อันที่จริง ก่อนหน้านี้มู่อวิ๋นเดินทางไปที่โลกแห่งเทพแล้ว
“เมื่อหลายวันก่อน ท่านอธิการมู่อวิ๋นพบโอกาสพิเศษบางอย่างและทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเทพสวรรค์ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ดินแดนของเราก็มีข้อจำกัดสำหรับพลังในระดับนั้น เขาจึงต้องไปจากที่นี่และเดินทางไปยังดินแดนที่อยู่ในระดับสูงกว่า”
เยว่ชิงเฉิงกล่าวอธิบายให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบเป็นคนแรกเพื่อมิให้นางกังวลจนเกินไป
สำหรับการเดินทางไปที่ดินแดนระดับสูงของมู่อวิ๋นถือเป็นเรื่องยาวพอสมควรและไม่สามารถอธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างสั้น ๆ
ในช่วงเวลาที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ออกจากดินแดนเทพมายาไปตาม ๆ กัน ในตอนนั้นมู่อวิ๋นก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บตัวบ่มเพาะพลัง
เดิมทีมู่อวิ๋นก็มีพลังที่แกร่งกล้าที่สุดในหมู่ทุกคนอยู่แล้วและมีพรสวรรค์ที่หลายคนเทียบไม่ติดฝุ่น
ทว่าเป็นในช่วงการเก็บตัวนั่นเองที่มู่อวิ๋นได้พบโอกาสครั้งยิ่งใหญ่
ความแข็งแกร่งเดิมของเขาอยู่เพียงขอบเขตราชาเซียนเท่านั้น ทว่าหลังออกจากช่วงเก็บตัว พลังของเขาก็ทะลวงข้ามไปสู่ขอบเขตเทพสวรรค์ได้โดยตรงซึ่งเป็นขอบเขตที่น่าสะพรึงกลัวจนเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ไม่อาจเอื้อมถึง
“ถึงแม้ดินแดนเทพมายาของเราจะมีข้อจำกัดอยู่ ท่านอธิการก็เพียงต้องยับยั้งพลังของตนเองไว้และไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่ในทันที ทว่าน่าเสียดายที่จู่ ๆ ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่ เราไม่ทราบเลยว่าพวกเขามาจากที่ใด แม้เราจะมีฝีมือพอสมควร เราก็มิใช่คู่มือของเหล่านั้นแม้แต่น้อยเลย พวกเขามาที่นี่และพาท่านอธิการไปที่โลกแห่งเทพโดยตรง ทว่าเราก็ไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าไปที่ใด”
เยว่ชิงเฉิงกล่าวถึงสถานการณ์ในตอนนั้นด้วยสีหน้าจนปัญญาอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนั้น กลุ่มคนแปลกหน้าบุกมาที่นี่เพื่อจับตัวมู่อวิ๋นไป ทว่านางและทุกคนที่นี่ไม่อาจทำอะไรเพื่อขัดขวางได้เลย ท้ายที่สุด พวกนางก็ทำได้เพียงมองดูเขาถูกพาตัวไปยังโลกแห่งเทพโดยที่ทำอะไรไม่ได้
โชคดีที่ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นเพียงต้องการพาตัวอธิการมู่อวิ๋นไปที่ใดสักแห่งเท่านั้นและไม่คิดที่จะทำร้ายเขา มิเช่นนั้น…ไม่สิ ถึงอย่างไรพวกนางก็ขัดขวางอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่ต้องกังวลหรอก”
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเมื่อคนเหล่านั้นเพียงมาหามู่อวิ๋นและพาตัวเขาไป เขาก็คงจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ในตอนนี้ บางทีคนเหล่านั้นอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขาหรือเขาอาจจะมีบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนเหล่านั้นจึงถูกพาตัวออกไป
“เมื่อเราไปที่โลกแห่งเทพในอนาคต เราจะตามหาเขาได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านอาจารย์จัดการธุระของตนเองจนเสร็จสิ้น เขาก็จะหาทางติดต่อเราอย่างแน่นอน”
วาจาของฉินอวี้โม่ทำให้ความกังวลของทุกคนสงบลงและไม่กดดันมากจนเกินไป
ด้วยความแข็งแกร่งและสติปัญญาอันชาญฉลาดของมู่อวิ๋น ไม่ว่าจะไปที่ใด เขาย่อมปกป้องตัวเองได้อย่างแน่นอน สิ่งที่ทุกคนทำได้ในตอนนี้คือพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองโดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้เดินทางไปที่โลกแห่งเทพและตามหามู่อวิ๋นให้พบ
ทุกคนพูดคุยหารือกันพักใหญ่ก่อนแยกย้ายกันกลับไปเตรียมสัมภาระของตนต่อไป
ฉินอวี้โม่ก็เดินไปที่เรือนส่วนตัวของตนในนครล่าฝันพร้อมกับญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายและพูดคุยกับพวกเขาอย่างสบาย ๆ
“ท่านปู่ ท่านอา ท่านตา พวกท่านจะไม่ไปที่ดินแดนมหาเทพกับพวกเราจริง ๆ รึเจ้าคะ ?”
หลังจากใช้เวลาอยู่ในลานกว้างพักใหญ่ ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย
หากไปจากที่นี่ในครานี้ นางไม่อาจทราบได้เลยว่าจะได้พบกับคนเหล่านี้อีกเมื่อใด ทุกคนตรงหน้าคือคนที่รักและหวังดีกับนางมากที่สุดและเป็นคนที่มีความเกี่ยวโยงทางสายเลือดกับตัวนาง แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ย่อมผูกพันและไม่ต้องการพลัดพรากจากพวกเขา
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เราจะคอยคุ้มกันและดูแลความเรียบร้อยของที่นี่ให้กับพวกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้า พ่อแม่ของเจ้า เสี่ยวชิงเฉิงหรือคนอื่น ๆ พวกเราจะรออยู่ที่นี่เสมอเมื่อพวกเจ้ากลับมา”
ฉินเฟินและอวี๋จวินซานมองหน้ากันและกล่าวอย่างใจเย็น
พวกเขาตระหนักถึงพรสวรรค์และระดับความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอย่างดี ต่อให้ตัดสินใจไปที่ดินแดนระดับสูง พวกเขาก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก การอยู่ที่นี่เพื่อคุ้มกันฐานที่มั่นให้กับฉินอวี้โม่และทุกคนจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่กล่าวสิ่งใดอีกเจ้าค่ะ หลังจากตามหาท่านแม่จนพบ ครอบครัวเราจะกลับมารับท่านปู่และท่านตา แล้วเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในดินแดนระดับสูง”
ฉินอวี้โม่พยักหน้าหงึกหงักด้วยความเข้าใจในความหมายของฉินเฟินและอวี๋จวินซาน สิ่งเดียวที่นางทำได้ในตอนนี้คือการตามหาอวี๋เสี่ยวอวิ๋น ฉินเทียนและคนอื่น ๆ ให้พบโดยเร็ว จากนั้นนางจะกลับมาที่นี่เพื่อให้ตระกูลของตนได้อยู่กันพร้อมหน้าและไม่ต้องแยกจากกันอีกเลย
หลังจากที่ฉินอวี้โม่อยู่ในนครล่าฝันนานสามวัน ทุกคนก็พร้อมที่จะเดินทางไปยังดินแดนมหาเทพ
“ทุกคน ไปร่ำลาญาติพี่น้องและคนสนิทของพวกเจ้าเถอะ”
จอมยุทธ์ผู้มีพรสวรรค์และฝีมือดีจำนวนมากเลือกที่จะเดินทางไปยังดินแดนระดับสูง ทว่ามีอีกไม่น้อยเช่นกันที่มีความคิดเหมือนกับฉินเฟินและคนอื่น ๆ ท้ายที่สุดจึงมีเพียงสองถึงสามร้อยคนที่จะเดินทางไปดินแดนมหาเทพในครานี้
ในบรรดาคนเหล่านี้ พวกเขาส่วนใหญ่เคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉินอวี้โม่มาก่อนและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ก็ยังมีจอมยุทธ์หน้าใหม่จำนวนหนึ่งที่เพิ่งเข้าร่วมในช่วงที่ผ่านมาและฉินอวี้โม่ไม่รู้จักคนเหล่านั้น
“พวกเราพร้อมแล้ว !”
เวลานี้ ทุกคนมารวมตัวกันและกล่าวอย่างพร้อมเพรียงด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมอย่างยิ่ง
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่ขยับมือร่ายไปมาเล็กน้อยและแยกห้วงมิติเพื่อเปิดทางไปสู่ดินแดนมหาเทพโดยตรง
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ระวังตัวด้วยล่ะ พวกเราจะรอการกลับมาของเจ้าอยู่ที่นี่”
แม้ฉินเฟินและคนอื่น ๆ จะไม่เต็มใจนัก พวกเขาก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อฝืนยิ้มออกไปเนื่องจากไม่ต้องการให้ฉินอวี้โม่และทุกคนเศร้าใจไปด้วย
“เราจะระวังตัวเจ้าค่ะ”
ทุกคนพยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกันและระงับความเศร้าเล็ก ๆในหัวใจก่อนก้าวเข้าไปในรอยแยกห้วงมิติทีละคน ๆ
……
ฉินอวี้โม่กำหนดจุดหมายปลายทางไว้ที่สำนักหมื่นกระบี่และนางได้หารือกับเหลยเจี้ยนเชิงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเหตุนั้น เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือสำนักอย่างกะทันหัน ทุกคนในขุมกำลังจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใด
“แม่เจ้า นี่คือดินแดนมหาเทพงั้นรึ ? สภาวะพลังที่นี่หนาแน่นยิ่งนัก เพียงเหยียบเข้ามาที่นี่ ข้าก็รู้สึกเหมือนกำลังจะทะลวงพลังแล้ว”
ทันทีที่คณะคนจากดินแดนเทพมายาก้าวออกจากรอยแยกห้วงมิติ พวกเขาก็อดกล่าวด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
สภาวะพลังของดินแดนมหาเทพอุดมสมบูรณ์มากกว่าดินแดนเทพมายาหลายเท่าตัว เพียงครู่เดียวนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่นี่ ทุกคนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนและมันก็มีอิทธิพลต่อทุกคนอย่างมหาศาล
ผู้ที่มีความแข็งแกร่งติดอยู่ในสภาวะคอขวดก็รับรู้ได้ถึงโอกาสของการทะลวงพลังทันทีและดูเหมือนว่าพลังของพวกเขาจะพัฒนาขึ้นไปได้ทุกเมื่อ
“ข้าก็กำลังจะทะลวงพลังเช่นกัน”
เสียงของเสี่ยวโร่วดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่เช่นกัน ความแข็งแกร่งของนางถือว่ามากพอที่จะถูกจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของคนเหล่านี้ เดิมทีนางมีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดและตอนนี้นางก็กำลังจะทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตนภาเซียน
“ท่านลุงเหลย ฝากท่านดูแลความเรียบร้อยให้กับทุกคนด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะพาพี่สะใภ้ของข้าไปหาที่ทะลวงพลังก่อน”
ฉินอวี้โม่จับมือเสี่ยวโร่วและกล่าวทิ้งท้ายก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนที่พักที่นางเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้เพื่อให้เสี่ยวโร่วได้มีสถานที่สำหรับการทะลวงพลัง
เหลยเจี้ยนเชิงก็จัดเตรียมที่พักให้กับทุกคนอย่างรวดเร็วและหลายคนเริ่มการทะลวงพลังได้ทันที
ภายในเวลาเพียงครึ่งวัน คนจากดินแดนเทพมายาหลายคนก็ทะลวงพลังได้สำเร็จแล้ว พลังยุทธ์ของเสี่ยวโร่ว เยว่ชิงเฉิง โอวหยางชิงเฟิงและคนอื่น ๆ บรรลุถึงขอบเขตนภาเซียนทั้งหมดและจัดเป็นจอมยุทธ์ที่เข้าใกล้ระดับหนึ่งของดินแดนมหาเทพ ความแข็งแกร่งของคนอื่น ๆ ก็มีการพัฒนาครั้งใหญ่เช่นกันและผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มที่เดินทางมาที่นี่บรรลุเข้าสู่ขอบเขตพสุธาเซียนแล้ว
สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างและตื่นเต้นกับการทะลวงพลังของตนเองอย่างที่สุด
“สำนักหมื่นกระบี่ได้เตรียมงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับทุกคนแล้ว อีกอย่าง..ข้าก็ควรจะแนะนำสถานการณ์ปัจจุบันของดินแดนมหาเทพเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ขอเชิญทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานจัตุรัส”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก่อนปลีกตัวออกไปเพื่อพบกับเหลยเจี้ยนเชิง ฮวาเยว่และคณะผู้อาวุโส