บทที่ 1445 วงแหวนดาราสวรรค์ (องก์ 2)

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

“ไม่ใช่มหาเทพแล้ว” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว เคล็ดวิชาจันทร์คล้อยของเขาได้รับผลกระทบจากโลกแห่งปรารถนาทำให้แม้จะย้อนเวลากลับมาสมัยโบราณ แต่ก็เหมือนไม่ได้ย้อน

อย่างเช่นภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ การก่อกบฏของผู้ใต้บังคับบัญชามหาเทพนั้นแม้จะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อันยาวนานมาแล้ว แต่…มหาเทพตอนนั้นยังไม่ได้รับผลกระทบจากปรารถนาอย่างสมบูรณ์จึงสามารถจัดการเรื่องโลกาสามชั้นต่อจากนี้ได้

ทว่า…มหาเทพตรงหน้าเขากลับดวงตามืดมิดและรอยยิ้มที่มุมปากก็ทำให้หวังเป่าเล่อยืนยันได้ว่าอีกฝ่าย…คือปรารถนา

ยังไม่ทันที่หวังเป่าเล่อจะคิดอะไรได้มาก ปรารถนาที่แปลงกายเป็นมหาเทพพลันยกมือขึ้นชี้มาทางหวังเป่าเล่อ ทันใดนั้นหมอกดำก็ระเบิดออกมาจากร่างแผ่ขยายไปทั่วราวกับจะแทรกซึมไปทั้งมิติเต๋าต้นกำเนิด

ผู้เยี่ยมยุทธ์ 100 กว่าคนในกระแสน้ำวนตกอยู่ในอันตราย

เห็นเช่นนั้น ดวงตาหวังเป่าเล่อพลันส่องประกายเย็นวาบทันที เขารู้ดีว่าหลังจากจันทร์คล้อยของตนได้รับผลกระทบ สถานการณ์ของเขาจะเสียการควบคุม มหาเทพที่ปรารถนาแปลงกายมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ตนได้เห็นในห้องโถงเสียอีก

ดังนั้นเมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์นับร้อยได้รับผลกระทบด้วย ตนก็ไร้ความหวังที่จะเอาชนะปรารถนาตรงหน้าในจุดเวลานี้ได้เลย

พริบตาต่อมาเมื่อหมอกดำแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อจึงแยกร่างออกไปนับร้อยตรงเข้าหลอมรวมกับผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนในกระแสน้ำวนทันที ทันใดนั้นผู้เยี่ยมยุทธ์นับร้อยก็ตาเป็นประกายวาววับ

แต่ละคนดูคล่องแคล่วว่องไวขึ้น แม้จะกระจัดกระจาย แต่ก็ดูเป็นหนึ่งเดียวกัน ผสมผสานกันอยู่ในหมอกดำ ครู่หนึ่งก็เกิดเสียงคำรามสนั่นฟ้า

นี่คือการต่อสู้ครั้งสำคัญ ฝ่ายหนึ่งคือมหาเทพที่ปรารถนาแปลงกายมา และครอบครองพลังของมหาเทพ อีกฝ่ายหนึ่งคือผู้เยี่ยมยุทธ์นับร้อยที่มีดวงจิตของหวังเป่าเล่อผสานเข้าไปช่วยเสริมพลังให้พวกเขา

เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกันเรียกได้ว่าดุเดือดมาก

ปราณหมอกสีดำพลิกตลบอย่างต่อเนื่อง มหาเทพที่แปลงกายมาจากปรารถนาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวเข้าสู่สนามรบ และกดมือขวาลง ทันใดนั้นผู้เยี่ยมยุทธ์หัวจระเข้ที่ก่อกบฏคนหนึ่งก็ตัวสั่นเทิ้ม ร่างกายและจิตวิญญาณพลันแตกสลาย

ในพริบตาก่อนที่เขาจะตาย จิตใต้สำนึกของหวังเป่าเล่อในร่างก็สลายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาปรากฏในร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์อีกคนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ

ไม่จบแค่นั้น ดูเหมือนสำหรับมหาเทพ ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ก่อกบฏแต่ละคนช่างเปราะบางยิ่งนัก เมื่ออ้าปากสูดลม ผู้เยี่ยมยุทธ์สามคนที่อยู่ข้างหน้าเขาก็ร่างกายแห้งเหี่ยวอย่างควบคุมไม่ได้ จิตวิญญาณ ลมปราณ และร่างกายของพวกเขาถูกมหาเทพที่ปรารถนาแปลงกายมาสูบกินเข้าปากไปจนหมด

“วิ่งเร็วจังนะ” หลังจากเคี้ยวกินเสร็จแล้ว มหาเทพที่ปรารถนาแปลงกายมาก็หัวเราะเบาๆ ผู้เยี่ยมยุทธ์สามคนที่ถูกมันกินเข้าไปก็ยังไม่มีดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อ หวังเป่าเล่อโยกย้ายมันออกไปได้ทันในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน

แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อ แม้ผู้เยี่ยมยุทธ์จะฝ่าทะลุหมอกมาปรากฏรอบตัวมหาเทพมากขึ้นเรื่อยๆ และแสดงพลังเทพของตัวเอง แต่พลังเทพพวกนั้นเมื่อกระทบร่างมหาเทพก็เหมือนกับวัวโคลนลงทะเล ไม่มีผลใดๆ เลยสักนิด

ภาพนี้ทำให้จิตใต้สำนึกของหวังเป่าเล่อที่กระจัดกระจายต่างสั่นไหว

โดยเฉพาะในเวลาต่อมา ขณะที่เสียงหัวเราะมหาเทพดังก้อง เขาก็ยกมือขึ้นคว้าออกไป ทันใดนั้นจักรวาลรอบตัวพลันบิดเบี้ยวและเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง ทั้งมิติเต๋าต้นกำเนิดก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์บีบเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคน!

“เต๋าแห่งความตาย!” ในช่วงวิกฤต จิตใต้สำนึกทั้งหมดของหวังเป่าเล่อต่างแสดงเต๋าที่หกของเต๋าแปดปรมัตถ์ทันออกมา

เต๋าแห่งความตายปรากฏขึ้นหลังจากฝ่ามือยักษ์บีบเข้ามา ฉับพลันผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายในฝ่ามือต่างรูปร่างบิดเบี้ยว แต่ครู่ต่อมาก็กลายเป็นวิญญาณกลับมาปรากฏตัวขึ้นใหม่และต่อสู้อีกครั้ง

ถึงกระนั้นหวังเป่าเล่อก็ยังตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าในจุดเวลานี้ยากที่ตนจะเอาชนะได้ ดังนั้นเมื่อท่าทางเย้ยหยันจากมหาเทพรุนแรงขึ้น จิตใต้สำนึกของหวังเป่าเล่อในร่างผู้เยี่ยมยุทธ์จึงระเบิดออกในเวลาเดียวกัน

พริบตาต่อมาผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และกลายเป็นวิญญาณก็ทำผนึกมุทราอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้ไปข้างหน้าแล้วเอ่ยเสียงต่ำ

“จันทร์คล้อย!”

ในเมื่อจุดเวลานี้ทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเวลาเสียก็สิ้นเรื่อง ร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายพลันระเบิดออกในพริบตาที่หวังเป่าเล่อควบคุมจิตใต้สำนึก สายน้ำแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นอีกครั้งก่อนจะหมุนย้อนวันเวลา ทุกอย่างในโลกนี้พลันพร่าเบลอจนกระทั่งมืดสนิท…

และเมื่อทุกอย่างกลืนคืนมา ยังคงเป็นมิติเต๋าต้นกำเนิด ยังคงเป็นกระแสน้ำวนเช่นเดิม ในกระแสน้ำวนยังคงเป็นร่างมหาเทพ เพียงแต่…ผู้เยี่ยมยุทธ์นับร้อยต่างนั่งรายล้อม ไม่มีการก่อกบฏใดๆ

บนหว่างคิ้วของมหาเทพก็ไม่มีตะปูไม้ดำนั่นด้วย!!

มีเพียงที่ปลายจักรวาลเหนือศีรษะพวกเขา บัดนี้ภูเขาหลงซานส่องแสงคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าและความผันผวนอันน่าอัศจรรย์ก็กำลังก่อตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา!

มหาเทพที่นั่งทำสมาธิอยู่ใจกลางมิติเต๋าต้นกำเนิดพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเขายังคงดำสนิท เห็นได้ชัดว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลจากปรารถนา จุดเวลาที่ย้อนกลับมานี้ มหาเทพยังคงเป็นปรารถนาที่แปลงกายมา

เพียงแต่…ทิศทางที่เขามองไม่ใช่ข้างหน้า แต่เงยหน้ามองไปยังสุดขอบจักรวาล สีหน้าไม่มีการเย้ยหยันเหมือนเมื่อครู่ แต่ดูเคร่งขรึมไม่น้อย

“เลือกจุดเวลานี้สินะ…”

จุดเวลานี้ก็คือ…ตอนที่มหาเทพชักนำหายนะไม้สีดำ!

ที่ปลายสุดจักรวาลกำลังเกิดการก่อตัวอย่างบ้าคลั่ง พลังปราณของหวังเป่าเล่อก็กำลังแทรกซึมอยู่ภายใน

ครั้งนี้สิ่งที่เขาแปลงกาย…ก็คือร่างต้นแบบของตน นั่นคือตะปูไม้ดำ…หรือก็คือ…หายนะไม้!

พริบตาต่อมาสุดขอบจักรวาลก็ดูเหมือนกับมีพายุคลั่งแผ่ออกมา เสียงดังกึกก้องราวกับดวงจิตของจักรวาลกำลังแค่นลมหายใจ เมื่อสายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดกระจายออกไป ไม้สีดำขนาดใหญ่ก็แผ่ขยายออกมาจากปลายจักรวาล

ทันทีที่ปรากฏตัวก็แผ่แรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายได้ปกคลุมไปทั่วจักรวาล กำหนดเป้าหมายไปยังมหาเทพที่ปรารถนาแปลงกายมาในมิติเต๋าต้นกำเนิด ดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อกระตุก ทันใดนั้น…ไม้สีดำก็ตกใส่…ปรารถนา!

มันเร็วมากจนข้ามจักรวาลมาได้ในชั่วพริบตา ไม้ดำนั้นเล็กลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นตะปูไม้ดำ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของมหาเทพที่ปรารถนาแปลงกาย ท่ามกลางการปะทุของไอหมอกดำอันไร้ที่สิ้นสุด ตะปูไม้ดำเล่มนี้มาพร้อมดวงจิตเทพและเจตจำนงของหวังเป่าเล่อทะลุหมอก ทะลุทุกสิ่งกีดขวาง และตกลงบนหว่างคิ้วของมหาเทพ

มันตอกลงไป…

อย่างรุนแรง!!