บทที่ 1437 ส่วนที่หายไป

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ความทรงจำส่วนนี้คือส่วนที่หายไป!

แผนการของมหาเทพสำเร็จไปแล้วหนึ่งส่วน เขาชักนำให้หายนะไม้สีดำมาได้สำเร็จและยังคามันไว้ตรงหว่างคิ้ว ขณะเดียวกันก็แบ่งดวงจิตเทพออกเป็นหนึ่งแสนดวงทยอยกลืนกินตะปูไม้ดำทั้งหนึ่งแสนเล่ม

แต่สุดท้ายหลังจากทำสำเร็จไป 99,999 ดวงจิตเทพ ด้วยความพิเศษของมหาจักรวาลและการหลอมรวมของเซียน ทำให้หวังเป่าเล่อที่นี่พ่ายแพ้

เศษวิญญาณที่กลายเป็นหวังเป่าเล่อเป็นอิสระโดยสมบูรณ์ ฝ่ายมหาเทพไม่สามารถนำเขามาหลอมรวมได้…หากให้เวลามหาเทพสักหน่อย บางทีเขาอาจจะคิดหาวิธีได้

หรือหากสภาพร่างกายเขาเป็นปกติ เขาก็สามารถออกจากการกักตนและเดินทางไปทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามแผนด้วยตัวเองได้

แต่…สิ่งไม่คาดฝัน ไม่ได้มีแค่หวังเป่าเล่อ เพราะได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน…กับร่างกายของมหาเทพด้วย

เหตุไม่คาดฝันนั้นก็คือปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาซึ่งมหาเทพเรียกมันว่า ‘ปรารถนา’

ความจริงของหกปรารถนา

แท้จริงแล้วแม้ความทรงจำของมหาเทพจะยังไม่ฟื้นกลับมาทั้งหมด แต่การหวนคืนมาของดวงจิตเทพแต่ละดวงก็ทำให้เกิดภาพเลือนราง ไม่ปะติดปะต่อกันผุดขึ้นในหัวเขา

แม้ภาพเหล่านั้นจะไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถแสดงผลอะไรได้ และยากที่เขาจะรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ทว่าสุดท้ายก็ยังมีภาพพร่าเลือนบางส่วนที่เขาสามารถบังคับมาต่อกันได้

ดังนั้น…ในความทรงจำของมหาเทพ วันหนึ่งเขาก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา

คนผู้นั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง นามว่าปรารถนา เขารู้สึกได้ว่าการตายของตนในชาติก่อนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง

ขณะเดียวกัน มหาเทพก็ได้คาดเดาบางอย่างเอาไว้ ดูเหมือนว่าหลังจากตนดับสิ้นแล้ว หญิงสาวผู้ยี้ได้กระทำการบางอย่างกับศพของเขา

นางต้องการควบคุม

สิ่งที่นางทำนั้น เมื่อเวลาผัยผ่านไปยามที่ร่างกายของมหาเทพเป็นปกติ มันยังไม่ได้ปรากฏขึ้น จนกระทั่งเขาได้ดึงดูดหายนะไม้สีดำเข้ามา ร่างกายอ่อนแอไร้พละกำลัง เมื่อนั้นพลังของปรารถนาถึงได้เผยออกมาราวกับงูพิษพี่รอคอยเวลาอย่างเงียบเชียบ

จนกระทั่งฝั่งหวังเป่าเล่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน นั่นทำให้การหลอมรวมของมหาเทพยืดเยื้อและไม่อาจสมบูรณ์ได้ กอปรกับหลัวที่มาท้าสู้เป็นครั้งที่สอง ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้มหาเทพยิ่งบาดเจ็บหนัก และปรารถนาที่หลบซ่อนอยู่ก็แทรกซึมไปอย่างเงียบเชียบราวกับกำลังสะสมพลังให้มากพอ เพื่อระเบิดในฉับพลัน!

การระเบิดของปรารถนากลายเป็นพลังแห่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา เข้าพันธนาการดวงวิญญาณเทพและกายเนื้อของมหาเทพ กัดกร่อนเขา ทรมานเขา และค่อยๆ ควบคุมเขา

ขณะเดียวกันมันก็ส่งผลกระทบต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในมิติเต๋าต้นกำเนิดด้วย ทำให้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระเบิดความปรารถนาและเริ่มก่อกบฏ

นี่คือสาเหตุที่มิติเต๋าต้นกำเนิดมีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา

จากนั้นก็ถูกมหาเทพที่ได้รับอิทธิพลจากปรารถนาสยบ ขณะที่มหาเทพต่อสู้กันระหว่างสติปัญญากับความปรารถนาในร่างกาย เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาก็ถูกทรมานและทำลายล้าง แม้แต่ผู้ที่ยอมจำนนก็ยังต้องสาป สาเหตุทั้งหมดก็เพราะมหาเทพอยากปลดปล่อยความปรารถนาของตน!

หากเขาไม่ปลดปล่อย เขาก็จะพินาศอย่างสมบูรณ์

ดังนั้นจึงเกิดหลุมฝังศพในโลกาชั้นที่สามขึ้น ที่นั่นฝังร่างทุกคนที่เขาสังหาร ขณะเดียวกันเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ก็ถูกเขาเปลี่ยนให้เป็นแหล่งพลังงาน เพราะว่า…เขาต้องการพลังชีวิตมากขึ้นเพื่อต่อต้านปรารถนา

ส่วนโลกาชั้นที่สองนั้น มหาเทพจัดไว้เป็น…ที่ทิ้งขยะจากการต่อสู้กับปรารถนา!

สถานที่นั้นคือกองขยะแห่งอารมณ์

เขามอบความปรารถนาให้ผู้คนที่ยอมจำนนต่อตนเองต่างกันไป ทำให้ผู้คนในโลกาชั้นที่สองต้องฝึกฝนปรารถนา เพื่อ…ให้พวกเขามาช่วยตน!

เทียบเท่ากับการสร้างต้นกำเนิดอื่นเพื่อให้ส่งความปรารถนาของตนลงไปอย่างต่อเนื่องและทำให้เขามีโอกาสฟื้นตัว

แท้จริงแล้วมหาเทพตั้งใจแยกโลกาชั้นแรกและสองออกจากกัน เขาต้องการปิดผนึกโลกาชั้นที่สองเพื่อให้ความปรารถนาในนั้นหมุนเวียนไปเองโดยไม่ล่วงเข้าไปในโลกาชั้นที่หนึ่ง

และเขาก็กักตนอยู่ในโลกาชั้นที่หนึ่ง ซึ่งจะปลอดภัยกว่ามาก

ขณะเดียวกันผนึกของโลกาชั้นที่สองนั้นก็เป็นผนึกด้านเดียว หรือกล่าวได้ว่าความปรารถนาในนั้นไม่สามารถทะลุเข้าไปในโลกาชั้นที่หนึ่งได้ แต่ความปรารถนาในโลกาชั้นที่หนึ่งสามารถส่งไปยังโลกาชั้นที่สองได้

ดังนั้นในปีต่อๆ มา มหาเทพจะส่งความปรารถนาที่เขาไม่สามารถสยบได้และยังเพิ่มขึ้นตลอดเวลาลงไปยังโลกาชั้นที่สอง วิธีการระบายเช่นนี้ทำให้ความกดดันในร่างกายบรรเทาลง

ขณะเดียวกันก็รอคอยโอกาสอย่างเงียบเชียบ เขาไม่ได้ยอมแพ้ ยังคิดว่าสักวันจะสามารถสยบปรารถนาได้ ทำให้ตัวเองไม่ถูกควบคุม เขายังรอคอยว่าสักวันตนจะได้หลอมรวมกับเศษวิญญาณส่วนสุดท้ายแล้วทำให้ตัวเองสมบูรณ์

เขาจึงไม่เต็มใจ แต่ความไม่เต็มใจนี้กลับสอดคล้องกับปรารถนาอารมณ์ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปรารถนาอารมณ์แข็งแกร่ง มหาเทพจึงถอดถอนปรารถนาอารมณ์ในโลกาชั้นที่สองและเปลี่ยนมันเป็นเจ็ดอารมณ์แทน

ทว่า ผลลัพธ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก

ด้วยเหตุนี้แม้จะเตรียมวิธีระบายความปรารถนาไว้แล้ว แต่เพราะความอ่อนแอที่สะสมมาเป็นเวลานานก็ทำให้ความปรารถนาของมหาเทพเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะระบายอย่างไรก็ไม่อาจควบคุมความเร็วในการเติบโตของมันได้

เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการหลับใหล เวลาที่จะได้ฟื้นคืนอย่างแท้จริงเหลือไม่มาก

นั่นทำให้มหาเทพตระหนักได้ว่า…ตนแพ้แล้ว

เพราะเขาในสภาพนี้ เว้นแต่หวังเป่าเล่อจะเป็นฝ่ายเลือกสละทุกสิ่งและหลอมรวมเองเท่านั้นถึงจะทำได้ มิเช่นนั้นหากเกิดอุปสรรคแม้เพียงเล็กน้อย เขาก็ไม่สามารถหลอมรวมมันได้

ยิ่งกว่านั้น…จากการคาดเดาของมหาเทพ ต่อให้ตนใช้เคล็ดวิชากลืนกินเศษวิญญาณส่วนสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ตนที่ถูกปรารถนาควบคุมอยู่ก็ยากจะสยบปรารถนาได้

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเอ่ยกับหวังเป่าเล่อมากมายขนาดนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าเขาให้หวังเป่าเล่อดูความทรงจำส่วนนี้และนั่นเป็นสาเหตุที่เขากล่าวว่า…เจ้ามาสายเกินไป ข้าแพ้แล้ว

เขาพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาและพ่ายแพ้ต่อเวลา

ทันทีที่ประตูสู่โลกาชั้นแรกถูกเปิดออกและกฎเกณฑ์ปรารถนาในโลกาชั้นที่สองไหลเข้ามา มหาเทพก็หมดสิ้นความหวังโดยสิ้นเชิง

และนี่ก็คือสาเหตุที่ผู้พิทักษ์เสวียนเฉิน เอ่ยถามคำถามเดิมถึงสามครั้ง

“เจ้า คิดดีแล้วหรือ”

เจ้าในที่นี้หมายถึงหวังเป่าเล่อและมหาเทพ

แม้ผู้ที่ตอบจะเป็นหวังเป่าเล่อ แต่สำหรับเสวียนเฉินแล้ว ทั้งคู่คือคนเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ขัดขวางและยินยอมให้หวังเป่าเล่อเปิดประตูเข้ามา

หวังเป่าเล่อสีหน้าสับสน ค่อยๆ ละมือจากจุดแสงแห่งความทรงจำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไอหมอกดำทั่วร่างที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนมองเห็นมหาเทพที่ปกคลุมอยู่ข้างในได้อย่างเลือนราง