สำหรับมหาเทพ แผนที่ดวงดาวนั้นสำคัญพอๆ กับชีวิตเขา นั่นเป็นพิกัดที่เขาจะได้กลับบ้าน เป็นเพียงเบาะแสเดียวที่จะทำให้เขากลับไปได้ เพราะถึงอย่างไร…ต่อให้เขาจะมีความทรงจำสมบูรณ์จริงๆ แต่หลังจากตายก็ถูกใส่ไว้ในโลง เวลาเนิ่นนานที่ผ่านไปก็ไม่รู้ว่าล่องลอยไปกี่จักรวาลแล้ว
ดังนั้นต่อให้จะฟื้นความทรงจำได้ก็ยังยากที่จะหาทางกลับบ้านอย่างถูกต้องท่ามกลางจักรวาลมากมายเหล่านี้ เพราะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล
ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับเขา
แต่สำหรับหวังเป่าเล่อ สิ่งเหล่านี้…ไม่มีค่าอะไร จะอดีตหรือชาติก่อน เขาไม่สน สิ่งที่เขาเลือกนั้นต่างจากมหาเทพ
ดังนั้นแผนที่ดวงดาวที่ปรารถนาแสดงเพื่ออยากจะสั่นคลอนจิตใจหวังเป่าเล่อจึงเป็นเรื่องไร้สาระและกระจอกมาก
แต่เมื่อลองนึกถึงสารัตถะของปรารถนาที่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสตินึกคิด หวังเป่าเล่อก็เข้าใจได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำเช่นนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรสำหรับเขา…ก็ไร้ผล
ดังนั้นในพริบตาต่อมาตะปูไม้ดำที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างทุกสิ่งจึงทะลวงเข้าไปในแผนที่ดวงดาว เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ภาพนั้นหมุนคว้างกะทันหัน ดวงดาวแต่ละดวงในภาพพังทลายราวกับกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และถูกทำลายย่อยยับเป็นบริเวณกว้าง…
หลังจากแตกสลาย พลังปราณสีดำจำนวนมากก็แผ่ออกมาก่อนจะไปรวมตัวกันไกลๆ สิ่งที่ก่อตัวขึ้นไม่ใช่ปรารถนาอารมณ์ แต่เป็นร่างของปรารถนา!
นางยืนอยู่ตรงนั้น สวมชุดคลุมยาวสีดำ ใบหน้าไร้ร่องรอยแต่กลับซีดเซียวแม้แต่น้อย ความผันผวนบนร่างยังคงแข็งแกร่ง ราวกับการสู้กับหวังเป่าเล่อเมื่อครู่ไม่สามารถทำอะไรนางได้เลย
แต่ดวงตาที่มืดมิดของนางกลับซ่อนความโกรธเกรี้ยวอย่างแรงกล้าเอาไว้ นางจ้องหน้าหวังเป่าเล่อ จ้องมองแผนที่ดวงดาวที่แตกสลายไป
ในตอนนั้นเอง…ผลึกแก้วสีฟ้าในหว่างคิ้วหวังเป่าเล่อที่กำลังหลอมรวมกลับมีคลื่นผันผวนหลงเหลืออยู่ ความผันผวนนั้นปราศจากสตินึกคิด ไม่เกี่ยวข้องกับการช่วงชิง แต่ถึงอย่างไรมันก็มาจากทุกสิ่งของมหาเทพ ทิ้งร่องรอยอารมณ์ของมหาเทพไว้
“ตัดใจไม่ลงหรือ…” หวังเป่าเล่อถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกวักมือขวา ทันใดนั้นในแผนที่ดวงดาวที่พังทลายก็มีเศษชิ้นส่วนหนึ่งพุ่งมาหาหวังเป่าเล่อ เขาคว้ามันไว้ในมือ
เมื่อถึงตอนนี้อารมณ์ในผลึกแก้วสีฟ้าก็หายไปในที่สุด
เมื่อมันหายไปแล้วการหลอมรวมระหว่างเขากับผลึกแก้วสีฟ้าก็เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย
“เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจมาก” ปรารถนาที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ามองหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นแค่เศษวิญญาณ แต่สุดท้ายกลับเดินมาถึงจุดนี้ได้…และการปรากฏตัวของข้าก็ดูเหมือนจะช่วยให้เจ้าหลีกหนีการหลอมรวมของมหาเทพได้สำเร็จ”
“กระทั่งในตอนสุดท้าย…มหาเทพก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะหลอมรวมเข้ากับเจ้า…ทำให้ข้าเกิดความเชื่อมโยงบางอย่าง ดวงจิตของมหาจักรวาลกำลังปกป้องเจ้า!” กล่าวจบดวงตาปรารถนาก็ยิ่งดำสนิท
หวังเป่าเล่อไม่เอ่ยอะไร เงยหน้ามองปรารถนาอย่างสงบนิ่ง
“แต่ทั้งหมดนี่ไม่มีประโยชน์หรอก…จักรวาลที่ข้าอยู่ไม่ใช่สิ่งที่สถานที่แห่งนี้จะเทียบชั้นได้เลยสักนิด ระหว่างทั้งสองก็เหมือนหิ่งห้อยกับพระจันทร์สว่างไสว…” สายตาปรารถนาไร้การดูแคลนราวกับกำลังบอกเล่าข้อเท็จจริง
“เพราะว่า…จักรวาลที่เจ้าอยู่เป็นเพียงวงแหวนดาราพิภพ ต่อให้ฝึกตนจนถึงระดับสูงสุดหรือถึงขั้นที่เก้าอย่างที่พวกเจ้าพูดกันก็เป็นเพียงยอดของพิภพเท่านั้น”
“วงแหวนดาราพิภพมีจักรพิภพเต๋ามากมาย แต่ละจักรพิภพมีอาณาเขตดวงดาวนับไม่ถ้วนและในแต่ละดวงดาวก็มีมหาจักรวาลอีกนับไม่ถ้วน…”
“แต่ข้า…มาจากวงแหวนดาราสวรรค์!”
“วงแหวนดาราสวรรค์แข็งแกร่งจนเจ้าจินตนาการไม่ออกเชียวล่ะ”
“เดิมทีเจ้ายังมีโอกาสมาอยู่ใต้การควบคุมของข้าและกลับไปยังดาราสวรรค์ บางทีข้าอาจจะเก็บจิตใต้สำนึกของเจ้าไว้ ให้โอกาสเจ้าเกิดใหม่ในวงแหวนดาราสวรรค์ แต่ตอนนี้…เจ้าหมดโอกาสแล้ว” ปรารถนาส่ายหน้า ความมืดมิดในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่หว่างคิ้วตนเอง
ในตอนนั้นพลันเกิดระลอกคลื่นหลากสีผุดขึ้นเป็นชั้นๆ กระจายออกมาจากหว่างคิ้วของปรารถนา
ระลอกคลื่นนั้นมีทั้งหมดหกชั้นราวกับมันเป็นตัวแทนพลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาทั้งหก เมื่อแผ่ออกมาร่างของปรารถนาก็ค่อยๆ สลายไปในระลอกคลื่น ขณะเดียวกัน…โลกใบนี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ซากปรักหักพังบนพื้น ภูเขาและโขดหินไกลๆ รวมทั้งฟ้าดินราวกับมีจิตวิญญาณ เกิดสตินึกคิดขึ้นมาในพริบตา และสตินึกคิดนั้นล้วนเปลี่ยนเป็นศัตรูต่อหวังเป่าเล่อ
“นี่คือโลกแห่งปรารถนาของข้า เจ้า…จะจมดิ่งอยู่ที่นี่” ซากปรักหักพังบนพื้น ฟ้าดินอันห่างไกล ภูเขาโขดหินรอบๆ ต่างส่งเสียงออกมารวมตัวกันก่อตัวเป็นกฎเกณฑ์พิเศษชนิดหนึ่ง
กฎเกณฑ์นี้คล้ายมีอยู่เฉพาะสำหรับหวังเป่าเล่อเท่านั้น หน้าที่ของมัน…คือทำให้หวังเป่าเล่อจมดิ่ง
ในไม่ช้าภาพตรงหน้าหวังเป่าเล่อก็พร่าเลือนราวกับทั้งโลกค่อยๆ พร่าเบลอ และกลายเป็นกระแสน้ำวนกลืนกินทุกสิ่งข้างใน
ดวงตาหวังเป่าเล่อส่องประกายเย็นเยียบ เขาสัมผัสได้ถึงพันธนาการที่มองไม่เห็นบนตัวและสังเกตเห็นว่าเต๋าของตนถูกรบกวนจากพลังบางอย่าง แม้แต่ความเร็วของการหลอมรวมผลึกแก้วสีฟ้าบนหว่างคิ้วก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย
“น่าสนใจนี่” หวังเป่าเล่อกระซิบ นัยน์ตาเผยแสงประหลาด ก่อนจะยกมือสะบัดเบาๆ
ดั่งมีแม่น้ำสายยาวที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เมื่อเขาโบกสะบัด สายน้ำก็เริ่มไหลย้อนกลับทำให้แม่น้ำพลันพลิกตลบกลับมาอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่ออีกครั้ง
มันก็คือ…จันทร์คล้อย!
ในเมื่อเวลานี้เจ้าทำให้ข้าจมดิ่ง ข้าก็จะเปลี่ยนจุดเวลาบ่อนทำลายเจ้า!
แม่น้ำแห่งกาลเวลาพลันปะทุ พลังแห่งจันทร์คล้อยกำลังหมุนเวียน กาลเวลาในโลกพร่าเบลอเริ่มไหลย้อนกลับ จนกระทั่ง…โลกทั้งใบมืดสนิท!
ตบะบำเพ็ญระดับหวังเป่าเล่อและผลึกแก้วสีฟ้าของมหาเทพที่หลอมรวม ทำให้เคล็ดวิชาเวทจันทร์คล้อยของหวังเป่าเล่อแตะสู่ระดับสูงสุด
ตอนนี้การย้อนเวลาครั้งแรกของเขาได้ย้อนกลับมาในตอนที่…เหล่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามหาเทพเริ่มก่อกบฏ!
โลกอันมืดมิดพลันสว่างไสว เสียงกรีดร้องไม่ยินยอมดังกระจายไปทั้งแปดทิศ
เมื่อมองไปรอบโลกใบนี้ มันไม่ใช่ด่านปรารถนาอีกต่อไปแล้ว แต่กกลับลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดมหึมาที่ซึ่งใจกลางของกระแสน้ำวนมีร่างคล้ายเทพเจ้านั่งขัดสมาธิอยู่
ขณะนี้รอบร่างนั้นมีผู้เยี่ยมยุทธ์นับร้อยที่พลังปราณทรงพลังยิ่งใหญ่ เป็นดั่งคมมีดพุ่งไปยังร่างที่อยู่ใจกลางกระแสน้ำวน
พริบตานั้นร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตามืดสนิท เขาไม่สนใจผู้คนที่พุ่งมาสังหารเหล่านั้น แต่กลับเงยหน้ามองไปไกล…
ตรงจักรวาลที่เขามองไปพลันปรากฏร่างของหวังเป่าเล่อ