง ร่างของหวังเป่าเล่อก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่กลางอากาศเหนือขั้นบันไดตรงหน้าปรารถนาแล้ว

สีหน้าปรารถนาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หวังเป่าเล่อกลับสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง มือขวากำแน่นก่อนจะชกออกไป

หมัดนี้ระเบิดพลังสะท้านฟ้าสะเทือนดินก่อตัวเป็นพายุคลั่งทำให้ปรารถนาถอยหนีไปอย่างลืมตัว นางสะบัดมือควบคุมมหาเทพด้านล่างทำให้มหาเทพยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า

ทันใดนั้นพลังปราณที่บ้าคลั่งกว่าพลันระเบิดออกมาก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์บีบหวังเป่าเล่อ แต่แล้วพริบตาต่อมาหวังเป่าเล่อที่ถูกบีบกลับกลายเป็นภาพติดตา ตัวเขาจริงๆ ไปปรากฏตัวอยู่อีกด้านของปรารถนาแล้ว

“ดูเหมือนเจ้าจะสู้กับคนไม่เก่งนะ…” หวังเป่าเล่อสายตาเย็นเยียบ ก่อนจะยกมือขวาขึ้น กลางฝ่ามือพลันปรากฏแหล่งกำเนิดแสง

แหล่งกำเนิดแสงนั้นเป็นสีขาวแผ่ลำแสงกว้างใหญ่ นั่นคือ…จุดแสงสีขาว…ที่มหาเทพมอบให้เขาดูความทรงจำ

ทันทีที่ปรากฏ หวังเป่าเล่อก็ต่อยมันอย่างแรง จุดแสงนั้นพลันระเบิดกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วบริเวณทันที

ทุกที่ที่มันกระจายไปทำให้หมอกดำถูกกัดกิน ปรารถนาหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ที่สำคัญที่สุด…คือในพริบตาที่จุดแสงระเบิด มหาเทพที่ถูกนางควบคุมไว้และหลับใหลอยู่ในหมอกก็เริ่มขยับเปลือกตาเล็กน้อย!

ร่างต้นแบบกับร่างแยกนั้นบางครั้งแม้จะไม่ได้สื่อสารกัน แต่ก็มีความเข้าใจเชื่อมถึงกันโดยปริยาย…ความรู้สึกนี้สลักไว้ในจิตวิญญาณ

เช่นเดียวกับจุดแสงที่ดูเหมือนเป็นแค่สิ่งเก็บความทรงจำ…